คลายข้อสงสัย รายละเอียด Apple Watch : มีกี่แบบ? กันน้ำมั้ย? ใช้งานมือซ้ายได้มั้ย? แล้วทำงานร่วมกับ iPhone อย่างไรได้บ้าง?
Apple Watch มีกี่แบบ?
Apple Watch นาฬิกาอัจฉริยะจาก Apple ที่จะมาเป็นคู่ขาให้กับชาว iOS หรือที่เราคาดกันไปก่อนหน้านี่ว่าจะมาในชื่อของ iWatch นั้นเอง ทั้งผิดคาดในเรื่องของชื่อ รวมถึงรายละเอียดบางอย่าง เช่น Apple Watch จะออกมาในสองขนาดหน้าจอ 38มิลลิเมตรและ 42มิลลิเมตร บนหน้าจอกระจกแซฟไฟน์ และมีให้เลือกในสามรูปแบบสามไลฟ์สไตล์ กับ 18 สายนาฬิกาที่แตกต่างกันครับ โดยราคาประกาศออกมาแล้ว โดยเริ่มต้นที่ 349$ หรือประมาณ 12,000 บาทไทย วางจำหน่ายปีหน้าโน้นเลยครับ
Apple Watch – มาในอลูมิเนียมขัดเงา หรือสีดำ สายอลูมิเนียมพร้อมตัวเลือกที่จะเป็นสายแบบรัดข้อมือ รุ่นมาตรฐาน ดูเรียบแต่หรู
Apple Watch Sport – มาในสี space gray และสีเงิน ล้อมรอบตัวเรือนด้วยอลูมิเนียมและสายรัดแบบ Sport Band สำหรับนักกีฬา ผู้ชื่นชอบการออกกำลังกายและสีสันสดใสแบบวัยรุ่น
Apple Watch Edition – หรูที่สุด ตัวเรือนสีทอง 18k สีทองกุหลาบ และทองอมเหลือ เน้นความเริศมากกว่าแบบอื่นๆ น่าจะเหมาะกับสุภาพสตรีมากที่สุดครับ
Apple Watch กันน้ำมั้ย?
แต่สิ่งที่หลายคนสงสัยและทาง Apple ไม่ได้บอกใครเอาไว้บนเวทีในเรื่องของคุณสมบัติการกันน้ำ Apple Watch ที่เป็นอุปกรณ์สวมใส่ลักษณะนาฬิกา จะสามารถกันน้ำได้มั้ย? คำตอบที่ได้คือเป็นแค่ water resistant ไม่ใช่ waterproof ครับ นั้นคือ Apple Watch จะสามารถกันฝน กันน้ำกระเซ็นใส่ หรือในกรณีล้างมือแบบไม่แช่ตัวนาฬิกาลงไป Apple Watch จะยังคงทำงานได้ตามปกติ แต่มันไม่สามารถนำลงไปว่ายน้ำด้วยได้ ไม่สามารถนำไปแช่น้ำเพื่อทำความสะอาดทั้งตัวเรือน หรือใส่ในขณะอาบน้ำ หรือแม้แต่ในสภาวะฝนตกหนักมากๆ ประมาณฟ้ารั่ว ก็ไม่ควรที่จะเสี่ยงเช่นกันครับ
ใช้กับข้อมือข้างไหนได้บ้าง
อีกทั้งการออกแบบที่ดูเหมือนว่าจะใส่ใช้งานเจ้า Apple Watch ได้เพียงมือซ้ายข้างเดียว เพราะด้วยเม็ด Digital crown หรือเม็ดมะยมดิจิตอล ^^ ที่ไปอยู่ด้านข้างๆ พร้อมปุ่มใช้งานหลักอีกหนึ่งปุ่มที่อยู่คู่กัน จนหลายๆ คนที่อาจจะถนัดซ้ายเกิดความเป็นห่วงว่า จะไม่สามารถใส่ใช้งาน Apple Watch บนข้อมือขวาได้
แต่! ไม่ต้องเป็นห่วงไปครับ เพราะในการใช้งาน Apple Watch ครั้งแรก มันจะถามในการตั้งค่าก่อนเลยว่าคุณต้องการใช้งานบนข้อมือข้างไหน ปุ่ม Digital crown ก็จะเพียงสลับตำแหน่งบนล่างกับปุ่มสั่งงานเท่านั้นเอง แต่สามารถใช้งานได้ทั้งสองมืออย่างแน่นอนครับ
ทำงานอย่างไรกับอุปกรณ์ iPhone
น่าเสียดายอยู่ไม่น้อยที่ Apple Watch ไม่ใช่อุปกรณ์ที่จะสามารถทำงานได้ด้วยตัวมันเองอย่างเต็มที่ ความสามารถหลายๆ อย่างยังคงต้องพึ่งพาการทำงานผ่าน iPhone ของเราที่ต้องอยู่ในบริเวณใกล้ๆ คุณสมบัติหลักๆ ที่เรารู้ๆ กันอยู่แล้วนั้นคือการเป็น Fitness Tagger ตัวตรวจจับความเคลื่อนไหวของร่างกายและสามารถวัดชีพจรและข้อมูลต่างๆ ของร่างกายเรา เพื่อนำไปใช้ในแอพพลิเคชั่นด้านสุขภาพ ที่เราสามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นลงบน Apple Watch ผ่านทางอุปกรณ์ iPhone ที่เชื่อมต่อกันอยู่นั้นเองครับ แถมเราสามารถลากไปคอนแอพบนหน้าปัดนาฬิกาให้ย้ายไปมายังตำแหน่งที่เราต้องการได้เหมือนกับบน iPhone ด้วยนะครับ
โดยความสามารถหลักๆ ของตัว Apple Watch ก็จะมีไปตามแอพพลิเคชั่นใช้งานที่มีอยู่ในเครื่อง เช่นการชำระเงินผ่านตัวนาฬิกา การเปิดประตูห้องพักด้วยแอพพลิเคชั่นจากโรงแรมที่เข้าร่วม การใช้งานเป็นรีโมทควบคุม Apple TV ตรวจสอบข้อความเข้า อีเมล หรือคุณสมบัติการนำทางด้วยการสั่นบอกทิศทาง ขึ้นลงซ้ายขวา รับรู้เอาจากทิศทางการสั่นของนาฬิกาบนข้อมือโดยไม่ต้องยกขึ้นมามอง รวมทั้งฟังชั่น “ฺBing iPhone” สำหรับใช้ตรวจหาโทรศัพท์ที่เชื่มอต่ออยู่ด้วยเสียง ซึ่งเราอาจจะลืมวางไว้ที่ไหนก็ได้ครับ
ตัวนาฬิกา Apple Watch รองรับการสนทนาด้วยลำโพงและไมโครโฟนที่ติดตั้งอยู่ภายในโดยไม่ต้องหยิบ iPhone ขึ้นมารับสาย และใช้ระบบการชาร์จแบบไร้สายด้วยกล่องสุดหรูของตัวนาฬิกาที่แถมมาให้คู่กันครับ โดยตัวกล่องจะรองรับการเชื่อมต่อกับสายชาร์จไฟ Lightning และมีแผ่นแม่เหล็กที่จะยึดติดเข้ากับด้านหลังตัวเรือน Apple Wacth เพื่อชาร์จพลังงาน เราสามารถวางตัวเรือนนาฬิกาบนกล่องเพือเป็นนาฒิกาตั้งโต๊ะบอกเวลาตัวเล็กๆ ได้ด้วยครับ
เพื่อนๆ สามารถเข้าไปดูหน้าตา Apple Watch ครบทั้ง 33 โมเดล ได้ที่ลิงก์นี่ครับ <<<
ก็เป็นรายละเอียดต่างๆ ของเจ้า Apple Watch สำหรับคนที่สนใจ ตอนนี้ก็รอกันไปก่อนนะครับ วางขายจริงปีหน้า ซึ่งยังไม่มีกำหนดแน่นอนว่าเดือนไหน อาจจะดูนานไปเหมือนกันนะครับสำหรับคนที่รอคอย ยังไงถ้าเป็นชาว Apple พันธุ์แท้ นานกว่านี้ก็รอได้อยู่แล้วครับ