สำหรับการมาของ Galaxy Note 5 นั้นเชื่อว่าหลายๆคนคงต้องแอบคิดในใจว่าเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้มันช่างดูคล้ายคลึงกับเจ้า Galaxy S6 เพียงแต่ขนาดมันเล็กกว่าใช่ไหมล่ะครับ นอกจากที่ทั้ง 2 เครื่องจะมีหน้าตาที่เรียกว่าคล้ายกันแล้ว อีกหลายๆอย่างภายในและหลายๆฟีเจอร์ก็ดูจะเหมือนกันซะด้วย แต่ทว่านั่นก็ไม่ได้บอกว่าเจ้าอุปกรณ์ทั้ง 2 ตัวนี้จะเหมือนกันไปซะทุกอย่างจริงไหมล่ะครับ ยังมีอีกหลายอย่างครับที่เป็นความแตกต่างกันระหว่างอุปกรณ์ 2 ตัวนี้ รวมทั้งข้อดีที่มีใน Note 5 มากกว่า Note 4 หากว่าใครกำลังลังเลอยู่ว่าจะเลือกเครื่องไหนดี อยากให้ลองอ่านบทความด้านล่างนี้ดูเผื่อจะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ
1.มันเล็กกว่า Galaxy Note 4 อย่างเห็นได้ชัด
ถึงแม้ว่า Galaxy Note 5 จะมีขนาดหน้าจอ 5.7 นิ้วเท่ากับ Galaxy Note 4 ก็ตาม แต่การออกแบบภายนอกของ Note 5 กลับมีขนาดที่เล็กกว่า Note 4 ในทุกๆมิติครับ และนั่นก็หมายความว่าขนาดที่เล็กลงของมันจะช่วยให้เราสามารถใช้งานอุปกรณ์ตัวนี้เพียงมือเดียวได้สะดวกและง่ายดายขึ้น นอกจากนี้มันยังมาพร้อมกับการดีไซน์ที่สวยหรูด้วยโลหะและแก้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ดีเท่าไรนักคือมันถอดแบตไม่ได้นั่นเองครับ
แต่เอาจริงๆนะครับ ถึงมันจะมีขนาดที่เล็กกว่า Note 4 ที่ดูเหมือนจะทำให้เราสามารถใช้งานมันได้ด้วยมือข้างเดียวง่ายกว่าก็ตาม แต่การที่ต้องใช้มือเดียวในการเล่นหน้าจอขนาด 5.7 นิ้วเครื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอนครับ คือถ้าคิดว่าจะใช้มือเดียวจริงๆ Galaxy S6 น่าจะตอบโจทย์กว่าครับ
2.กล้องดีๆที่เหมือนกับ Galaxy S6
จริงๆแล้วเราพบว่ากล้องในอุปกรณ์ของ Samsung ส่วนใหญ่เป็นกล้องที่ดีนะครับ อย่างที่เราเห็นว่าใน Galaxy S6 ก็ถ่ายภาพออกมาได้อย่างสวยงาม และเชื่อว่านั่นก็เป็นสาเหตุให้เจ้ากล้องแบบเดียวกันนี้เข้ามาอยู่ใน Note 5 เช่นกันครับ ด้วยความละเอียด 16 MP ของกล้องหลังแน่นอนว่ามันสามารถถ่ายภาพได้สวยงามแน่ๆครับ แต่อย่างไรก็ตามกล้องในทั้ง 2 อุปกรณ์นี้ก็ไม่ได้มีดีเพียงแค่จำนวนพิกเซลนะครับ เพราะมันยังสามารถถ่ายภาพในพื้นที่แสงน้อยได้ดี บวกกับการรองรับ OIS หรือ (Optical Image Stabilization) ระบบการป้องกันการสั่นไหวของภาพอีก เท่านั้นยังไม่พอนะครับ เพราะมันยังสามารถเข้าถึงแอพกล้องได้อย่างรวดเร็วเพียงการกดปุ่ม Home 2 ครั้งติดกัน บอกเลยว่าเยี่ยมยอดครับ
แต่จริงๆแล้วฟีเจอร์กล้องใน Galaxy Note 5 มีมากกว่าใน Galaxy S6 อยู่นะครับ อย่างเช่นการถ่ายภาพ RAW ในโหมด “Pro” และความเสถียรของการถ่ายภาพวิดีโอที่ดีกว่า อีกทั้งยังสามารถตั้งค่า Shutter speed ในแบบ Manual ได้อีกด้วยครับ (ระหว่าง 1/24000 และ 10 วินาที )
3.ทำอะไรได้มากกว่าด้วย S PEN ตัวใหม่ล่าสุด
แน่นอนครับว่า Note 5 ก็ต้องมาพร้อมกับ S PEN แต่เจ้า S PEN ตัวใหม่ล่าสุดนี้ก็ไม่ได้มีหน้าตาแตกต่างจากรุ่นก่อนเท่าไรครับ แต่สิ่งที่แตกต่างไปน่าจะเป็นการทำงานของมัน เพราะตอนนี้หากว่าเราต้องการเขียนโน๊ตอย่างเร่งด่วนล่ะก็ เราสามารถใช้เจ้า S PEN เขียนบนหน้าจอที่ดำมืดสนิทอยู่ได้เลย จากนั้นก็สามารถบันทึกไปที่ S Note เพื่อทำการแก้ไขต่อๆไปได้ครับ นอกจากนี้ยังใช้ออกคำสั่งแบบ Air Command ได้อีกด้วย ซึ่งนั่นทำให้เราสามารถเข้าถึงแอพที่ใช้ร่วมกับ S PEN ได้อย่างรวดเร็วครับ
นอกจากนี้แอพอย่าง Screen Write ยังเป็นแอพที่ใช้งานได้กับ Note 5 เท่านั้น ซึ่งมันจะสามารถทำให้เราถ่ายรูปหน้าจอแบบ Multiple screen ได้ จากนั้นมันก็จะถูกนำมาต่อกันให้โดยอัตโนมัติเพื่อการใช้งานในภายภาคหน้าครับ
4.เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือตัวใหม่
ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะมีการใช้เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใน Galaxy S5 และ Galaxy Note 4 มาก่อนแล้ว แต่การมาของเซนเซอร์ตัวใหม่ใน Note 5 และ S6 นั้นเป็นอะไรที่ดีกว่าแน่นอนครับ เพราะเพียงการสัมผัสเบาๆก็พียงพอแล้ว แตกต่างจากเซนเซอร์ตัวก่อนครับ
เพียงยอมเสียเวลานิดเดียวเพื่อให้ตัวเครื่องจดจำลายนิ้วมือของเรา เท่านี้เราก็สามารถใช้งานมันได้อย่างลื่นไหลแล้วครับ ไม่ว่าจะใช้เพื่อปลดล็อคหน้าจอ หรือใช้ใน “private mode” สำหรับการป้องกันข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของเรา
5.Multitask แบบสบายๆด้วย RAM 4 GB
จากที่ Samsung เคยเลือกใช้ RAM 3 GB ใน Note 4 ตอนนี้ได้ถูกเพิ่มเป็น 4 GB ใน Note 5 เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ และนั่นก็ทำให้เรามีพื้นที่ในการใช้งานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกับการเล่นเกมส์ที่มีกราฟฟิกสูงๆ หรือหากต้องกาเปิดแอหลายๆแอพพร้อมกันก็ไม่ใช่ปัญหาครับ
แต่บางทีการที่มี RAM มากขนาดนี้ก็อาจหมายถึงว่าเราพร้อมแล้วครับสำหรับอนาคต ไม่ว่าจะเป็นแอพที่ใหญ่กว่านี้ หรือเกมส์ที่เจ๋งกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่แน่ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า RAM 4 GB อาจจะยังคงเพียงพอกับการใช้งานอยู่ก็เป็นได้ครับ
ุ
ุ6.เห็นอะไรได้มากกว่าผ่านหน้าจอ 5.7 นิ้ว
ถึงแม้ว่าหน้าจอของ Note 5 จะมีขนาด 5.7 นิ้ว 2560×1440 เท่ากับ Note 4 ก็ตาม แต่ Note 5 กลับทำให้เราเห็นอะไรได้มากขึ้นครับ อย่างเนื้อหาต่างๆที่แสดงออกมาจะถูกจัดการให้เหมาะสมและดูดีขึ้นกว่าใน Note 4 ครับ นอกจากนี้แอพ ไอคอนหรือข้อความต่างๆยังมีขนาดเล็กกว่าใน Note 4 เป็นขนาดที่เล็กพอๆกับไอคอนบนหน้าจอของ Galaxy S6 เลยครับ นั่นก็หมายความว่าหน้าจอใหญ่ๆของ Note 5 จะสามารถแสดงอะไรได้เยอะกว่าและทำให้เราเห็นอะไรได้เยอะกว่านั่นเองครับ
ดังนั้นการเลือกที่จะซื้อเจ้า Note 5 แนะนำว่าควรซื้อเพราะต้องการเห็นอะไรที่มากขึ้น แทนที่จะเป็นการเห็นอะไรที่ชัดขึ้นมากกว่าครับ
7.ชาร์จติดจรวดทั้งแบบผ่านสายและไร้สาย
ถึงแม้แบตเตอรี่ของ Note 5 จะไม่สามารถถอดออกมาได้ก็ตาม แต่เชื่อเถอะครับว่ามันใช้ได้นานกว่า แถมดีกว่าใน Note 4 แน่นอน และด้วยเทคโนโลยีการชาร์จแบบรวดเร็วของ Samsung ตัวใหม่ล่าสุด มันจะทำให้การชาร์จของเราเป็นไปได้ความรวดเร็วแน่นอน (ถ้าใช้สายชาร์จที่ให้มาในกล่องนะครับ)
นอกจากนี้ยังสามารถใช้การชาร์จแบบไร้สายที่ Built-in มาเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังดีกว่าใน Galaxy S6 ด้วยครับ เพราะว่า Note 5 รองรับการชาร์จไร้สายแบบเร็วด้วย แต่ก็ต้องยอมรับะครับว่ามันอาจไม่เร็วเท่ากับการชาร์จผ่านสายเคเบิ้ล แต่แน่นอนว่าเราเถียงไม่ได้ครับที่การชาร์จไร้สายมันง่ายกว่ากันเยอะ
8.การใช้งานด้วยมือเพียงข้างเดียว
สำหรับออพชั่นอย่าง One-handed usability นั้นอย่างที่เรารู้กันว่ามันมีมาก่อนหน้านี้ครับ และความสามารถของมันก็คือการทำให้เราจัดการกับหน้าจอขนาดใหญ่ยักษ์ได้ง่ายขึ้นด้วยมือเดียวนั่นเอง และแน่นอนว่าใน Note 5 ก็ยังคงมีฟีเจอร์นี้อยู่ครับ
อย่างแรกเลยคือการ “Reduce screen size” หรือการลดขนาดหน้าจอด้วยการกดปุ่ม Home ติดกัน 3 ครั้งครับ และนั่นจะทำให้หน้าจอมีขนาดเล็กลงเหลือประมาณครึ่งหนึ่งของขนาดหน้าจอทั้งหมด และจะยังคงเป็นแบบนั้นจนกว่าที่เราจะกดปุ่ม Restore ให้กับมาเหมือนเดิมครับ แน่นอนว่ามันจะทำให้เราใช้มือเดียวได้ทั่วหน้าจอเลยครับ
“One-handed input” สำหรับอันนี้จะเป็นการตั้งค่าแบบถาวรเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นปุ่มโทรออก เครื่องคิดเลข หรือปุ่มรับสายและอื่นๆ จะถูกหดมาไว้มุมขวาหรือมุมซ้ายของหน้าจอตามที่เราเลือกครับ และจะยังคงเป็นแบบนี้ไปจนกว่าเราจะเข้าไปตั้งค่าใหม่ใน Setting ครับ
พูดได้ว่าทั้ง 2 ฟีเจอร์นี้เป็นอะไรที่ทำให้เราใช้งานพวกหน้าจอใหญ่บิ๊กเบิ้มได้ง่ายดายขึ้นครับ แต่อย่างไรก็ตามการใช้งาน 2 มือก็น่าจะเป็นอะไรที่เหมาะสมกว่าครับ คิดซะว่าเป็นฟีเจอร์ดีๆที่มีไว้ใช้ในยามที่เราไม่ได้ว่างทั้ง 2 มือครับ
9.Note 5 พร้อมแล้วสำหรับ Samsung Pay
วิธีการชำระเงินแบบใหม่ที่ทาง Samsung ปล่อยออกมาอย่าง Samsung Pay จะทำให้เราสามารถใช้จ่ายได้ง่ายขึ้นทั้งแบบผ่าน NFC และ MST ครับ ทั้งนี้เจ้า Note 5 ก็เป็นอุปกรณ์ตัวหนึ่งที่ทาง Samsung เลือกให้สามารถใช้งานกับ Samsung Pay ครับ
ทั้งนี้การมาของ Samsung Pay จะเป็นช่วงสิ้นเดือนกันยายนนะครับ แต่จะเริ่มใช้ในอเมริกาก่อน และการที่เรามี Note 5 อยู่ในมือนั่นก็หมายถึงว่าเราพร้อมเสมอที่จะได้ใช้เทคโนโลยีการจ่ายเงินตัวใหม่ของ Samsung ครับ