เกริ่นกันก่อน
ก่อนหน้านี้เชื่อว่าแฟนๆค่ายผลไม้ทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า Steve Jobs นั้นไม่เห็นด้วยกับการทำสมาร์ทโฟนให้มีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ทว่าวันนี้มันกลับจะกลายเป็นเรื่องที่ไร้สาระมากครับกับการที่จะปฏิเสธว่าสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่กว่าเป็นอะไรที่ดีกว่า อย่างปีก่อน Apple ที่บริหารงานโดยนาย Tim Cook ก็ได้แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ของบริษัทอย่างชัดเจนแล้วด้วยการปล่อย iPhone 6 Plus สมาร์ทโฟนหน้าจอบิ๊กเบิ้มออกมาสู่ตลาด
แน่นอนครับว่าผู้ใช้ทั้งหลายชอบสมาร์ทโฟนที่มีขนาดใหญ่กว่า มันเป็นความจริงที่ไม่มีทางปฏิเสธได้ อย่างที่เห็นว่าในแต่ละปีแต่ละบริษัทจะปล่อยสมาร์ทโฟนออกมาใหม่อยู่เสมอ ซึ่งสมาร์ทโฟนเหล่านั้นก็ดูจะมีขนาดที่เพิ่มมากขึ้นทุกปีเช่นกันครับ โดยเหตุผลหลักๆก็เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้และมันก็ง่ายกับการใช้งานจริงๆด้วยนั่นแหละครับ และเมื่อ Apple เริ่มเห็นด้วยกับความจริงดังกล่าวและปล่อย iPhone 6 Plus ออกมาเมื่อปีก่อน งานนี้ก็เลยส่งผลให้มันกลายมาเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมสูงสุดเมื่อปีที่แล้วเลยทีเดียว
และเมื่อมาถึงปีนี้ล่าสุด Apple ก็ได้ปล่อยออกมาแล้วสำหรับเครื่องที่มาพร้อมกับ ‘S’ เครื่องที่เปรียบเเสมือนผู้สืบตระกกูลของ iPhone 6 Plus นั่นก็คือ iPhone 6s Plus ซึ่งแน่นอนครับว่าภายนอกของมันก็เป็นไปตามคาดคือไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย เว้นเสียแต่ความหนาที่เพิ่มขึ้นมานิดหน่อย แต่ในส่วนของภายในกลับกลายเป็นอีกเรื่องที่เราต้องมาพูดถึงกันในวันนี้
แต่ก่อนจะไปพูดถึง iPhone 6s Plus แบบเต็มๆ ยังไงก็ต้องขอพูดถึงเรื่องของคู่แข่งกันบ้างเล็กน้อย ก็แหม่..จะให้พูดถึงแต่ iPhone อย่างเดียวมันก็คงจะดูเหมือนกับไม่มีใครสู้ เพราะเอาเข้าจริงๆแล้วก่อนที่ Apple จะเปิดตัวเจ้าทายาทสืบสกุลเครื่องนี้ออกมา มันก็มีคู่แข่งที่น่ากลัวออกมาก่อนนั่นก็คือ Samsung Galaxy Note 5 แฟ็บเล็ตจากค่ายไม้เบื่อไม้เมาเจ้าเก่าเจ้าเดิมออกมาก่อน และพูดในฐานะของผู้ใช้คนหนึ่ง Note 5 ถึอเป็นเครื่องที่น่าใช้อย่างมากไม่แพ้กันเลยครับ ณ จังหวะนั้น เชื่อว่าการมาของ Note 5 น่าจะทำให้ Apple แอบมีเกร็งๆมิใช่น้อยแน่ๆครับ เพราะถ้าพูดกันตรงๆล่ะก็ iPhone 6s Plus กับ Note 5 เป็นอะไรที่ใกล้เคียงกันมากทีเดียว เรียกว่าเป็นคู่แข่งกันโดยตรงเลยก็ว่าได้
เอาล่ะครับคิดว่าเราเกริ่นกันมายาวพอสมควรแล้ว เราไปลงรายละเอียดกับเรื่องของเราในวันนี้กันดีกว่า มาดูกันซิว่า iPhone 6s/6s Plus จะสามารถ Counter attack ตีโต้กับคู่แข่งในสนามได้มากน้อยเพียงใด กับการรีวิวด้านล่างนี้เลยครับ
สิ่งที่มาในแพ็คเกจของ iPhone 6s Plus
- เครื่อง Apple iPhone 6s Plus
- อุปกรณ์ชาร์จ
- หูฟัง
- คู่มือการใช้งาน
- สติ๊กเกอร์ Apple
การออกแบบ
หากไม่รวมถึงสีใหม่อย่าง Rose gold (ชมพู) ที่เข้ามา ถือว่ามันยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
จริงๆแล้วในปีนี้ได้มีการคาดการณ์กันออกมาอย่างหนาหูอยู่แล้วล่ะครับว่าจะเป็นปีแห่ง ‘S’ หรือเป็นการมาของ iPhone 6s และ 6s Plus และแน่นอนครับว่าไม่มีใครเซอร์ไพรซ์อยู่แล้วที่เจ้าเครื่อง iPhone 6s จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาภายนอกอะไรเลย เพราะปกติแล้วมันเป็นแบบนั้นอยู่แล้วจริงไหมล่ะครับ คือถ้าเอามาวางเทียบกันระหว่าง iPhone 6s และ iPhone 6 ก็ไม่มีใครบอกได้แน่ๆครับว่าเครื่องไหนเป็นรุ่นไหน เพราะมันทั้งคู่ต่างทำจากโลหะและมีหน้าตาเรียบหรูเหมือนกัน แต่สิ่งที่ต่างกันจะเป็นเรื่องของวัสดุที่ใช้ในการผลิตนั่นก็คือ ใน iPhone 6s นั้นจะใช้วัสดุชนิดใหม่ที่เรียกกันว่า 7000 Series aluminum เป็นโลหะที่มีความแข็งแรง คงทนมากกว่าที่ใช้ใน iPhone 6 ดังนั้นปีนี้คงจะไม่ได้เห็น #Bendgate แล้วแน่ๆ
เรามาดูกันในส่วนของสีที่เพิ่มเข้ามากันบ้าง สำหรับสี Rose Gold หรือว่าสีชมพูถ้าพูดเข้าใจกันง่ายๆ แต่จากที่เราดูๆไปแล้วคิดว่ามันไม่น่าจะคล้ายกับกุหลาบชมพูเท่าไรนะครับ ออกไปทางสีชมพูแซลม่อนเสียมากกว่า แต่ตรงส่วนนี้คิดว่าแล้วแต่คนจะมองนะครับว่ามันเหมือนกับสีของอะไรกันแน่
และหลังจากที่เราได้สัมผัสเจ้าเครื่อง iPhone 6s Plus แล้วต้องบอกแบบนี้ครับว่า นอกจากที่มันจะมาพร้อมกับรูปร่าง รูปทรงที่เรียบหรู ขอบโค้งมนจับถนัดมือแล้ว มันยังแอบมาพร้อมกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นด้วยนะครับ โดยตอนนี้มันมีน้ำหนักอยู่ที่ 192 กรัม โดย iPhone 6 Plus นั้นหนัก 172 กรัม ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่ามันหนักขึ้นมากเท่าไรนักครับ แทบไม่รู้สึกเลยมากกว่า เว้นแต่ว่าจะมาถือเทียบกันจริงๆ หากใครสงสัยว่าน้ำหนักขนาดนี้ถือว่าหนักไปหรือไม่? ทางเราคิดว่ามันไม่หนักไปนะครับเพราะถ้าถือสองมือเล่นก็จะพอดีเลย เชื่อว่า Apple น่าจะออกแบบเจ้าเครื่อง iPhone 6s Plus มาไว้สำหรับเล่น 2 มือมากกว่าอยู่แล้วด้วยครับ
โดยรวมแล้วในส่วนของการออกแบบแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปครับ หากใครที่ชอบดีไซน์แบบนี้ก็น่าจะยังชอบอยู่ ส่วนใครที่ไม่ชอบก็น่าจะยังคงไม่ชอบอยู่ครับ เกือบลืมพูดถึงในส่วนของกล้องหลังไปครับว่า ยังไม่มีการปรับปรุงหรือแก้ไขตรงจุดนี้นะครับที่มันยื่นออกมาแปลกๆ แต่อย่างไรก็ตามชีวิตยังมีพรุงนี้เสมอ เชื่อว่าปีหน้าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นครับ อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องของ Touch ID ใน iPhone 6s Plus ได้มีการพัฒนาให้ดีขึ้น โดยมันสามารถทำงานได้เร็วกว่าเดิมครับ แต่เอาตามตรงเลยคือมันดีขึ้นนิดหน่อยจริงๆครับ แทบไม่รู้เลยว่ามีการพัฒนาให้ดีขึ้น จริงๆนะ
หน้าจอ
หน้าจอ Retina ทำให้แสดงผลออกมาอย่างสวยสดงดงาม แต่ 3D Touch เป็นพระเอกของงานนี้
มาต่อกันยกที่ 2 ครับในส่วนของหน้าจอ Apple iPhone 6s Plus จะมาพร้อมกับหน้าจอ Retina ขนาด 5.5 นิ้ว 1080 x 1920 หนึ่งในเทคโนโลยี IPS-LCD ที่ดูท่าว่า Apple จะหลงรักเทคโนโลยีนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ทั้งนี้หน้าจอของ iPhone 6s Plus จะมีความหนาแน่นของพิกเซลอยู่ที่ 401 ppi นะครับ เรียกได้ว่าเป็นความงามระดับที่คมชัดในสายตาของผู้ใช้อย่างเราๆแล้วล่ะครับ
ปกติแล้วหน้าจอของ iPhone มักจะถูกสร้างมาได้ค่อนข้างดีในทุกรุ่นอยู่แล้วและนั่นก็รวมถึงใน iPhone 6s Plus ด้วย
อย่างแรกเลยคือหน้าจอของ iPhone 6s Plus มีความสว่างมากกว่ารุ่นพี่ของมันครับ โดยมีความสว่างอยู่ที่ 593 nit ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องการใช้งานแบบ Outdoor แล้วจะทำให้มองไม่เห็นหน้าจอ ลืมเรื่องนั้นไปได้เลยครับ เพราะว่ามันจะสว่างกว่าแสงโดยรอบได้แน่ๆ
อย่างที่สองคือมันมาพร้อมกับค่าแกมม่า 2.19 และอุณหภูมิสี 7018K ที่ซึ่งใกล้เคียงกับค่าที่เหมาะสมที่สุดคือ 2.2 และ 6500K ดังนั้นจึงบอกได้ว่าหน้าจอของ iPhone 6s Plus เครื่องนี้ดีกว่าหน้าจอของ iPhone 6 Plus นอกจากนี้ในส่วนของอุณหภูมิสี 7018K ยังทำให้โทนสีต่างๆออกมาดูดีมากทีเดียวครับ
คราวนี้ก็ต้องมาดูในส่วนของความแม่นยำของค่า RGB จากการทดสอบแล้วพบว่าหน้าจอของ iPhone 6s Plus สามารถแสดงสีได้เกือบตรงตามค่าเป้าหมายทั้งหมด ทำให้สีที่ได้มีความสมจริง การแสดงผลผ่านหน้าจอจึงเหมือนจริงอย่างมาก แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่ามันก็ไม่ได้แม่นยำขนาด 100% เต็มนะครับ แต่ถือว่าใกล้เคียงมากๆเลยทีเดียว
3D Touch
ปกติแล้วหากพูดถึงการพัฒนาในส่วนหน้าจอผู้ผลิตต่างๆมักจะต้องคิดถึงการเพิ่มและอัพเกรดในส่วนของความละเอียดเป็นแน่ แต่ Apple กลับไม่ได้คิดเช่นนั้นครับ เพราะสำหรับ Apple การพัฒนาในส่วนหน้าจอของเครื่อง iPhone 6s Plus กลับเป็นการใส่ฟีเจอร์ใหม่เข้าไปที่เรียกว่า 3D Touch นั่นเองครับ
เชื่อว่าหลายๆคนคงได้ยินเรื่องนี้กันมาบ้างแล้วสำหรับฟีเจอร์อย่าง 3D Touch เพราะก่อนหน้านี้ทาง Apple ก็ได้ปล่อยฟีเจอร์อย่าง Force Touch ให้กับ Apple Watch ไป ดังนั้นหลักการทำงานของ 3D Touch ก็จะคล้ายกับ Force Touch ใน Apple Watch นั่นเองครับ คือมันมีเซ็นเซอร์รับรู้แรงกดของผู้ใช้อยู่นั่นเองครับ ซึ่งสำหรับเทคโนโลยีตัวนี้ทาง Apple คาดหวังไว้กับมันมากๆครับ คาดว่าน่าจะเป็น Multi-touch แห่งอนาคตของทาง Apple นอกจากนี้ยังเชื่อว่า Apple น่าจะลงทุนตรงส่วนนี้ไปเยอะเหมือนกันสำหรับ 3D Touch
และแน่นอนครับการเพิ่มฟีเจอร์นี้เข้ามาใน iPhone ย่อมทำให้ผู้ใช้ได้พบกับประสบการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน หรือที่เขาเรียกกันว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่เข้ามาในชีวิต คือมันเข้ามาทำให้การใช้ iPhone ไม่เหมือนกับในอดีตอีกต่อไป และนั่นก็ทำให้ผู้ใช้อย่างเราๆสามารถทำงานและเข้าถึงสิ่งต่างๆได้อย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้นนั่นเองครับ ไม่ว่าจะเป็นลิ้งค์ในอีเมล์ที่เราสามารถใช้ 3D Touch ในการดูพรีวิวก่อน หรือจะเป็นแอพต่างๆในเครื่อง ฟีเจอร์อย่าง 3D Touch จะเข้ามาทำให้ผู้ใช้สามารถข้ามขั้นตอนที่มากมายเหล่านั้นไปได้ด้วยการออกแรงกดเพิ่มเท่านั้น
นอกจากนี้แล้ว 3D Touch ยังสามารถใช้เพื่อสลับระหว่างแอพ 2 แอพได้หรือใช้ในการเข้าถึง Multitask menu ได้อีกด้วยนะครับ ด้วยการออกแรงกดบริเวณด้านซ้ายของจอ จากนั้นหน้า Multitask ก็จะโผล่ขึ้นมาให้เราแล้วครับ
อีกส่วนหนึ่งที่ไม่พูดถึงคงจะไม่ได้ครับ นั่นก็คือแอพ Notes แบบใหม่ ที่ 3D Touch เข้ามาช่วยเพิ่มสีสันได้ไม่น้อยเลย ทั้งนี้แอพ Notes แบบใหม่มันค่อนข้างจะคล้ายกับแอพ S Note ของทาง Samsung นะครับ แต่เมื่อมี 3D Touch เข้ามา มันจะทำให้ผู้ใช้สามารถออกแรงกดหากต้องการเส้นที่เข้มหรือหนาขึ้นได้ไม่ว่าจะใช้เครื่องมือการวาดเป็นแบบไหนก็ตาม แต่ความรู้สึกที่ได้ในการใช้ 3D Touch อาจจะไม่เหมือนกับการใช้ S Pen นะครับ โดยต่างกันที่แรงต้านของหน้าจอหรือจะบอกว่าเป็นความฝืดนั่นแหละครับที่จะแตกต่างกัน
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่น
iOS 9 เป็นดั่งวิวัฒนาการอันยอดเยี่ยมเพราะมันสามารถทำงานร่วมกับ 3D Touch ได้อย่างสวยงาม
สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าตอนนี้ Apple ได้ปล่อย iOS 9 ออกมาให้ดาวน์โหลดแล้วก็อย่ารอช้าครับ รีบไปโหลดเลย แต่สำหรับผู้ใช้ iPhone 6 Plus หรือรุ่นเก่ากว่านั้น หากดาวน์โหลดมาแล้วอาจพบว่าไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากมายเท่าไรครับ แต่สำหรับ iPhone 6s Plus แล้วล่ะก็ iOS 9 ก็คงเหมือนอาหารจานโปรดของมันเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้เราคงจะไม่กล่าวถึงฟีเจอร์ทั้งหมดใน iOS 9 ในบทความนี้นะครับ เพราะจริงๆแล้วเราเคยพูดถึงฟีเจอร์ใหม่ๆที่จะเข้ามาใน iOS 9 ไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งในบทความนี้เราจะไปพูดถึงสิ่งที่ทำให้ iPhone 6s Plus แตกต่างออกไปกับการใช้งานร่วมกับ iOS 9 ครับ
เปิดมาก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปครับในส่วนของหน้า Lock และ Home screen ยังคงเป็นแบบเดิมอยู่ ไม่ว่าจะไอคอนของกล้อง นาฬิกาและอื่นๆยังคงอยู่ในที่ของมันตามปกติ แต่เราสังเกตุเห็นสิ่งเล็กๆสิ่งหนึ่งครับที่เปลี่ยนไปใน iOS 9 หลังจากนำอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 8.4 มาเทียบนั่นก็คือ ฟ้อนต์ตัวอักษรครับ โดยใน iOS 9 จะเปลี่ยนมาใช้ฟ้อนต์ San Francisco เป็นฟ้อนหลักในหน้า UI แทนที่ Helvetica Neue ของเดิม จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้มีผลอะไรเท่าไรครับ แต่เชื่อว่าน่าจะทำให้อ่านง่ายขึ้นอยู่บ้างครับแม้ว่าจะใช้นาดอักษรที่เล็กก็ตาม แต่สำหรับใครที่คิดว่าขนาดมันยังเล็กจนอ่านยากก็สามารถเข้าไปปรับขนาดตัวอักษรใน Setting หรือการตั้งค่าได้นะครับ
นอกจากนี้ iOS 9 ยังมาพร้อมกับ Wallpaper ใหม่ๆอีกด้วยครับทั้งแบบ Still และแบบ Dynamic มีการเพิ่มตรงส่วนนี้เข้ามา ซึ่งหากว่ามันยังไม่โดนใจหรือยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้แล้วล่ะก็ เรายังสามารถใช้รูปภาพแบบ Live Photo มาทำเป็น Wallpaper ได้อีกด้วย
แล้วอะไรที่แตกต่างออกไปใน iPhone 6s Plus? เพราะเอาจริงๆเหมือนว่า iOS 9 ออกแบบมาให้เข้ากับการทำงานร่วมกับ iPhone 6s Plus อย่างมาก ทำให้อุปกรณ์ตัวนี้มันเต็มประด้วยประโยชน์ อย่างเช่นการจัดการอีเมล์ในกล่องอีเมล์ หลักๆเลยในส่วนของการใช้งานในแนวนอน อีเมล์ทั้งหมดในกล่อง Inbox ของเราจะถูกจัดวางให้เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งนอกจากอีเมล์แล้ว ยังมีแอพอื่นๆอีกนะครับที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายขึ้นในแนวนอน
แต่นอกจากนี้สำหรับใครที่เคยดาวน์โหลด iOS 9 มาใช้แล้วจะทราบได้ทันทีครับว่าซอฟท์แวร์ตัวนี้ยังไม่ได้สมบูรณ์แบบซะทีเดียว เพราะถึงแม้ว่า Apple จะทำการเปลี่ยนแปลงหลายๆสิ่งหลายๆอย่างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ Recent apps ใหม่ หรือการพัฒนาแอพ News ใหม่ มันก็ยังดูไม่ดีเท่าที่ควรครับ นอกจากนี้ยังมีสัญญาที่ทาง Apple เคยให้ไว้ที่ว่าจะทำให้พื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลดีขึ้น แต่ตอนนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้น่าจะมี iOS 9 ที่สมบูรณ์แบบเปล่งประกายออกมาครับ
สมุดบัญชีรายชื่อ
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไรครับในส่วนของการจัดวางต่างๆ แต่การมาของ 3D Touch ทำให้ส่วนนี้ง่ายสำหรับเรามากขึ้น เพราะมันทำให้เราสามารถโทร ส่งข้อความหรือส่งอีเมล์ให้เพื่อนของเรารวดเร็วขึ้นครับ
แอพปฏิทินและโน้ต
อีกครั้งครับที่ในส่วนของการจัดวางหรือหน้าตาไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปสำหรับแอพปฏิทินใน iPhone 6s Plus แต่สิ่งที่น่าสนใจอยู่ตรงที่มันจะสลับมาเป็นแบบ 2 หน้าต่างเมื่อเราทำการหมุนมาเป็นแนวนอนโดยอัตโนมัติ และเรายังพบว่ามีการใส่ฟีเจอร์ 3D Touch ให้กับแอพปฏิทินด้วยนะครับ ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเรากดลงไปในวันที่บนปฏิทินก็จะมีป๊อปอัพตารางงานต่างๆของเราในวันนั้นเด้งขึ้นมาครับ และมากไปกว่านั้นเมื่อเราทำการใช้ 3D Touch กับนัดหมายต่างๆของเรา เรายังสามารถเพิ่มรายละเอียดให้กับมันได้อีกด้วยครับ
และสำหรับผู้ใช้ iOS แล้วเชื่อว่าคงรู้สึกคุ้นเคยกับแอพอย่าง Notes กันแน่ๆครับ โดยใน iOS 9 แอพนี้ได้ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างมาก ดังนั้นเราจึงเลือกที่จะเขียนส่วนนี้แนกออกมาเป็นอีกหัวข้อหนึ่งไปเลย เราชอบมันมากๆครับ เพราะตอนนี้เราสามารถทำเชคลิสท์ได้ง่ายๆ อีกทั้งยังสามารถสเก็ตรูปภาพจากแอพนี้ได้ด้วย นอกจากนี้เรายังสามารถนำเนื้อหาจากแอพอื่นๆเข้ามาไว้ในแอพ Notes ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาจากเว็บต่างๆ ข้อความ รูปภาพ สถานที่ใน Apple Maps เรียกว่าเกือบจะทุกอย่างเลยครับที่สามารถนำมาใส่ในแอพ Notes ที่ถูกพัฒนาขึ้นนี้
การพิมพ์ข้อความ
ในการมาของ iOS 9 ได้ทำให้คีย์บอร์ดเปลี่ยนไปนิดหน่อยครับ อย่างแรกเลยที่เราจะเห็นได้ชัดเลยก็คือการพิมพ์ภาษาอังกฤษจะสามารถเลือกกด Shift แล้วพิมพ์เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ตัวเดียวได้ครับ ต่างจากเมื่อก่อนที่เมื่อกด Shift จะกลายเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด ทั้งนี้เราสามารถเข้าไปแก้ไขได้ที่การตั้งค่าเลย
ขอเพิ่มเติมอีกนิดหนึ่งนะครับว่า 3D Touch ก็เข้ามามีส่วนร่วมตรงจุดนี้ด้วย ดังนั้นแนะนำให้ทดลองใช้เองจะดีกว่าครับ เชื่อว่าไม่นานน่าจะสามารถปรับตัวเข้ากับมันได้แน่นอน
Processor และ Memory
มันเป็น iPhone ที่เร็วที่สุด และนั่นเราก็ไม่ได้กล่าวเกินจริงครับ
สำหรับ iPhone 6s Plus นั้นมีการอัพเกรดฮาร์ดแวร์หลักๆที่เราจะเห็นได้ชัดเลยคือในส่วนของชิพเซ็ทที่เปลี่ยนมาใช้เป็น A9 ที่เชื่อกันว่าผลิตโดย 2 บริษัทอย่าง Samsung และ TSMC ทั้งนี้ยังไม่มีการยืนยันที่แน่ชัดออกมาครับ และแน่นอนว่าชิพ A9 มันเร็วกว่ารุ่นก่อน อีกทั้งยังมาพร้อมกับ RAM 2GB ที่ช่วยให้การทำงานต่างๆเป็นไปได้เร็วขึ้น
หากลองไปเล่น iPhone 6 Plus ที่อัพเกรดมาเป็น iOS 9 แล้วเปลี่ยนมาเล่นเป็น iPhone 6s Plus ที่รัน iOS 9 จะสังเกตุได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนเลยล่ะครับในเรื่องของความเร็ว นอกจากนี้ใน iPhone 6s Plus ยังได้มีการอัพเกรดในส่วนของ Touch ID มีความเร็วของเซ็นเซอร์ที่มากกว่ารุ่นก่อนๆ
นอกจากนี้ยังมีคะแนน Benchmark ที่ชี้ให้เห็นอีกด้วยว่าชิพเซ็ทตัวนี้เป็นรุ่นที่ดีที่สุดในบรรดา iPhone อีกทั้งในด้านกราฟฟิก iPhone 6s Plus เครื่องนี้ก็ทำได้ไม่เลวเลยด้วย PowerVR GT7600 GPU ทำให้มันอยู่เหนือคู่แข่งหลายๆรุ่นเลยล่ะครับ โดยจากการทดสอบพบว่ามันมีอัตราเฟรมเรทอยู่ที่ 59 FPS ครับ
คะแนน Benchmark ด้านการแสดงผล
อินเทอร์เน็ตและการเชื่อมต่อ
ในส่วนของ Safari อาจจะไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเท่าไรครับ เว้นเสียแต่การมาของ 3D Touch ที่จะช่วยมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับเราเหล่าบรรดาผู้ใช้ได้ดีขึ้นครับ อย่างการฟีเจอร์ Peek and Pop สามารถใช้ในการแสดงพรีวิวต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็นลิงค์หรือรูปภาพก็ตาม
หากใครที่มักจะออกเดินทางบ่อยๆล่ะก็ iPhone 6s Plus จะเป็นอะไรที่ตอบโจทย์มากๆครับ เพราะเอาเข้าจริงๆมันรองรับคลื่นและสัญญาณมากกว่า iPhone 6s รวมทั้งสมาร์ทโฟนหลายๆรุ่นในตลาด ดังนั้นหากใครที่เป็นนักเดินทางตัวยงหรือคิดว่าตัวเองต้องเดินทางไปที่ต่างๆรอบโลกแล้ว แนะนำให้เลือกเป็น iPhone 6s Plus น่าจะเหมาะสมกว่า แต่ผู้ใช้สามารถตัดสินในได้เองครับว่าชอบรุ่นไหนมากกว่ากัน
และต้องบอกว่าในส่วนของการเชื่อมต่อนั้น iPhone 6s Plus ได้เลือกใช้อุปกรณ์ตัวใหม่ล่าสุดในการรับสัญญาณ ดังนั้นน่าจะช่วยให้การใช้อินเทอร์เน็ตแบบ 4G เป็นไปได้ไหลลื่นกว่าแต่ก่อนแน่ๆครับ นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วย aGPS ด้วย Glonass, Bluetooth 4.2, dual-band 802.11 a/b/g/n Wi-Fi ด้วย MIMO, และ NFC สำหรับ Apple Pay ครับ
กล้อง
มักถูกออกแบบมาให้เป็นกล้องอเนกประสงค์ใช้ได้ในหลายๆโอกาส มากไปกว่านั้นใน iPhone 6s Plus ยังมาพร้อมกับความละเอียดระดับ 12 MP ส่วนการอัดวิดีโอก็มีการเพิ่มระบบป้องกันการสั่นไหวเข้ามาด้วย
ปกติแล้วกล้องของ iPhone จะมีความละเอียดอยู่ที่ 8 MP ใช่ไหมครับ แต่สำหรับ iPhone 6s Plus เครื่องนี้มันได้ถูกอัพเกรดให้มีความละเอียดสูงขึ้นโดยมีความละเอียดอยู่ที่ 12 MP ในส่วนของกล้องหลัง ดังนั้นจึงบอกได้เลยครับว่าภาพที่ได้จากอุปกรณ์ตัวนี้จะมีความคมชัดมากกว่ารุ่นก่อนๆแน่นอน อีกทั้งยังมาพร้อมกับกล้องหน้าที่ได้ปรับเพิ่มความละเอียดมาเป็น 5 MP จากที่ก่อนหน้านี้มีความละเอียดอยู่เพียง 1.2 MP เท่านั้น และนั่นก็จะทำให้ภาพที่ได้จากการเซลฟี่มีความคมชัดมากขึ้นไปอีกครับ นอกจากนี้ในส่วนของกล้องหลังยังมาพร้อมกับแฟลช LED 2 ตัวแบบ True-tone ทำให้ภาพที่ได้ไม่ดูสว่างขาวเกินจริง
ใน iPhone 6s Plus ตอนนี้ต้องบอกเลยครับว่ามันรองรับการอัดวิดีโอแบบ 4K แล้ว (3840×2160) ทำให้ iPhone เครื่องนี้ถูกดันขึ้นมาอยู่ในระดับมาตรฐานเดียวกันกับ Android ครับ นอกจากนี้ในส่วนของการอัดวิดีโอแบบสโลโมชั่นยังรองรับ 120 FPS ที่ความละเอียด 1080p หรือ 240 FPS ที่ความละเอียด 720p อีกด้วยครับ
ทั้งนี้สำหรับกล้องหลังที่มีความละเอียดอยู่ที่ 12 MP ตัวนี้ได้มาจากของทาง Sony นะครับ ซึ่งในตอนนี้เรายังไม่ทราบรายละเอียดของมันเท่าไรนัก แต่ที่แน่ๆมันทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยทำได้ดีขึ้นครับ หากเทียบกับกล้องรุ่นก่อนๆของ iPhone เพราะด้วยเทคโนโลยีที่ใช้การเพิ่มสีขาวเข้าไปในซับพิกเซลและจัดเรียงควบคู่ไปกับซับพิกเซลของ RGB ทำให้ภาพที่ได้ออกมาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เราๆเคยเจอกัน จริงๆแล้วเซนเซอร์แบบนี้เราจะพบเห็นได้ใน Huawei P8 เช่นกันครับ
ในปีที่แล้ว Apple ได้ทำการใส่ Optical image stabilization ให้กับ iPhone 6 Plus แต่ทว่ามันใช้งานได้เฉพาะกับการถ่ายรูปเท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้กับการอัดวิดีโอได้ และตอนนี้ต้องขอบคุณ Apple ครับที่ได้ใส่ OIS ให้กับการอัดวิดีโอแล้ว ซึ่งจริงๆแล้ว OIS ควรจะเหมาะกับการถ่ายวิดีโอมากกว่าจริงไหมล่ะครับ นอกจากนี้เมื่อ OIS ทำงานร่วมกับซอฟท์แวร์ที่ช่วยเรื่องของความเสถียรมันจึงทำให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจมากๆเลยทีเดียว
ลองไปดูในส่วนของอินเตอร์เฟสของแอพกล้องกันบ้างดีกว่าครับ อันที่จริงแล้วในส่วนนี้ยังมีหน้าตาค่อนข้างที่จะเหมือนเดิมอยู่นะครับ คือผู้ใช้ยังไม่สามารถปรับแต่งหรือตั้งค่าของกล้องแบบลึกๆได้ ดังนั้นการถ่ายรูปจึงยังคงเป็นแค่การบันทึกภาพไว้เฉยๆตามปกติครับ คือจริงเราคิดว่ามันน่าจะมีการตั้งค่าอะไรที่มากกว่านี้อย่างพวก Advance หรือ Manual setting อะไรประมาณนี้ครับ
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าอินเตอร์เฟซหรือการตั้งค่าเชิงลึกจะยังไม่มีการเพิ่มเข้ามาใน iPhone 6s Plus แต่มันก็มีฟีเจอร์ใหม่ๆเพิ่มเข้ามานะครับอย่าง Live Photos ที่สามารถถ่ายรูปให้คล้ายกับวิดีโอขนาดสั้นๆ คือเมื่อผู้ใช้กดถ่ายแล้วมันจะทำการบันทึกช่วงเวลาก่อนและหลังกดชัตเตอร์เป็นเวลาครึ่งวินาทีครับ และอย่างที่เรียนไว้ในข้างต้นครับว่าภาพที่ได้จากฟีเจอร์นี้สามารถนำมาใช้เป็น Wallpaper ได้อีกด้วยครับ
คือคอนเซปต์ของ Live Photo นั้นทาง Apple ต้องการให้รูปภาพมีชีวิตครับ แต่ก็มีบางคนที่พูดกันขำๆครับว่ามันก็เป็นแค่ภาพ gif ธรรมดา แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่แบบนั้นแน่ๆครับเพราะว่าภาพที่ได้จาก Live Photo นั้นมันมาพร้อมกับเสียงด้วย แต่เอาเป็นว่าถ้าใครไม่อยาากใช้ฟีเจอร์นี้ก็ไม่เป็นไรครับ สามารถเปิดปิดไ้ด้ตามต้องการเลย บอกไว้ก่อนนะครับว่า Live Photos นั้นใช้ขนาดพื้นที่ในการจัดเก็บมากกว่ารูปภาพธรรมดา พูดง่ายๆว่ามันมีขนาดไฟล์ที่ใหญ่กว่านั่นเองครับ
หากใครที่กำลังสงสัยเรื่องความเร็วของการถ่ายภาพอยู่ล่ะก็ หมดห่วงไปได้ครับ ถึงแม้ว่ามันจะมีเซนเซอร์ที่่มีความละเอียดที่มากขึ้น แต่ความเร็วในการถ่ายภาพจนจบโปรเซสกลับไม่ได้ช้าลงแต่อย่างใดครับ โดยมันสามารถถ่ายภาพจนเสร็จเรียบร้อยได้ภายใน 2 วินาทีครับ ถึงแม้จะอย่ในโหมด HDR ก็ตาม ดังนั้นจีงไม่ทำให้ผู้ใช้อย่างเราๆพลาดช็อตสำคัญๆครับ
คุณภาพของภาพถ่าย
คราวนี้มาว่ากันต่อด้วยส่วนที่โหดร้ายที่สุดของสมาร์ทโฟนเกือบทุกรุ่นนั่นก็คือส่วนของคุณภาพของภาพถ่ายครับ ตอนนี้ทุกคนคงทราบกันแล้วว่า iPhone 6s Plus มาพร้อมกับกล้องที่มีความละเอียดเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงพอจะเดาได้ว่าภาพที่ได้น่าจะเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น แต่ปกติแล้วเราจะมองกันแค่ความละเอียดที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเดียวไม่ได้ครับ เพราะกว่าจะได้ภาพที่สวยงามมีคุณภาพสูงออกมานั้นมันประกอบไปด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง
แต่หลังจากที่เราได้ลองถ่ายภาพออกมาแล้ว ในส่วนของสีจากภาพที่ได้ทางเรารู้สึกว่ามันจะออกมาโทนอุ่นๆครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะครับ มันยังคงได้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามอยู่ แต่การจะบอกว่าคุณภาพของภาพที่ได้ดีมากน้อยเพียงใดเราก็ไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดได้ทั้งหมดจริงไหมครับ เราไปดูภาพที่ได้จากการถ่ายด้วย iPhone 6s Plus กันน่าจะดีกว่าครับ จะได้พิสูจน์ให้เห็นกันชัดๆไปเลยว่าสรุปแล้วคุณภาพที่ได้เป็นอย่างไรบ้าง เพราะเราเชื่อว่ามาตรฐานหรือความพอใจของแต่ละคนย่อมต่างกันนั่นเองครับ
หลังจากเห็นผลลัพธ์ทีได้แล้วเชื่อว่าหลายๆคนคงจะสามารถบอกได้แล้วล่ะครับว่าถูกใจ ชอบหรือไม่ชอบมากน้อยขนาดไหน แต่จากที่เราลองสังเกตุแล้วเชื่อว่าด้วยความคมชัดระดับนี้ถือว่าค่อนข้างจะโอเคแล้วล่ะครับ น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับคนทั่วไป เพราะเอาจริงๆแล้วภาพที่ได้ถือว่าทำได้ดีทีเดียว และเราก็รู้สึกดีมากๆครับที่ไม่พบว่าภาพที่ได้จากกล้องของ iPhone 6s Plus เครื่องนี้มีความอิ่มตัวของสีหรือความคมชัดมากเกินไปจนทำให้ดูเหมือนภาพที่ถูกตัดแต่งให้ออกมาดูดีประมาณนั้นครับ
นอกจากนี้ในการถ่ายภาพแบบพาโนราม่าของ iPhone 6s Plus เครื่องนี้ถือว่าทำได้ดีทีเดียวครับ แน่นอนว่าเราต้องค่อยๆแพนกล้องให้นิ่งและมั่นคงสุดๆ แต่ต้องบอกว่าการถ่ายภาพพาโนรามาผ่าน iPhone เครื่องนี้สามารถทำได้เร็วกว่าสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ในตลาดแน่ๆครับ เรียกว่าทำหน้าที่ของมันได้ดีเลยตรงจุดนี้
และในส่วนของการเซลฟี่ด้วย iPhone เครื่องนี้ก็ต้องยอมรับครับว่า 5 MP นั้นทำให้ภาพที่ได้มามีความคมชัดมากกว่า iPhone รุ่นก่อนๆ นอกจากนี้ไม่ใช่แค่ความละเอียดและความคมชัดเท่านั้นนะครับที่ถูกเพื่มเข้ามาให้กับกล้องหน้าเซลฟี่ เพราะจริงๆแล้วมันยังถูกปรับปรุงให้สามารถถ่ายภาพในที่มืดหรือที่แสงน้อยได้ดีขึ้นอีกด้วย จะบอกว่ากล้องหน้ามีแฟลชมันก็ไม่เชิงครับ เพราะจริงๆแล้วมันอยู่ที่หน้าจอที่ทำให้ภาพที่ได้ดูสว่างขึ้น ทั้งนี้มันก็ไม่ใช่อะไรที่ใหม่แต่อย่างไรครับ เพราะจริงๆแล้วมันมีมาก่อนใน Android หลายๆเครื่อง แต่ดูแล้ว Apple น่าจะคิดว่าอุปกรณ์ของบริษัทก็ควรมีบ้าง เพื่อให้แน่ใจได้ว่า iPhone 6s Plus เครื่องนี้จะอยู่เหนือกว่าคู่แข่งอย่าง Android ได้ครับ
สำหรับการถ่ายภาพแบบ Indoor หรือถ่ายภายในอาคารภายใต้แสงไฟ ภาพที่ได้ดูจะเป็นโทรนสีออกเหลืองเพิ่มขึ้นมาครับเมื่อเราลองมองไปที่รูป และเมื่อมาถึงจุดที่เแสงน้อยเราเริ่มเห็นถึงการสูญเสียซึ่งคุณภาพไปอย่างมากครับ จากที่เคยมีความคมชัดในระดับหนึ่ง กลับกลายเป็นเกือบไม่ชัดเลยทีเดียว
คุณภาพของวิดีโอ
เพราะเมื่อ iPhone 6s Plus มาพร้อมกับการรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ 4K แล้ว เราจะไม่พูดถึงก็คงจะไม่ได้ในส่วนของคุณภาพวิดีโอ และอย่างที่เราเรียนไว้ในข้างต้นครับว่ามันมาพร้อมกับ OIS แล้ว ดังนั้นจึงทำให้การถ่ายวิดีโอของเราเป็นไปได้อย่างราบรื่นมากกว่าที่เคยเป็นใน iPhone รุ่นก่อนๆ คือเมื่อนำไปทดสอบถ่ายวิดีโอขณะที่นั่งอยู่บนรถที่กำลังวิ่งก็ยังโอเคครับ ต้องขอบคุณ Apple มา ณ ที่นี้ที่ในที่สุดก็ได้เพิ่ม OIS เข้ามาให้กับการอัดวิดีโอใน iPhone
โดยรวมแล้วหลังจากที่เราได้ลองอัดวิดีโอทดสอบคุณภาพของ iPhone เครื่องนี้ขอสรุปไว้แบบนี้นะครับว่า ถ้าคุณเป็นคนที่มองเรื่องความคมชัดหรือคุณภาพของวิดีโอมาก่อน เราแนะนำให้อัดวิดีโอแบบ 4K ไปเลยครับ ทั้งนี้มันจะมีออพชั่นเฟรมเรทให้เลือกอยู่ 2 แบบนะครับคือแบบ 30 FPS หรือแบบ 60 FPS ซึ่งจริงๆแล้วคุณภาพของวิดีโอที่ได้ออกมาก็แทบสังเกตุไม่เห็นถึงความแตกต่างครับ จริงๆแล้วเรากำลังหมายถึงว่ามันโดดเด่นทั้งคู่นะครับ แต่อย่างหนึ่งที่ดูน่ารำคาญเล็กน้อยคือเราไม่สามารถตั้งค่าเฟรมเรทได้ผ่านทางแอพกล้องครับ เราต้องไปที่การตั้งค่าเพื่อปรับแต่งตรงส่วนนี้
นอกจากคุณภาพของภาพที่ได้ในวิดีโอแล้ว iPhone 6s Plus เครื่องนี้ยังทำการบันทึกในส่วนของเสียงได้เป็นอย่างดีอีกด้วยครับ เกือบลืมบอกไปว่าการอัดวิดีโอในที่แสงน้อยอาจพบว่ามีน๊อยซ์อยู่บ้างนะครับแต่ยังอยู่ในขั้นที่พอรับได้
มัลติมีเดีย
ลำโพงถูกทำให้เสียงอ่อนลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ซึ่งดูๆไปแล้วมันน่าจะทำให้ผลโดยรวมต่ำลง
ท่ามกลางฟีเจอร์ Quick Action ตัวใหม่ที่อนุญาติให้เราเข้าถึงภาพถ่ายล่าสุดและภาพโปรดของเราด้วยการกดที่ไอคอนรูปภาพในหน้า Homescreen ครับ นอกจากนี้ภาพถ่ายและวิดีโออื่นๆก็สามารถเข้าถึงได้ผ่านโฟลเดอร์ตามปกติครับ ทั้งนี้จะมีการจัดเรียงตามวันเวลาและสถานที่ไว้ด้วย
ในส่วนของการแก้ไขรูปภาพ ทาง Apple ก็ได้ใส่อุปกรณ์ในการแก้ไขรูปภาพต่างๆเข้ามาให้จำนวนหนึ่งครับ อย่างเช่นเครื่องมือ Crop และ Filter ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีอเครื่องมือที่ใช้ปรับแต่งโทนสีของรูปภาพให้ออกมาดูดีขึ้นอีกด้วยครับ
ไปดูในส่วนของเครื่องเล่นเพลงกันบ้าง ถ้าพูดแบบนี้คงจะไม่คุ้นหูกันเพราะปกติแล้วเราคงจะคุ้นเคยกันในชื่อของ Apple Music มากกว่า ตรงจุดนี้ดูจะยังไม่มีอะไรเพิ่มเติมเข้ามาครับถึงแม้จะเป็น iOS 9 ก็ตาม แต่สิ่งที่เพื่มเข้ามาก็คือ Quick Action ด้วย 3D Touch ผ่านไอคอนในหน้า Homescreen ครับ ที่จะทำให้เราสามารถค้นหาเพลงหรือเปิดเพลลิสต์ได้นั่นเองครับ
ทั้งนี้เมื่อพูดถึงเรื่องของ Apple Music ขึ้นมาแล้วจะไม่พูดุถึงในส่วนของลำโพงก็จะดูแปลกไปหน่อย อันที่จริงเราคาดหวังไว้ว่าในส่วนคุณภาพของลำโพง iPhone 6s Plus น่าจะสามารถทำได้ในระดับเดียวกับ iPhone รุ่นก่อน แต่ทว่ามันกลับอ่อนแอลงครับ โดยมันมีเเสียงที่เบาลงกว่ารุ่นก่อน และนั่นก็น่าจะทำให้หลายๆสิ่งหลายๆอย่างเปลี่ยนไปไม่น้อยทีเดียว เพราะแน่นอนว่าถ้าเสียงของตัวเครื่องเบาลง เสียงรบกวนรอบนอกก็ต้องดังขึ้น แต่ถึงแม้ว่าเสียงมันจะเบาลงแต่คุณภาพเสียงที่ได้กลับนุ่มลึกและใสกว่ารุ่นก่อนครับ
คือพูดง่ายๆว่าถ้าลองเอาลำโพงเสียบต่อเข้าไปกับ iPhone 6s Plus ล่ะก็ จะได้ผลลัพธ์ของเสียงที่ดีทีเดียวครับ และแน่นอนว่ามันเยี่ยมกว่าเสียงดีกว่ารุ่นก่อนแน่ๆ หากว่าเรามองข้ามเรื่องของระดับความดังของเสียง ลำโพงของ iPhone 6s Plus เครื่องนี้ถือว่าทำได้ไม่เลวเลย
โดยรวมแล้วในส่วนของมัลติมีเดียถือว่าทำออกมาได้อย่างดีงามครับ จะมีตำหนิก็คงเรื่องของลำโพงที่มีระดับเสียงเบากว่ารุ่นเก่าเท่านั้น ซึ่งก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงที่มีคุณภาพดีขึ้น หากว่าใครที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพเสียงเครื่องนี้ก็ถือว่าเหมาะครับ แต่พูดตรงๆเลยว่าเสียงมันก็ไม่ได้เบาลงไปมากมายเท่าไรนักครับ
คุณภาพของการโทร
อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้เทียบเท่ากับรุ่นก่อน แต่ประเด็นคือถ้าเปิดโฟนเสียงมันจะเบากว่าเท่านั้น
นับว่าเป็นเรื่องปกติครับในส่วนของการโทร เพราะอันที่จริงแล้วตรงส่วนนี้แทบไม่มีใครหยิบยกมาพูดถึง โดยเฉพาะกับ iPhone ด้วยแล้วยิ่งแทบไม่มีใครพูดถึงเลย ทั้งที่จริงๆแล้วหน้าที่หลักของโทรศัพท์ควรจะต้องเป็นการโทร แต่สำหรับปัจจุบันมันเปลี่ยนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วล่่ะครับ ทั้งนี้คุณภาพของเสียงเวลาโทรคุยกันของ iPhone 6s Plus เครื่องนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากปีที่แล้วครับ ยังคงคุณภาพอยู่เท่าเดิม มองอีกแง่หนึ่งก็คือทาง Apple ไม่ได้โฟกัสที่จะพัฒนาตรงจุดนี้ครับ แต่อย่างไรก็ตามตามที่เราเรียนไว้ข้างต้นว่า iPhone 6s Plus ลำโพงเสียงเบาลง ดังนั้นการโทรคุยกันด้วยการเปิดโฟนหรือการเปิดลำโพงนั้นจะทำให้เสียงเบากว่ารุ่นก่อนครัย
คือเสียงอาจจะชัดขึ้น แต่อาจต้อยอมเสียสละในส่วนของความดังไปบางส่วนครับ
แบตเตอรี่
โดดเด่นมากสำหรับการอัพเกรดให้ iPhone 6s Plus มีแบตเตอรี่ที่มากขึ้น ทำให้ผู้ใช้อย่างเราๆสามารถใช้งานได้นานขึ้น
จริงๆแล้วแบตเตอรี่ใน iPhome 6s Plus นั้นดูเหมือนว่าจะเป็นขนาดเดียวกับใน iPhone 6 Plus นะครับ แต่นั่นไม่ได้ทำให้เราช็อคเท่าที่ควรครับ เพราะอันที่จริงมันมาพร้อมกับแบตที่มีความจุน้อยกว่ารุ่นก่อน โดยมีความจุอยู่ที่ 2740 mAh แต่ใจเย็นๆกันก่อนนะครับ ต้องบอกไว้ก่อนว่าถึงแม้มันจะมาด้วยความจุของแบตเตอรี่ที่น้อยกว่า แต่ Apple สามารถทำให้มันใช้งานได้ยาวนานกว่าครับ
โดยจากผลการทดสอบแล้วพบว่า iPhone 6s Plus เครื่องนี้สามารถใช้งานได้นานถึง 9 ชั่วโมง 11 นาทีเทียบเคียงกับคู่แข่งอย่าง Galaxy Note 5 เลยครับ บอกได้เลยว่าถึงแม้จะมีความจุของแบตที่น้อย แต่มันมาด้วยความทรงพลังกว่าครับ
สรุป
ครับนั่นล่ะครับคือทั้งหมดของ iPhone 6s Plus เมื่อมาถึงปีแห่ง ‘S’ นั่นก็หมายถึงการมาของ iPhone รุ่นใหม่ที่หน้าตาเหมือนกับรุ่นของปีก่อน แต่ด้วยการอัพเกรดฮาร์ดแวร์ในส่วนที่สำคัญบางส่วนไม่ว่าจะเป็น Processor, กล้องและอื่นๆอีกมากมาย ทำให้เจ้า iPhone 6s Plus เครื่องนี้กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่ยอดเยี่ยมอีกเครื่องหนึ่งของปีนี้ครับ จึงไม่แปลกอะไรที่จะบอกว่า iPhone 6s Plus เครื่องนี้เป็นอีกเครื่องที่เหมาะสำหรับใครที่ชื่นชอบความใหญ่ครับ
สำหรับเราแล้วสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เข้ามาพร้อมกับ iPhone 6s Plus น่าจะเป็นฟีเจอร์อย่าง 3D Touch และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานขึ้นครับ เริ่มจาก 3D Touch ก่อนเลย สำหรับฟีเจอร์นี้มันช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับการใช้สมาร์ทโฟนให้กับใครหลายๆคนได้แน่ๆ จะบอกว่ามันเป็นประสบการณ์อีกมิติหนึ่งก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะว่านอกจากการสไลด์ การสัมผัสแล้ว 3D Touch ได้เข้ามาเพิ่มช่วยเพิ่มการรับรู้แรงกดให้กับสมาร์ทโฟน เราคิดว่านี่มันเป็นอะไรที่เจ๋งมากๆเลยล่ะครับ แต่ในขณะนี้ฟีเจอร์อย่าง 3D Touch ยังคงใหม่อยู่ครับ ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับเหล่านักพัฒนาแล้วว่าจะนำมันมาเสริมเติมแต่งให้แอพและเกมส์ต่างๆได้มากน้อยแค่ไหน
ในส่วนของแบตเตอรี่ที่ทาง Apple เริ่มหันมาให้ความสำคัญโดยการพัฒนาให้สามารถใช้งานได้นานขึ้นก็นับเป็นสิ่งที่ดีไม่แพ้กับการมาของ 3D Touch เช่นกันครับ เพราะเราเข้าใจดีว่าผู้ใช้อุปกรณ์ของ iOS ส่วนใหญ่คงต้องเคยมีปัญหาในเรื่องของสายชาร์จที่ไม่ค่อยทนมือทนไม้เท่าไรนัก ดังนั้นการที่แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานขึ้นต่อการชาร์จ 1 ครั้งย่อมทำให้เราต้องใช้สายชาร์จน้อยลงไปครับ พูดง่ายๆว่ามันเป็นผลทางอ้อมที่ทำให้สายชาร์จมีอายุนานขึ้นด้วย นอกจากนี้การทำให้แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้นยังเข้ามาช่วยดันตรงจุดด้อยที่เคยด้อยกว่าคู่แข่งครับ อย่างที่เราได้ทำการทดสอบไปคือมันสามารถทำงานได้นานพอๆกับ Galaxy Note 5 เลยนั่นเองครับ แต่ทั้งนี้เราก็ยังอยากเห็นว่ามันรองรับการชาร์จแบบไร้สายในอนาคตด้วยครับ ยิ่งถ้าเป็นอุปกรณ์ที่มาคู่กับตัวเครื่องเลยน่าจะดีมากๆ Apple จะตัดข้อครหาสายชาร์จไม่ทนไปได้อย่างหมดจดเลยครับ
ถึงแม้ว่าการมาของ iOS 9 จะทำให้เจ้า iPhone 6s Plus กลายเป็นเครื่องที่ดีพร้อมเกือบจะทุกด้าน แต่เรายังมองว่ามันยังดีไม่พอครับในส่วนของ Multi-tasking เพราะด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ขนาดนี้จริงๆแล้วมันน่าจะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้มากกว่านีี้ ยกตัวอย่างเช่นการเปิดสองแอพในหน้าจอเดียวกัน หากว่ามีการอัพเดทและฟีเจอร์นี้เกิดขึเนในอนาคตล่ะก็ เชื่อว่ามันจะกลายมาเป็นจุดขายให้กับ iPhone หน้าจอใหญ่แน่ๆครับ
เอาเข้าจริงๆต่อให้ iPhone 6s Plus เครื่องนี้จะมีข้อติอยู่บ้าง แต่ก็ถือเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆมากๆครับหากเทียบกับสเปคที่ถูกเพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็น 3D Touch เอย แบตเตอรี่เอย กล้องเอย นับว่าเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ยอดเยี่ยมอีกเครืองของปีนี้ แต่ทว่าสิ่งที่เราไม่ได้พูดถึงในบทความทั้งหมดเลยคือเรื่องของราคาครับ
สำหรับ iPhone 6s Plus นั้นจะมีความจุให้เลือกทั้งหมด 3 ตัวเลือกเช่นเดียวกับรุ่นก่อนครับคือ 16GB 64GB และ 128GB ครับ จากที่เราคาดการณ์กันแล้วเรามองว่าความจุแบบ 16GB เป็นตัวเลือกที่ไม่น่าสนใจอย่างยิ่งถึงแม้ว่ามันจะมาในราคาที่ต่ำสุดก็ตาม เพราะการจะใช้ฟีเจอร์ต่างๆที่เพิ่มเข้ามาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Live Photo หรือการอัดวิดีโอแบบ 4K ด้วยความจุ 16GB น่าจะไม่สามารถทำอะไรได้มากครับ เพราะไหนจะต้องมีแอพพลิเคชั่นต่างๆที่ผู้ใช้อย่างเราๆต้องโหลดมาใช้อีก ดังนั้นเราจึงมองว่าตัวเลือก 64GB และ 128GB ดูน่าสนใจกว่าอย่างมาก โดยราคาของมันจะอยู่ที่ $749 (ประมาณ 24,300 บาท) สำหรับ 16GB / $849(ประมาณ 27,600 บาท) สำหรับ 64GB และ $949(ประมาณ 30,800 บาท) สำหรับ 128GB ครับ ทั้งนี้ต้องรอดูอีกทีนะครับว่าราคาเข้ามาไทยจะอยู่ที่เท่าไรแน่
หากถามว่า iPhone 6s Plus เครื่องนี้คุ้มค่าไหมกับเงินที่จะต้องเสียไป ทางเรามองว่ามันคุ้มค่าในระดับหนึ่งครับ เพราะแน่นอนว่าเงินที่เสียไปจะได้กลับมาซึ่งเครื่อง iPhone 6s Plus ที่ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนหรือแฟ็บเล็ตที่ดีที่สุดเครื่องหนึ่งของปีนี้เลย แต่ต้องบอกไว้และเน้นย้ำอีกครั้งนะครับว่า iPhone 6s Plus จะมีหน้าตาเหมือนกับ iPhone 6 Plus แบบไม่มีบิดพริ้วเลย หากใครที่อยากมีเครื่องที่ดูแปลกใหม่หรือไม่ชอบดีไซน์แบบนี้อาจจะต้องรอปีหน้าแทนครับ เว้นเสียแต่ว่าจะเลือกซื้อสี Rose gold ที่เป็นสีใหม่ประจำ iPhone 6s Plus นะครับ
นอกจากนี้สำหรับใครที่มี iPhone 6 Plus อยู่แล้วหากว่าอยากจะอัพเกรดมาเป็น 6s Plus จริงๆก็สามารถทำได้นะครับ แต่ทั้งนี้อยากให้ลองพิจารณาดูดีๆอีกทีครับว่าฟีเจอร์หรือสเปคที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นมานั้นคุ้มค่ากับเงินที่จะเสียเพิ่มหรือไม่ แต่แน่นอนครับว่ามันดีกว่า เร็วกว่าและแข็งแรงกว่า ตรงจุดนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนครับ แต่อันที่จริงจะรอถึงปีหน้าให้ iPhone 7 มาก็ไม่ได้เสียหายเลยครับ เพราะแน่นอนว่าโมเดลใหม่ๆต้องดีกว่ารุ่นก่อนหน้าขึ้นไปอีก ถึงตอนนั้นเราอาจจะต้องตกหลุมรัก iPhone 7 แบบบอกไม่ถูกก็เป็นได้ครับ
ที่มา : phonearena