ในแต่ละครั้งที่ Apple ทำการอัพเกรด iOS แต่ละเวอร์ชั่น ฟีเจอร์ใหม่ๆ ก็จะมีเพิ่มเข้ามาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของ iOS ตัวใหม่ๆ เหล่านั้น และใน iOS8 เองก็เช่นกัน Apple เลือกที่จะใช้รากฐาน iOS มาจาก iOS7 อีกทีหนึ่ง แต่มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามาเพื่อให้สามารถใช้งานควบคู่ไปกับ Mac ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มาถึงตอนนี้เพื่อนๆ อาจจะรู้จักฟีเจอร์อย่าง Continuity และ Handoff รวมไปจนถึง ฟังก์ชั่นการพูดแล้วพิมพ์ ที่ APPDISQUS เราเคยพูดถึงมาแล้ว แต่เชื่อหรือไม่ว่ายังมีฟังก์ชั่นอีกบางฟังก์ชั่นที่ Apple ไม่ได้มีการกล่าวถึงในวันเปิดตัว iOS8 แต่อย่างใด และทิ้งไว้ให้เป็นอีสเตอร์เอ็กสำหรับผู้ใช้งานได้ค้นหากันเพิ่มเติม และวันนี้เราจะพามาพบกับ 5 ฟีเจอร์ใหม่บน iOS8 ที่ไม่ได้มีการกล่าวถึงอย่างเป็นทางการจาก Apple และยังคงเป็น (กึ่ง) ความลับต่อไป และทั้ง 5 ฟีเจอร์นี้ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อการใช้งานจริงทั้งสิ้น
1. รายงานสถานที่สุดท้ายที่เครื่อง iDevices ของคุณอยู่ก่อนที่แบตเตอร์รี่จะหมดลง
Find my iPhone ถือเป็นฟีเจอร์ที่สำคัญมากจริงๆ สำหรับการใช้งาน iDevices ในยุคปัจจุบันนี้ครับ แต่หากเกิดเหตุการณ์แบตเตอร์รี่หมดขึ้น คุณก็จะไม่สามารถแทรกสถานที่ๆ iDevices ของคุณอยู่ได้อีกต่อไป และโอกาสที่คุณจะได้ลืมตาอ้าปากเห็น iDevices เครื่องนั้นของคุณอีกครั้งก็คงริบหรี่ลงเต็มที่ แต่โชคยังดีที่บน iOS8 นี้ โชคอาจจะเข้าข้างคุณได้บ้าง Find my iPhone สำหรับ iOS8 นั้นสามารถส่งตำแหน่งสุดท้ายที่เครื่อง iDevices ของคุณอยู่ผ่านมาทาง iCloud ของคุณก่อนที่แบตเตอร์รี่ของมันจะหมดลงได้ ซึ่งนี่ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเป็นเบาะแสสำหรับสืบสาวตามหา iDevices ตัวโปรดของคุณต่อไป วิธีการเปิดการใช้งานฟีเจอร์นี้นั้นก็ง่ายๆ เพียงทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้:
- เปิด Settings (การตั้งค่า) ขึ้นมา
- เลือกหัวข้อ iCloud > Find my [รุ่นอุปกรณ์ของคุณ]
- เลือกเปิดออฟชั่น Send Last Location ตามรูปที่แนบ
หลังจากที่คุณเปิดฟีเจอร์นี้แล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่แบตเตอร์รี่ของ iDevices คุณถึงจุดต่ำสุดจนเกือบจะหมดปุ๊ป ระบบก็จะทำการสั่งให้ iDevices ของคุณส่งตำแหน่งสุดท้ายของมันขึ้นไปบน iCloud อย่างไรก็ตามคงต้องขอโน๊ตไว้หน่อยหนึ่งว่าตำแหน่งที่ได้จะแม่นยำหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าอุปกรณ์ iDevices ของคุณตัวนั้นๆ สามารถรับสัญญาณโทรศัพท์หรืออินเตอร์เน็ต 3G/4G ได้ไหม เพราะหากได้ตำแหน่งที่แจ้งก็จะแม่นยำมากยิ่งขึ้น แต่หากเป็นอุปกรณ์ที่ต่อกับ Wi-Fi เท่านั้น โอกาสก็เป็นไปได้สูงว่ามันจะไม่สามารถหาจุดสุดท้ายที่มันอยู่ได้เนื่องจากไม่มี Wi-Fi ให้มันเชื่อมต่อได้ก่อนแบตเตอร์รี่จะหมดนั่นเอง
2. โหลดหน้าเว็บแบบเด็สท็อปเวอร์ชั่นแทนแบบโมบายเวอร์ชั่น
เว็บไซต์ปัจจุบันนี้หลายๆ เว็บไซต์มีการจัดทำหน้าเว็บแบบโมบายไซต์ขึ้นมาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ใช้งานผ่านอุปกรณ์มือถือสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็วและประหยัดดาต้า (APPDISQUS.COM เองก็เป็นหนึ่งในนั้น) แต่แน่นอนว่าการจะทำให้ประหยัดดาต้าได้นั้น ผู้พัฒนาเว็บไซต์มีความจำเป็นต้องตัดฟังก์ชั่นหลักของเว็บไซต์หลายๆ ส่วนออกไปเพื่อลดภาระในการโหลดจนเป็นผลให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าใช้เว็บไซต์ได้อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ และบางครั้งอาจถึงขั้นเจอหน้าเออร์เรอร์ไปเลยบ้างเป็นบางครั้ง โชคยังดีที่ใน iOS8 นี้ ผู้ใช้งานสามารถเลือกโหลดหน้าเว็บต่างๆ เป็นแบบเดสท็อปเวอร์ชั่นได้ด้วยขั้นตอนง่ายเพียงทำตามลำดับดังต่อไปนี้ครับ
- เปิด Safari ขึ้นมา
- เข้าเว็บไซต์ใดๆ ก็ได้ที่โหลดหน้าเป็นโมบายไซต์แทนเว็บเดสท็อป (http://www.appdisqus.com ของเราก็ได้นะครับ)
- จิ้มตรงแถบแอดเดรสบาร์ด้านบนจะเจอหน้าบุ๊คมาร์ก ให้ลากนิ้วลงมาด้านล่างจากหน้าจอบุ๊คมาร์กนั้น
- จากนั้นให้กดเลือก Request Desktop Site ที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ
ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เท่านี้ หน้าเว็บไซต์นั้นๆ ก็จะกลายเป็นเดสท็อปเวอร์ชั่นตลอดเซ็สชั่นการเข้าชมเว็บไซต์ของเราโดยอัตโนมัติ (ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้กับทุกหน้า) และหากต้องการที่จะคืนค่ากลับไปเป็นโมบายเวอร์ชั่นก็เพียงแค่ปิดและเปิดบราวเซอร์ Safari ใหม่อีกครั้งเท่านั้นครับ
3.สแกนบัตรเครดิตของคุณด้วย Safari เมื่อต้องทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต
การซื้อของออนไลน์ถือเป็นเรื่องยุ่งยากเสมอมา เพราะคุณต้องค่อยๆ ควานหาบัตรเครดิตในกระเป๋าออกมาแล้วกรอกข้อมูลบนบัตรลงไปด้วยตัวเองทีละตัวๆ จนกว่าข้อมูลที่จำเป็นต้องกรอกจะครบถ้วนสมบูรณ์ ยิ่งปัจจุบันที่การจับจ่ายซื้อของออนไลน์ผ่านทางโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์พกพาเป็นที่นิยมมากขึ้นเช่นนี้ บ่อยครั้งที่หลายๆ คนเผลอกรอกตัวเลขผิดไปเพราะขนาดของหน้าจอที่ไม่ได้ใหญ่โตและเอื้อให้กดพลาดเอาได้ง่ายๆ นั่นเอง
แน่นอนว่าจากงานคีย์โน็ตที่ผ่านมา Apple Play น่าจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงความยุ่งยากเหล่านั้นให้กลายเป็นเรื่องง่ายเมื่อมันพร้อมสำหรับการใช้งาน แต่กว่าจะถึงตอนนั้น iOS8 มีทีเด็ดเล็กๆ ที่ช่วยให้การจับจ่ายออนไลน์ผ่าน iPhone / iPad / iPod Touch เป็นเรื่องง่ายขึ้นมาอีกพอสมควร
โดยวิธีการสแกนบัตรเครดิตของคุณและนำข้อมูลมาใส่ในช่องกรอกข้อมูลโดยอัตโนมัตินั้นก็ง่ายๆ หากคุณใช้ Safari บน iOS8 เพียงแค่ลองทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ครับ
- เปิดเว็บไซต์ที่คุณต้องการจะซื้อของและทำรายการสั่งซื้อของซะ
- เมื่อทำรายการจนถึงหน้าเลือกวิธีการชำระเงิน ให้คุณจิ้มเคอร์เซอร์ลงไปในช่องตัวเลขบัตรเครดิต
- จากนั้นเลือก Scan Credit Card ที่ปรากฏขึ้นมาในแถบเมนูทูลบาร์ที่นิ้วมือเหนือคีย์บอร์ดของคุณ
4. จัดวางบัตรเครดิตเอาไว้ในกรอบสแกน
พอทำเสร็จปุ๊ป ข้อมูลเครดิตการ์ดของคุณก็จะถูกสแกน ประมวลผล และกรอกเข้าไปในช่องที่ถูกต้องบน Safari โดยอัตโนมัติโดยไม่จำเป็นต้องกดเปลี่ยนสลับคีย์บอร์ดไปมาเพื่อกรอกข้อมูลต่างๆ เองตามแบบที่เคยต้องทำอีกต่อไป
4. ตรวจสอบดูหน่อยว่าแอพพลิเคชั่นไหนกินแบตคุณที่สุด
อายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ของ iOS ในแต่ละรุ่นที่มีการอัพเดตกันออกมานั้นอาจเป็นที่พอใจของใครหลายๆ คนแต่ก็ขัดใจกับใครบางคนเช่นเดียวกัน โดยใน iOS8 นั้น Apple เลือกที่จะเปิดกว้างมากขึ้นให้ผู้ใช้งานได้ดูข้อมูลสถิติว่าแอพพลิเคชั่นใดที่ใช้งานแบตเตอร์รี่ของ iDevices ไปมากที่สุดไล่เรียงตามลำดับกันมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการกับการใช้งานแบตเตอร์บน iDevices ได้อย่างมีประสิทธิภาพมายิ่งขึ้น
สำหรับคนที่ต้องการดูว่าแอพพลิเคชั่นใดสูบแบตเตอร์รี่ไปมากที่สุดนั้นก็สามารถเข้าไปดูได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
- Open Settings เปิด Settings (การตั้งค่า) ขึ้นมา
- เลือกไปที่เมนู General > Usage > Battery Usage
รอแป๊ป เปอร์เซนต์การใช้งานของแบตเตอร์รี่จากแอพพลิเคชั่นต่างๆ ก็จะมีการอัพเดตหรือรีเฟรชขึ้นมา โดยจะแสดงแอพพลิเคชั่นที่ใช้พลังงานแบตเตอร์รี่สูงสุด (อยู่บนสุด) และไล่เรียงตามลำดับกันมาเรื่อยๆ โดยสามารถดูได้จากรูปแคปเจอร์บน iPhone 5S ของผมนี้ได้เลยครับ
5. ซ่อนรูปที่ไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นไปซะแทนการลบมันออกโดยถาวร
ในบางครั้งคุณอาจไม่ต้องการโชว์รูปที่คุณเคยถ่ายเล่นไว้หรือเคยเซฟมาจากที่ไหนก็ตามในอัลบัมรูปบน iDevices ของคุณ ใน iOS8 นี้คุณสามารถซ่อนรูปเหล่านั้นจากการมองเห็นไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องลบมันออกจากอุปกรณ์ iOS ของคุณแต่อย่างใด
โดยหากคุณต้องการซ่อนรูปภาพของคุณจากการมองเห็นนั้นก็เพียงแค่เลือกรูปภาพที่คุณต้องการซ่อนจากนั้นก็กดค้างไว้ที่รูปภาพนั้นจนกว่าจะมีเมนูปรากฏขึ้นมา เมื่อเห็นเมนูปรากฏขึ้นมาก็ให้เลือกเมนู Hide (ซ่อน) เพื่อทำการซ่อนรูปนั้นซะก็เป็นอันจบพิธี
เมื่อคุณตัดสินใจเลือกที่จะซ่อนรูปของคุณไป รูปนั้นๆ จะถูกซ่อนไว้ไม่ให้แสดงเมื่อเข้าชมรูปแบบ Moments, Collections หรือ Years แต่จะยังคงเข้าถึงได้จากแท็ป Albums โดยวิธีการเลิกซ่อนรูปภาพและให้รูปภาพกลับมาแสดงอีกครั้งนั้นก็เพียงแค่เข้าไปที่ Album เลือกกลุ่มรูปภาพที่รวมกันเป็นโฟลเดอร์ว่า Hidden แล้วเลือกรูปที่คุณซ่อนเอาไว้ด้วยการจิ้มนิ้วค้างและเลือกคำสั่ง Unhide เพียงเท่านี้รูปภาพของคุณก็จะกลับมาในส่วนของ Photos (Moments, Collections และ Years) อีกครั้งหนึ่ง
เพียงเท่านี้คุณก็สามารถซ่อนและนำรูปที่ซ่อนนั้นกลับมาเก็บไว้ใน Photos ได้ใหม่โดยไม่ต้องลบมันออกอย่างถาวรอีกต่อไป แต่หากดันมีรูปไหนที่คุณเกิดเผลอลบไปโดยไม่ได้ตั้งใจก็ไม่ต้องตกใจครับ คุณสามารถกู้รูปเหล่านั้นกลับมาได้ใหม่อีกครั้งในเมนู Albums และเลือกโฟลเดอร์ Recently Deleted แล้วกู้ออกมาเลยครับ รูปที่เผลอลบไปจะยังคงอยู่ในโฟลเดอร์นี้ต่อไปอีก 30 วันเน้อครับ
จบลงไปแล้วกับ 5 ฟีเจอร์ที่เพียบพร้อมไปด้วยประโยชน์แต่ Apple กลับไม่ได้เผยมันออกมาในงานคีย์โน็ต iOS8 ที่ผ่านมา และอย่าลืมติดตาม APPDISQUS ต่อไปเรื่อยๆ สำหรับทริคและทิปดีๆ ของ iOS8 เพื่อให้เพื่อนๆ สามารถเริ่มต้นการใช้งาน iOS8 ได้อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถนะครับ
ดัดแปลงเนื้อหาและรูปภาพบางส่วนจาก – TechRepublic