จากเมื่อเดือนที่ผ่านมา Naver Japan ได้ประกาศความสำเร็จที่มียอดผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่น Line มากถึง 200 ล้านคน และมีผู้ใช้ชาวไทยมากถึง 15 ล้านคน ซึ่งถือว่ามากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งโดยปกติแล้วแอพพลิเคชั่น Line จะเป็นโปรแกรมสำหรับพูดคุยระหว่างบุคคลหรือสร้างกลุ่มขึ้นมาพูดคุยกันได้ และบุคคลภายนอกที่ไม่ได้รับเชิญก็จะไม่มีสิทธิ์เห็นข้อความหรือประวัติการสนทนาได้ ด้วยเหตุนี้ พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. จึงได้เกิดความกังวลว่าแอพพลิเคชั่นนี้อาจตกเป็นเครื่องมือในการปล่อยข่าวที่มีผลกระทบต่อความั่นคงของชาติได้ ซึ่งการควบคุมนี้ไม่ได้จำเพาะเจาะจงแอพพลิเคชั่น Line เท่านั้น แต่รวมถึงสื่อ เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นสังคมออนไลน์ต่างๆ ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้กรณีการควบคุมสังคมออนไลน์สืบเนื่องมาจากการปล่อยข่าวลือปฏิวัติบนสังคมออนไลน์นั่นเอง ซึ่งถือว่าเป็นบทบาทหน้าที่ของ ปอท. โดยตรงที่ต้องเฝ้าระวังปัญหาเหล่านี้ แต่หลังจากกระแสข่าวนี้ออกมา ก็ได้สร้างความไม่พอใจให้กับชาวสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก เนื่องจากแอพพลิเคชั่น Line ถือเป็นพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งประชาชนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นได้ นอกจากนี้ยังมีชาวเน็ตส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่ายังมีคดีออนไลน์อีกหลายคดีที่เป็นเรื่องเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหา ทำไม ปอท.ถึงไม่จัดการกับเรื่องเหล่านั้นก่อน
แล้วเพื่อนๆ ชาว AppdisQus.com เห็นว่าอย่างไรบ้างครับ ? ปอท. ทำตามบทบาทหน้าที่ได้ถูกต้องแล้ว หรือ ทำเกินกว่าเหตุและละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้ Line กันแน่ ?
[box_info]อัพเดต:[/box_info]
พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เปิดเผยกรณีมีกระแสข่าวว่า ปอท.จะตรวจสอบการส่งข้อความผ่านไลน์บนโทรศัพท์มือถือว่า เพื่อเป็นการป้องกันเหตุอาชญากรรมทางโลกไซเบอร์ โดยจะมีการตรวจเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยทั้งประกอบธุรกิจ หรือมีเจตนาทำผิดกฎหมาย เช่น พวกโพสขายปืน ขายอาวุธ หรือสิ่งผิดกฎหมาย หรือกลุ่มการเมืองที่เข้าข่ายยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวาย ไม่ได้หมายถึงประชาชนทั่วไป
พล.ต.ต.พิสิษฐ์ กล่าวอีกว่า ไม่เฉพาะไลน์ แต่จะดูการใช้โซเซียลมีเดียทั้งหมดที่กระทำผิดกฎหมาย หรือละเมิดสิทธิบุคคลอื่น ซึ่งขอยืนยันว่าเป็นหน้าที่ตำรวจ ในการเฝ้าระวัง ส่วนบุคคลที่ใช้โซเซียลอย่างสร้างสรรค์ ปอท.ยืนยันจะไม่เข้าไปตรวจสอบ และในเวลา 14.00 น. ของวันนี้ (13 ส.ค.) ทาง ปอท.จะมีการแถลงกรณีนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง