เดินไปไหนในทุกวันนี้ ก็มีแต่คนถือคนใช้ “กล้องถ่ายภาพ” กันทั้งนั้นครับ แต่ผมไม่ได้หมายถึงกล้องถ่ายภาพที่เป็นกล้องเต็มตัว แต่นับรวมถึงสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่มาพร้อมกับฟังชั่นการถ่ายภาพที่นับวันยิ่งพัฒนามากขึ้น นั้นเพราะความต้องการของผู้ใช้งานในด้านการถ่ายภาพเป็นเรื่องที่สำคัญมากเป็นอันดับต้นๆ ในการเลือกซื้อเครื่องสมาร์ทโฟน บางคนก็ให้ความสำคัญกับเรื่องการถ่ายภาพไปมากกว่านั้นด้วยการเลือกซื้อกล้องถ่ายภาพจริงๆ มาใช้งานทดแทน แต่บางครั้งการลังเลใจก็เกิดขึ้นได้ครับ ว่าจำเป็นมั้ย จะดีกว่ากล้องมือถือหรือไม่ และเราจะได้ประโยชน์ในการใช้งานมากขึ้นแค่ไหน ในฐานะที่เราอยู่กับงานสื่อและการนำเสนอที่ต้องการความสามารถของการถ่ายภาพในรูปแบบต่างๆ จากอุปกรณ์ต่างๆ มามากมาย ก็อยากจะแนะนำในสิ่งสำคัญกับผู้ใช้ที่ยังลังเลกับการเลือกซื้อเลือกหากล้องถ่ายภาพมาพกพาเพิ่มเติมก้นสักหน่อย ว่ากล้องถ่ายภาพของสมาร์ทโฟนเมื่อเทียบการใช้งานกับกล้องถ่ายภาพจริง (ทั้งแบบคอมแพคและแบบกล้องโปรอย่าง DSLR หรือ Mirrorless) มันมีดีในตัวเองได้อย่างแตกต่างอย่างไร อะไรคือจุดที่จะหาไม่ได้หรือด้อยไปเมื่อเปลี่ยนไปใช้ กล้องถ่ายภาพจริงๆ !
1.สะดวกพกพา หยิบใช้ง่าย สร้างโอกาสในการถ่ายภาพได้มากกว่า
การถ่ายภาพเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับความคิดผม อันดับหนึ่งคือ “โอกาส” แม้ว่าเรื่องคุณภาพจะสำคัญมากๆ ในโลกการถ่ายภาพ แต่โอกาสในการถ่ายภาพก็เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญเช่นกัน เมื่อเทียบกันระหว่างกล้องมือถือกับกล้องถ่ายภาพระดับคอมแพคหรือกล้องโปรที่เล็กที่สุดแล้วก็ตาม ผมเองก็ยังใช้งานกล้องมือถือได้มากกว่าในหลายๆ โอกาสอยู่ดีครับ หนึ่งนั้นไม่ได้เพราะขนาด แต่เป็นเพราะมันคือโทรศัพท์ เป็นอุปกรณ์พกติดตัวพื้นฐานที่เราถือมันอยู่ในมืออยู่แล้ว ต่อให้กล้องถ่ายภาพมันเล็กสักแค่ไหนก็ไม่สามารถติดตัวเราไว้ได้เหมือนเครื่องสมาร์ทโฟนที่เราจำเป็นต้องใช้งานในด้านอื่นๆ ด้วยตลอดเวลา นั้นคือจุดแข็งที่สุดสำหรับพวกที่ชื่นชอบการถ่ายภาพด้วยมือถือนั้นเองครับ
[divider]
2.แอพพลิเคชั่นเสริม แต่งรูปได้เพลิน
ด้วยความที่สมาร์ทโฟน เป็นกล้องถ่ายภาพที่มีระบบปฏิบัติการอันเป็นสากลเป็นตัวขับเคลื่อน มันจึงเปิดกว้างรับการทำงานใหม่ๆ ผ่านแอพพลิเคชั่นที่สามารถติดตั้งลงไปได้ จุดนี้สำคัญมากสำหรับผู้ที่ชอบการแต่งภาพหรือชอบการถ่ายภาพในรูปแบบใหม่ๆ ตามสไตล์กระแสเทรนด์ที่มาแล้วก็ไปตามที่เราเห็นกันๆ ซึ่งกล้องถ่ายภาพจริงไม่สามารถตามเทรนด์เหล่านั้นได้ทันแน่นอนครับ เป็นที่มาของแนวคิดกล้องถ่ายภาพยุคใหม่หลายรุ่น เริ่มนำระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟนไปใส่เป็นระบบหลักของเครื่องแล้วนั้นเอง และบางยี่ห้อก็ออกแบบให้เราสามารถติดตั้งแอพเสริมเข้าไปในตัวกล้องได้แล้ว แต่เราก็ยังอยู่ในยุคเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานของกล้องครับ จนกว่าจะถึงเวลาที่กล้องถ่ายรูปกลายเป็นสมาร์ทคาเมร่าเต็มตัว ความหลากหลายในเรื่องของแอพพลิเคชั่นและความสามารถในการตามกระแส กล้องถ่ายรูปยังคงเป็นรองสมาร์ทโฟนอย่างแน่นอนครับ
[divider]
3.แชร์ง่าย ไม่ยุ่งยากถ้าคุณติดสังคมออนไลน์
นอกจากเรื่องการถ่ายภาพ ก็ยังมีเรื่องที่สำคัญเป็นลำดับต่อมาคือการใช้ประโยชน์จากภาพ ส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ไม่ใช่เพื่อการนำมาไปอัดเป็นรูป แล้วไปเก็บใส่อัลบั้ม แต่เป็นการอัพไฟล์ภาพขึ้นไปสู่ Cloud Service หรือการโพสเข้า Social Network อย่าง Facebook, Instagram แน่นอนว่าในเรื่องนี้ใครจะมาสะดวกสบายไปกว่าสมาร์ทโฟนคงไม่มีครับ ทั้งตัวแอพพลิเคชั่นที่รองรับ ความว่องไว และการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต แม้ทางผู้ผลิตกล้องถ่ายภาพจะเพิ่มเติมความสามารถในการเข้าถึง Social และ Internet ด้วยตัวกล้องเพิ่มเติมเข้าไป รวมทั้งการใส่ความสามารถในการส่งไฟล์ไปยังสมาร์ทโฟนให้รวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม แต่ยังคงแตกต่างกับการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนโดยตรงมากครับ
[divider]
4. มีกล้องถ่ายภาพสองด้าน กล้องหน้าและกล้องหลัง
การถ่ายภาพปัจจุปัน เป็นการถ่ายภาพเพื่อตัวเองซะมากกว่าการถ่ายภาพเพื่อคนอื่นครับ การถ่ายภาพเซลฟี่เป็นที่นิยมถึงขีดสุด กล้องสมาร์ทโฟนทำออกมาเพื่อตอบรับกระแสเซลฟี่กันอย่างเต็มรูปแบบ กล้องหน้าสำคัญจนกลายเป็นจุดขายในการโฆษณาผลิตภัณฑ์บางรุ่นไปแล้ว ความสะดวกในการถ่ายภาพผ่านกล้องหลังตัวหลักและถ่ายภาพตัวเองด้วยกล้องหน้าและความสามารถในการแต่งภาพหน้าใสหน้าเด้ง ^^ เป็นจุดที่กล้องถ่ายภาพกำลังพัฒนาตามสมาร์ทโฟนมาไม่ไกลครับ ด้วยจอพับมาด้านหน้าได้ กับฟังชั่นการถ่ายภาพหน้าใสแม้จะยังใสเด้งไม่เท่าแอพบนสมาร์ทโฟนก็ตาม
แต่ในเรื่องนี้จะว่าไป ก็มีกล้องถ่ายภาพที่ออกแบบมาเพื่อการถ่ายเซลฟี่ตัวเองโดยเฉพาะอย่างที่เราเรียกว่า กล้องฟรุ้งฟริ้ง เช่นกันครับ แต่ราคาอาจจะแพงสักหน่อยเท่านั้นเอง
[divider]
5.เลนส์มุมกว้าง เก็บภาพการท่องเที่ยว
ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังของกล้องถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟน มีจุดหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก คือเลนส์ไวด์ เลนส์มุมกว้างที่สามารถเก็บภาพมุมมองภาพได้กว้างมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานเลนส์ที่มีมาให้กับกล้องถ่ายภาพในชุดเริ่มต้นครับ ขนาดมาตรฐานทั่วๆ ไปของเลนส์ติดกล้องมาจากร้านจะอยู่ที่ประมาณ 24mm เป็นพื้นฐาน แต่กล้องถ่ายภาพของสมาร์ทโฟนจะใส่เลนส์ไวด์ที่ทำงานต่ำกว่า 20mm อยู่หลายรุ่นเลยครับ ประโยชน์คือความกว้างในการเก็บภาพทิวทัศน์ ที่เก็บได้มากกว่า เหมาะกับการใช้งานในการท่องเที่ยว แต่ข้อดีก็มีข้อเสียนะครับเพราะกล้องสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ปรับระยะของเลนส์หรือเปลี่ยนเลนส์ไม่ได้นั้นเอง ไวด์อย่างเดียว
[divider]
6. ฟังชั่นการถ่ายภาพมากมาย ลูกเล่นสนุกๆ
นอกจากเรื่องแอพพลิเคชั่นเสริมที่มีมาให้เราดาวน์โหลดและติดตั้งได้จาก Store ของระบบสมาร์ทโฟนที่เราใช้งานอยู่ ทางผู้ผลิตของแต่ละแบรนด์ ก็ยังใส่ลูกเล่นอีกมากมายเข้ามาให้เราใช้งานในตัวกล้องเยอะมากครับ เช่นการถ่ายภาพแบบ Spere รอบตัว 360 องศา การถ่ายภาพแบบสองหน้าจอ การถ่ายภาพแบบมีอนิเมชั่นการเคลื่อนไหว บางฟังชั่นอัจฉริยะและแปลกตาชนิดที่ว่าหน่วยประมวลผลของกล้องถ่ายภาพยังมาไม่ถึงแน่นอน ทั้งเอฟเฟ็กต์ของการถ่ายภาพนิ่งและการถ่ายภาพวีดีโอ
[divider]
7. แบตเตอรี่อยู่ได้นาน การชาร์จพลังงานทำได้ฉับไวและสะดวก
ปัญหาของการใช้งานอุปกรณ์ไอทีส่วนหนึ่งอย่าลืมเรื่อง “แบตเตอรี่” ไปครับ กล้องถ่ายภาพระดับโปรหลายตัวมีปัญหาในการซดพลังงานปานจรวด เปิดเครื่องทิ้งไว้ทำงานเหมือนพวกสมาร์ทโฟนไม่ได้แน่นอน แค่เปิดๆ ปิดๆ อาจจะอยู่กับเราได้ครึ่งวันเท่านั้นครับ ด้วยกลไกขับเคลื่อนภายในที่เต็มไปด้วยฟันเฟืองและกลไกเคลื่อนไหวซับซ้อนเต็มไปหมด ในการลั่นชัตเตอร์แต่ละครั้งกินไฟกว่ามือถือมาก และขนาดแบตเตอรี่ที่ถือว่าเล็กมากเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต่อขนาดของตัวกล้อง รวมทั้งการชาร์จพลังงานที่ไม่สะดวกสบายเหมือนเครื่องสมาร์ทโฟนที่สามารถอยู่กับเราได้นานกว่า และยังสามารถต่อชาร์จผ่านแบตเตอรี่เสริมไปพร้อมๆ กับใช้งานไปได้อีกด้วยครับ
[divider]
8. ลุยได้มากกว่า เสียหายน้อย จับถือในสถานะการณ์ต่างๆ ได้ง่ายกว่า
ทั้งสองอุปกรณ์ จับตลาดผู้ใช้ทั้งแบบผู้ใช้ทั่วไปและแอดเวนเจอร์ แต่จะนับพื้นฐานความ อึด ถึก ทน ระหว่างสมาร์ทโฟนกับกล้องถ่ายภาพทั่วๆ ไป สมาร์ทโฟนสมบุกสมบันได้มากกว่าเยอะครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องการกระแทกจนกลไกเพี้ยน ฝุ่นเข้าเซนเซอร์ ราจับกระจกเลนส์ หรือแม้กระทั่งการกันน้ำกันฝุ่น เพราะมือถือบางรุ่นทำมารองรับการถ่ายภาพใต้น้ำได้ด้วยตัวมันเองโดยไม่ต้องใส่เคสป้องกันอะไรทั้งนั้น และด้วยตัวมันเองระดับความผิดเพี้ยนเมื่อมีการกระแทกก็อยู่ในระดับต่ำกว่ากล้องทั่วไปมากนัก ถ้าไม่นับกล้องที่ออกแบบมาเพื่อการบุกตะลุยอย่างเช่นกล้อง Go Pro ที่ออกแบบมาเพื่อความอึดถึกโดยเฉพาะแล้วละก็ สมาร์ทโฟนดูแลรักษาง่ายและลุยกับเราได้มากกว่ากล้องถ่ายภาพทั่วไปอยู่มากครับ
[divider]
9. ระบบแกลลอรี่และการจัดการภาพที่ดีกว่า
ระบบการจัดการไฟล์ที่สมาร์ทโฟนทำได้มีความสามารถสูงมากครับ นั้นเพราะมันเป็นเครื่องกึ่งคอมพ์พิวเตอร์ ที่มีโปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นสำหรับการจัดการไฟล์ได้ง่ายกว่า ฉลาดกว่า และไวกว่าด้วยประสิทธิภาพชุดประมวลผลที่มีวัตถุประสงค์แตกต่างไปจากกล้องจริงๆ รวมทั้งการทำงานผ่านชุดคีย์บอร์ด หน้าจอสัมผัส และสมาร์ทโฟนแทบทุกรุ่นสามารถระบุพิกัด Geotag เข้าไปในไฟล์ภาพ เพื่อแสดงให้เราจำได้ว่าถ่ายภาพดังกล่าวมาจากสถานที่ใด แถมยังรองรับการเชื่อมต่อมากมายคณานับ และแอพพลิเคชั่นจัดการภาพอันมากมี ทำให้เราสามารถจัดเก็บ แยกแยะ แก้ไข และรวบรวมภาพถ่ายต่างๆ บนอุปกรณ์ของเราได้สะดวกสบายกว่าบนกล้องถ่ายภาพมากนักครับ
[divider]
10. ตัวเดียวจบ รวมทุกอย่างในเครื่องเดียว ประหยัดสตางค์
ข้อสุดท้ายจริงๆ แล้วคือข้อที่เป็นข้อสรุป ดังคำกล่าวที่ว่า “ของดีมีแต่ไม่หยิบมาใช้ ของดีมีแต่ไม่พกพา” มันก็คือของที่ไม่ได้เกิดประโยชน์ในการใช้งานนั้นเองครับ โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบความจุกจิกของการหิ้วถืออุปกรณ์ที่มากมาย ไม่สะดวกใจกับการพกกล้องไปทุกที่ ไปรับประทานข้าว ไปออกเดท ไปงานเลี้ยง ไปปาร์ตี้ ไปดูหนัง บางครั้งสำหรับบางคนก็ไม่อยากจะพกกล้องติดไปด้วย ถ้าคุณเป็นคนแบบนั้นก็ลองคิดให้ดี “ว่ามีของดีแต่คุณจะใช้มันมั้ย พกพามั้ย จะได้ประโยชน์เมื่อไหร่”
เพราะการเสียตังค์ไม่ใช่เรื่องยากครับถ้าคุณตัดสินใจได้แล้ว
[divider]
สำหรับผมเองเลือกการพกพากล้องเพราะส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่ความลำบาก แม้ทีมงานภายในเว็บของเราบางท่านอาจจะคิดต่าง มีกล้องแต่ก็ไม่ค่อยได้พกใช้งานหรอกครับ คิดตรงกันข้ามเลย ความแตกต่างตรงนี้เป็นที่มาของความเหมาะสมกับการเลือกใช้อุปกรณ์เป็นสำคัญ “คุณภาพกับความสะดวก”
แม้หลายคนจะยอมสละคุณภาพของภาพที่ได้เพื่อความสะดวกและความประหยัด แต่ก็มีผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพที่เขาพร้อมจะสละความสะดวกเล็กน้อยเพื่อคุณภาพและความสนุกที่ได้รับจากกล้องคุณภาพดีๆ อีกมากมายเช่นกันครับ จุดเด่นของกล้องถ่ายภาพที่กล้องสมาร์ทโฟนให้ไม่ได้มีมากพอจะเขียนออกมาเป็นร้อยหน้า แต่ทั้งหมดมันจะไม่เกิดขึ้นกับใครก็ตามที่อยากจะใช้งานการถ่ายภาพแค่เพียงจุดประสงค์ตามสิบข้อด้านบนที่กล่าวมา และอาจจะมีเหตุผลอื่นๆ อีกตามความชอบส่วนตัว ซึ่งทั้งหมดคือความลงตัวที่อาจจะพูดได้ว่า
“อะไรก็ได้ที่เหมาะสมกับเรา คือดีที่สุดนั้นเองครับ”