Nokia ได้แถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุดซึ่งตัวเลขที่ออกมาดูเหมือนสถานการณ์ของ Nokia จะดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนั่นก็ส่งผลต่อยอดขายของระบบ Windows phone ของ Microsoft ด้วยเช่นกันครับ
ไตรมาสล่าสุดนี้ (ไตรมาสที่ 3) Nokia สร้างสถิติใหม่สำหรับยอดขายของมือถือตระกูล Lumia โดยมียอดขายอยู่ที่ 8.8 ล้านเครื่อง ซึ่งเพิ่มจากไตรมาสก่อนหน้าที่มียอดขายอยู่ที่ 7.4 ล้านเครื่อง (สูงขึ้น 18.91%) และถ้าเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้วที่ขายได้ 2.9 ล้านเครื่องนั้น จะพบว่า Nokia ทำยอดขายได้สูงขึ้นถึงประมาณ 200% และนั่นทำให้ยอดขายมือถือตระกูล Lumia ของ Nokia ทั้งหมดในตอนนี้อยู่ที่ 36.1 ล้านเครื่องนับตั้งแต่ Nokia วางจำหน่าย Lumia 800 ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2011
ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้ว มือถือ Nokia Lumia มียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาดโลกครับ แต่ว่าในตลาดใหญ่ๆอย่างอเมริกานั้น Nokia กลับไปได้ไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ แต่ผลของไตรมาสนี้น่าสนใจตรงที่ ในตลาดอเมริกาเองยอดขายของมือถือตระกูล Lumia เองก็สูงขึ้นถึง 2 เท่าโดยไตรมาสล่าสุดนั้น Nokia ส่งออกมือถือได้ 1.4 ล้านเครื่อง เพิ่มจาก 5 แสนเครื่องในไตรมาสก่อน ซึ่งจากข้อมูลระบุว่าเป็นผลจากความสำเร็จของมือถือรุ่นประหยัดอย่าง Nokia Lumia 520 และ 521 นั่นเอง
สิ่งที่เราจะสังเกตได้จากการประกาศยอดขายของ Nokia ในช่วงนี้คือ จะนับเฉพาะยอดขายของมือถือตระกูล Lumia เท่านั้น ไม่นำยอดขายของมือถือตระกูล Symbian มารวมด้วยแบบที่เคยทำมาครับ
อย่างไรก็ดี ด้วยความสำเร็จของมือถือระดับราคาถูกทำให้อัตราเฉลี่ยราคาขายต่อเครื่องของมือถือของ Nokia อยู่ที่ 143 ยูโรต่อเครื่อง (หรือประมาณ 6,160 บาท) ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วที่มีราคาเฉลี่ยต่อเครื่องที่ 155 ยูโร (หรือประมาณ 6,680 บาท) ซึ่งสาเหตุหลักคงไม่พ้นยอดขายที่สูงมากของมือถือ Nokia Lumia 520 เมื่อเทียบกับบรรดามือถือตระกูล Lumia ทั้งหมด
[divider]
ถ้าเรามามองในแง่ผลประกอบการ เราจะพบว่า Nokia มีผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 7.8 พันล้านเหรียญ (243.36 พันล้านบาท) แต่มีผลกำไรอยู่ที่ 162 ล้านเหรียญ (5.05 พันล้านบาท) ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดีขึ้นเรื่อยๆเมื่อเทียบกับช่วย 2-3 ปีหลังของ Nokia ครับ แต่ถ้าเรามองเฉพาะส่วนผลิตมือถือของ Nokia (ที่ Microsoft กำลังจะซื้อไปในต้นปี 2014 นี้) อย่างเดียว จะพบว่า ส่วนผลิตมือถือของ Nokia นั้นยังขาดทุนที่ประมาณ 118 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 3.68 พันล้านบาท
และหากเราเอาส่วนผลิตมือถือของ Nokia ออกจากภาพรวมสำหรับการดูผลประกอบการ จะพบว่าไตรมาสนี้ Nokia มีกำไรสูงกว่าเดิมพอสมควรคือมีผลประกอบการอยู่ที่ 3.8 พันล้านเหรียญ แต่มีกำไรสูงถึง 280 ล้านเหรียญหรือราว 8.7 พันล้านบาท ซึ่งเมื่อ Nokia ขายส่วนผลิตมือถือของตัวเองออกไป จะทำให้จำนวนพนักงานลดลง ส่วนของการขาดทุนจากแผนกที่ขายออกไปก็จะลดลง ต้นทุนที่ Nokia ต้องแบกรับจะลดลงซึ่งนั่นจะยิ่งทำให้กำไรของ Nokia กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมาก และจะทำให้สถานการณ์ของบริษัทกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
การตัดสินใจขายส่วนผลิตมือถือออกไป อาจจะดีกับ Nokia มากกว่าที่เราในฐานะผู้บริโภคมองกันไว้ครับ