บทความนี้ไม่ใช่ Review นะฮะ เพราะผมกะจะไม่ลงลึกอะไร แต่จะมาเล่าสู่กันแบบสบายๆถึงเจ้า iPad รุ่นที่ 4 ซึ่งผมพึ่งไปสอยมาเล่นหมาดๆ (ส่วนตัวตอนแรกกะจะไม่ซื้อด้วยซ้ำครับ แต่คนรอบตัวซื้อกันจัง ยั่วซะจนผมอยากได้เลยละ เพราะจากที่ผ่านมาผมซื้อ iPad มาไม่นานก็ขายต่อตลอดเลย)
จริงๆตอนแรกผมก็ลังเลนะเพราะอาผมซื้อ iPad Mini มาครับมันบางและเบาหวิวเลยละ หน้าตาสวยดีด้วยแต่พอไปที่ร้าน ผมก็ลังเลเพราะเทียบดูหน้าจอของ iPad Mini และ iPad รุ่นที่ 4 ความละเอียดต่างกันมากครับ (แหงสิ) ซึ่งจริงๆถ้าไม่เน้นอ่านเวบหรืออ่านหนังสือ มันก็ไม่รู้สึกแย่อะไรนะครับ แต่จุดนี้ละที่ทำให้ผมคิดว่ายอมหนักเลือก iPad รุ่น 4 ดีกว่า อิอิ
จะว่าไปราคามันก็ต่างกันเยอะนะครับเจ้า iPad Mini เริ่มต้นแค่ 11200 เองดูแล้วราคาผมว่าคุ้มค่าตัวมากครับ เพราะมันสวยมากเลยละ ยัดใส่กระเป๋ากางเกงผมได้ด้วย^^ ส่วนเจ้า iPad รุ่น 4 ราคาเริ่มต้นเท่าเดิม 16500 ครับซึ่งมันก็มีสเปคที่จัดหนักกว่า และผมว่าใช้ไปอีกยาวๆไม่เปลี่ยนก็ยังได้ (จริงๆผมว่าNew iPad ก็ยังแจ่มนะ ใครยังใช้อยู่ก็ไม่จำเป็นต้องมาซื้อรุ่น 4 เลยครับ)
แต่เอาเข้าจริงๆพอมีของใหม่มา มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะอยากเปลี่ยนนะครับ อิอิ
ขอแกะกล่องอวดซักหน่อย อิอิ หน้าตากล้องเรียบหรูเช่นเคย
ซื้อแค่ 16GB นี่ละครับงบน้อย แถมมั่นใจว่ามันจะอยู่กับผมไม่นานแน่ๆ5555
ในกล่องมีตัวเครื่อง iPad รุ่น 4 และซองใส่คู่มือหยาบๆและรูปลอก Apple เช่นเคย Adapter และสายพอร์ต Lightning
มาดูกันชัดๆครับพอร์ต Lightning หัวเล็กๆน่ารัก^__^เสียบสายได้ง่ายกว่าแบบเดิมเยอะเลย
หน้าตาของ iPad รุ่น 4 จะเหมือน New iPad อย่างกะแกะครับ แตกต่างกันก็แค่ตรงพอร์ต Lightning เท่านั้น
และการที่เปลี่ยนมาใช้ชิป Apple A6X ส่วนตัวเท่าที่ลองเล่นดู ผมว่ามันก็ไม่ได้เร็วหรือลื่นขึ้นชัดเจนนะครับ ผมว่าเหมือนเดิมเลยละ New iPad มันก็ทำได้ดีอยู่แล้ว และจริงๆผมก็ยังเจออาการกระตุกนิดหน่อยเหมือนกันนะ และความอึดของแบตเตอรี่ ผมก็ว่าไม่แตกต่างจาก New iPad ครับพอๆกันนะ
ปุ่ม Home ที่ผมอยากให้เอาออกสุดๆเลย=__=
กล้องหน้าเพิ่มเป็น 1.2MP เอาใจคนที่ชอบถ่ายรูปตัวเอง^^
เหมือนเดิมเปี๊ยบ ซึ่งผมว่ามันก็สวยจริงๆนะวัสดุและการประกอบดีมากเช่นเคย รุ่นหน้าผมว่ามันออกแบบแนว iPad Mini ขยายร่างแหงมๆ
Lightning Port ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่านะฮะ พอพอร์ตมันเล็กลงเหลือแค่นี้แล้วมันทำให้เครื่องดูหรูยิ่งขึ้นนะเนี่ย (หรือเพราะผมเห่อหว่า….)
สำหรับ Case เป็นรุ่นเก่าครับทำมาสำหรับ New iPad พอดีมีอยู่แล้วก็ใช้ต่อโลด เหอ เหอ
เพราะขนาดและตำแหน่งต่างๆมันเหมือนกันทำให้ใส่กันได้พอดีครับ ยกเว้นตรง Lightning Port ก็เลยเว้นพื้นที่เยอะเชียว (แต่ก็ดูเนียนนะเนี่ย)
Case รุ่นนี้ใส่เครื่องได้พอดีครับ จะติก็แกะออกยากพอสมควรมันแน่นอ่ะวัสดุเป็นหนังเทียมและพลาสติคเคลือบยางยี่ห้อ Verus ครับ (ผมชอบตรงเป็นหนังเทียมสีดำเดินด้ายสีแดงอ่ะเท่มาก)
ฝาหน้าด้านในเป็นหนังกลับสีแดง มีปั๊มลวดลายเท่ดีสามารถพับตั้งเครื่องได้รวมทั้งมีแม่เหล็กปิดหน้าจออัตโนมัติได้ด้วย
เนื่องจากเจ้า iPad Mini เป็นของอาผมครับ แหมมันย่องเลย จะเช็ดก็เกรงใจตอนนั้นไม่มีผ้าฮะ ก็เลยถ่ายมันทั้งอย่างนั้นเลยด้วยมือถือ เหอ เหอ
รูปร่างของ iPad Mini สวยมากครับบางเบามาก และการใช้งานก็ลื่นไหลดีกล้องหน้าและหลังก็ให้มาเท่ากับ iPad รุ่น 4 (ผมว่าตัวเดียวกันเลยละ)
สำหรับสีดำผมว่ามันเปลื้อนคราบนิ้วมือง่ายสุดๆครับ สีเงินเห็นยากกว่ามากและเท่าที่เห็นผมว่าสีไม่น่าจะลอกง่ายๆนะ อาผมติดแต่กันรอยไม่ใส่ Case นี่ก็ประมาณ 3 วันแล้วก็ไม่มีรอยอะไรครับ (ลุ้นอยู่ว่าอาผมจะทำร่วงซักทีหรือเปล่า อยากเห็นผลลัพธ์5555)
iPad Mini มาพร้อมกับลำโพงสเตอริโอซะด้วย (iPad รุ่น 5 รอได้เลย^^)
ขนาดประมาณพ่อกับลูก น้ำหนักนี่คนละเรื่องเลยครับ ผมว่าขนาดของ iPad Mini มันเหมาะกับการเล่นเกมและพกพามากครับ (จะรอซื้อ iPad Mini รุ่น 2แล้วกัน)
ถ่ายมาให้ชมครับว่าจอความละเอียดมันต่างกันเยอะมากเลย แต่อาผมคุยกับเพื่อนว่าคนแก่อย่างพวกเขาสายตาย่ำแย่แล้ว จอดีแค่ไหนก็แยกไม่ออก เหอ เหอ
ตัวอย่างภาพถ่ายของ iPad รุ่น 4
ตัวอย่างภาพถ่ายของ iPad Mini
คุณภาพกล้องกล้องของทั้ง iPad รุ่น 4 กับ iPad Mini ก็ดูจะพอๆกันครับ คือระดับกลางๆธรรมดาไม่แย่แต่ก็ไม่ดี Noise เยอะพอสมควรและผมว่ากล้องหน้าดีไม่เบานะคมเก็บรายละเอียดได้ดี กล้องหลังจับ Focus ใวและบันทึกภาพได้เร็วมากมี Touch Focus
เนื่องจากมาแนวเล่าสู่กันฟังก็ขอจบเท่านี้นะครับ ไม่ลงลึกเพราะมันไม่ใช่ Review ใครสนใจเจ้า iPad Miniหรือ iPad รุ่น 4 อยุ่ก็ลองพิจารณาครับว่าตัวเองเหมาะกับรุ่นไหน ว่าไปถ้าตัดสินใจอีกรอบได้ ผมก็ชักจะอยากได้ iPad Mini สีขาว 32GB WIFI อ่ะครับ^__^