Samsung Galaxy S6 edge+ เป็นสมาร์ทโฟนที่เรียกได้ว่ามันคือขีดสุดของสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนจริงๆครับ เพราะเป็นรุ่นอัพเดตของหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ได้ชื่อว่าหรูหราที่สุดอย่าง Samsung Galaxy S6 edge โดยมาพร้อมการอัพเดตหลายอย่างได้แก่
หน้าจอ Super AMOLED ความละเอียด QHD 1440 x 2560 pixels Curved edge screen ที่เพิ่มขนาดหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นจาก 5.1 นิ้วมาเป็นขนาด 5.7 นิ้วเลยทีเดียว และ RAM จาก RAM 3GB มาเป็น RAM 4GB และแบตเตอรี่ความจุเพิ่มขึ้นมาเป็น 3000 mAh จะเห็นว่า Samsung เอาใจผู้ใช้ที่ชื่นชอบสมาร์ทโฟนหน้าจอขนาดใหญ่น่าดูนะครับ
Samsung Galaxy S6 edge+ เปิดราคามาถูกกว่าที่คาดใว้เยอะทีเดียวครับ 26900 บาทเท่านั้น ราคาสูงกว่า Samsung Galaxy S6 edge เพียงแค่ 3000 บาทเท่านั้นและราคาถูกกว่า Samsung Galaxy S6 edge ความจุ 64GB อยู่ 1000 บาทครับผมว่าตัดสินใจไม่ยากเลยนะครับที่จะซื้อหา Samsung Galaxy S6 edge+ มาครอบครอง
สเปคของ Samsung Galaxy S6 edge+
3G HSDPA 850 / 1700(AWS) / 1900 / 2100 MHz
4G LTE band 1(2100), 2(1900), 3(1800), 4(1700/2100), 5(850), 7(2600), 8(900), 12(700), 20(800) MHz
HSPA 42.2/5.76 Mbps, LTE Cat6 300/50 Mbps/ LTE Cat9 450/50 Mbps
ขนาดตัวเครื่อง 154.4 x 75.8 x 6.9 มม. น้ำหนัก 153 กรัม
หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 5.7 นิ้วความละเอียด 1440 x 2560 pixels (518 ppi) Curved edge screen
กระจกป้องกันรอยขีดข่วน Gorilla Glass 4 ด้านหลัง
Heart Rate
Fingerprint sensor (PayPal certified)
Samsung Pay (Visa, MasterCard certified)
Wireless charging (Qi/PMA)
Android 5.1.1 Lollipop ครอบทับด้วย TouchWiz UI
CPU Exynos 7420 Quad-core 1.5 GHz Cortex-A53 & Quad-core 2.1 GHz Cortex-A57
GPU Mali-T760MP8
RAM 4GB
หน่วยความจำภายใน 32GB (ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอได้)
Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot
Bluetooth 4.2, A2DP, LE, apt-X
NFC
Micro USB 2.0, MHL 3 TV-out, USB Host
GPS, GLONASS, Beidou
เซนเซอร์ Accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, heart rate, SpO2
กล้องความละเอียด 16MP, 2988 x 5312 pixels, optical image stabilization, autofocus, LED flash, Geo-tagging, touch focus, face detection, Auto HDR, panorama
บันทึกวีดีโอความละเอียด 2160p@30fps, 1080p@60fps, 720p@120fps, HDR, dual-video rec.
กล้องหน้าความละเอียด 5MP, 1440p@30fps, dual video call, Auto HDR
แบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh
มีให้เลือกสี่สีได้แก่ Black Sapphire, Gold Platinum, Silver Titan, White Pearl
ราคาเปิดตัว 26900 บาท
กล่องของ Samsung Galaxy S6 edge+ มาแนวคลาสสิคครับ ในกล่องจะมีตัวเครื่อง Samsung Galaxy S6 edge+, หัวปลั๊กรองรับมาตราฐาน Fast Charging, สาย Micro USB, หูฟัง, เข็มจิ้มซิม, คู่มือ
Samsung Galaxy S6 edge+ ที่ได้รับมารีวิวเป็นสี Gold Platinum ครับสียอดนิยมสวยสุดๆเลย วัสดุพรีเมี่ยมมากครับเป็นกระจกและโลหะ Design จะเหมือน Samsung Galaxy S6 edge ทุกอย่างครับ ที่แตกต่างคือหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นชัดเจนเป็น 5.7 นิ้วหน้าจอ Super AMOLED ความละเอียด 1440 x 2560 pixels (518 ppi) Curved edge screen ต้องบอกว่าสวยงามมากๆ สีสันสด และคมกริบเลยครับ และด้วยหน้าจอโค้งทำให้เวลาชมภาพถ่าย หรือรับชมคลิปวีดีโอ ดูมีมิติชวนให้ตื่นตาตื่นใจทีเดียว รวมทั้งเวลาใช้งานต่างๆด้วยหน้าจอที่โค้งก็ทำให้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดูแตกต่างจากเดิมครับ ซึ่งหลายๆคนก็คงจะประทับใจกันมาแล้วกับ Samsung Galaxy S6 edge แต่หน้าจอโค้งแบบนี้ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีนะครับ เพราะมันทำให้ขอบเครื่องเหลือพื้นที่น้อย จึงจับถือได้ไม่ถนัดมือนักครับ
และเนื่องด้วยวัสดุเป็นกระจก ก็เลยเป็นรอยนิ้วมือและคราบมันได้ง่าย ด้านหน้าตรงปุ่ม Home ยังคงมาพร้อม Fingerprint sensor แต่พัฒนาให้ใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้นโดยใช้วิธีแตะ ซึ่งมีความแม่นยำสูงมาก ด้านบนมีกล้องหน้าความละเอียด 5MP, F 1.9 และลำโพงสนทนาดังและชัดเจนดีมาก
ด้านหลังกล้องจะนูนขึ้นมาซึ่งผมว่าต้องระวังกันซักหน่อยนะครับ แต่ก็นูนน้อยลงกว่าเดิมแล้วนะครับ มาพร้อมกล้องความละเอียด 16MP, F 1.9 และกล้องหน้าความละเอียด 5MP, F 1.9 เช่นเดียวกับรุ่นก่อนเลยนะครับ ทดสอบถ่ายภาพดูผมว่ามันน่าประทับใจจริงๆ ยอดเยี่ยมทั้งภาพกลางวันและกลางคืนเหมือนเคยครับ
และมาพร้อม Heart Rate พื้นผิวเสมอกับฝาหลังช่วยให้แตะได้ถนัดขึ้นและสามารถแตะเป็น Shutter เวลาถ่าย Selfie ได้อีกด้วย และมาพร้อม Wireless charging (Qi/PMA) ในตัวไม่ต้องเปลี่ยนฝาหลัง และรองรับ Fast Charging และบริการ Samsung Pay ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีบริการในประเทศไทย
น่าเสียดายนะครับที่ Samsung ตัด Infrared Port ออกไปแล้วทำให้ไม่สามารถใช้งานสมาร์ทโฟนเป็นรีโมทได้แล้ว ช่องใส่ซิมจะอยู่ข้างบน และมีช่องไมค์ตัดเสียงรบกวน ด้านล่างมีลำโพงซึ่งคุณภาพเสียงดีมาก คมชัด และดังมากด้วยนะครับ มีพอร์ท Micro USB และไมโครโฟน กับช่องหูฟังขนาด 3.5 มม.
Samsung Galaxy S6 edge+ มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh สูงกว่ารุ่นเดิมมาก แต่ก็ซดแบตใช้ได้เลยครับ ไม่ค่อยอึดนักครับสำหรับการใช้งาน ถ้าใช้งานเยอะๆอยู่ไม่ถึงวันแน่นอนครับ ควรพกพา Power Bank ติดตัวไปด้วย
ทดสอบด้วย Quadrant Standard ได้คะแนน 30799 คะแนน
ทดสอบด้วย AnTuTu Benchmark ได้คะแนน 65905 คะแนน
ทดสอบด้วย NenaMark2 ทำไปได้ 60.3fps
รองรับ Multi Touch 10 จุดสมบูรณ์
ทดสอบ GPS จับสัญญาณดาวเทียมได้รดเร็วดี
Samsung Galaxy S6 edge+ มาพร้อม Android 5.1.1 Lollipop ครอบทับด้วย TouchWiz UI ดูสวยงามและน่าใช้มากเช่นเคย ความลื่นไหลทำได้ดีมาก สามารถปรับขนาดไอค่อนของแอพพลิเคชั่นได้ถึง 3 รูปแบบและแน่นอนครับ และ TouchWiz UI รูปแบบใหม่สามารถเปลี่ยนธีมได้แล้ว แถมยังดาวน์โหลดมาเพิ่มได้อีกด้วย มีธีมจาก Samsung จาก Samsung ที่รองรับความละเอียดหน้าจอ QHD ให้เลือกมากมาย และเรียบง่ายมากขึ้นแอพพลิเคชั่นติดเครื่องมีน้อยลง ถ้าต้องการแอพพลิเคชั่นดีๆของ Samsung สามารถเข้าไปดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้จากใน Galaxy Apps
ในส่วนของธีมจาก Samsung ต้องบอกว่าจัดเต็มมากครับ มีธีมสวยๆที่ Samsung จับมือกับแบรนด์ หรือศิลปินชื่อดังออกแบบให้โดยเฉพาะ และเปิดให้ผู้ใช้ดสวน์โหลดได้แบบจำกัดเวลาด้วยนะ แนะนำให้เข้าไปดูบ่อยๆนะครับ
หน้า Briefing บน Samsung Galaxy S6 edge+ จะอยู่ด้านซ้ายสุด เราสามารถเปิด-ปิดได้ ส่วนตัวแนะนำว่าปิดจะดีกว่าครับเพราะมันจะช่วยให้ใช้งานได้ลื่นกว่าเดิม จริงๆมันแจ๋วมากนะครับมันก็คือ Flipboard นั่นเองเสียดายไม่รองรับการเลือกสื่อจากบ้านเรา ใครที่นิยมอ่านบทความต่างประเทศจะได้ประโยชน์จากฟังก์ชั่นนี้มากครับ ส่วนใครไม่ถนัดก็ปิดซะดีกว่า หรือไปเลือกดาวน์โหลด Flipboard จริงๆมาใช้งานแทน
การปรับแต่งอย่างที่เห็นว่าจะมีน้อยลงนะครับ แต่มันก็ทำให้ดูเรียบง่ายขึ้นมีโหมดใช้งานมือเดียวมาให้ และจุดเด่นของรุ่นนี้โหมดการใช้งานในส่วนของหน้าจอโค้ง Edge screen เราสามารถตั้งค่าการใช้งานต่างๆในส่วนโค้งตรงนี้ได้ด้วยนะครับ
People Edge เป็นฟังก์ชั่นเรียกใช้งานรายชื่อด่วน ซึ่งเราสามารถปัดจากขอบหน้าจอเพื่อเปิดดูรายชื่อที่เราตั้งใว้ได้ (ในส่วนที่เราปัดหน้าจอสามารถเปลี่ยนตำแหน่งเลื่อขึ้นบนลงล่าง หรือเปลี่ยนด้านจากขวาไปซ้ายก็ได้ (ต้องตั้งค่าก่อนนะครับ ไม่สามารถย้ายในหน้าใช้งานปกติได้) โดยเราสามารถตั้งค่ารายชื่อได้ 5 รายชื่อครับซึ่งแต่ละรายชื่อจะมีสีสันแสดงแตกต่างกัน เพื่อใช้งานร่วมกับ Edge Lighting
Edge Lighting เป็นจุดเด่นที่ Samsung นำมาโฆษณาตั้งแต่ตอน Samsung Galaxy S6 edge เลยครับนั่นคือ Edge Lighting จะเป็นการเล่นแสงไฟแจ้งเตือน ยิ่งเวลาเราคว่ำเครื่องลงบนโต๊ะ ยิ่งสวยอย่างน่าตื่นเต้นเลยครับ วิเศษมากๆ
นอกจากนี้ยังมี App Edge ซึ่งเราสามารถตั้งแอพพลิเคชั่นด่วนได้ 5 แอพด้วยกันเพื่อเปิดใช้งานได้อย่างฉับใว และ Night Clock จะแสดงผลขึ้นมาโดยเราเอานิ้วปัดด้านดค้งของหน้าจอขณะที่ปิดหน้าจออยู่ เท่านี้ก็จะมีวันเวลา และสภาพอากาศ รวมทั้งแบตเตอรี่โผล่ขึ้นมาให้เราทราบ โดยไม่ต้องเปิดหน้าจอสมาร์ทโฟนบ่อยๆ เท่ไหมละ อิอิ ซึ่งเราสามารถตั้งเวลาให้มันแสดงผลค้างใว้ตามช่วงเวลาที่กำหนดได้ด้วยนะครับ
นอกจากนี้เรายังสามารถให้ Samsung Galaxy S6 edge+ ของเราแจ้งเตือนขึ้นมาที่ขอบหน้าจอโค้งได้โดยจะเรียกว่า Edge Feed สามารถเข้าไปดาวน์โหลดเพิ่มได้ใน Galaxy Apps ซึ่งจะมีทั้งเสียเงินและฟรีครับ ดูดีๆนะครับมันจะมีระบุใว้ด้วยครับ ว่าใช้กับรุ่นไหนบ้างจะมีทั้งของ Note Edge และ S6 edge (S6 edge+ ก็น่าจะใช้ร่วมกันได้)
Fingerprint sensor ปรับปรุงใหม่เปลี่ยนจากลากนิ้วผ่าน มาเป็นการแตะแล้วความแม่นยำทำได้ดีมาก และรองรับได้ 4 ลายนิ้วมือ สามารถใช้งานร่วมกับ Web Sign-in และปลดล็อค Samsung Account ได้ด้วยนอกจากการปลดล็อคหน้าจอ
และในเครื่องยังคงมาพร้อม Motion Command ต่างๆยกตัวเครื่องโทรศัพท์มาแนบหูเพื่อโทรออก เวลาดูสายที่ไม่ได้รับ หรือข้อความ และเมื่อเราไม่อยู่ที่เครื่องเวลามีสายเข้าหรือข้อความ เวลาหยิบเครื่องขึ้นมามันจะสั่นเตือน หรือเวลาเราคว่ำหน้าจอลงจะเป็นการปิดเสียงเรียกเข้า และเราสามารถใช้ฝ่ามือพาดผ่านบนหน้าจอจะเป็นการจับภาพหน้าจออย่างง่ายๆ
Easy Mode ปรับปรุงมาได้น่าใช้ดีครับ จะช่วยให้หน้าตา Android ปกติกลายเป็นหน้าตาแบบ Feature Phone แต่ก็ยังสามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆได้อย่างสะดวก
และ Multi Window ยังคงมีให้ใช้งานเป็นการใช้งาน 2 หน้าจอพร้อมๆกัน สามารถสลับตำแหน่ง และย่อขยายหน้าต่างได้ตามใจชอบ รองรับแอพพลิเคชั่นและคำสั่งต่างๆได้อย่างหลากหลาย และสามารถย่อหน้าจอที่เราใช้อยู่ให้กลายมาเป็นคำสั่ง Multi Window ได้โดยการลากนิ้วจากมุมหน้าจอลงมาเท่านั้นเอง ช่วยให้การใช้งานบน Smartphone ของ Samsung สะดวกขึ้นมาก แต่จะแตกต่างจากเดิมเพราะไม่มีคำสั่งแตะปุ่ม Back ค้างเพื่อเปิดแถบตัวเลือกแอพพลิเคชั่นแล้ว
Smart Manager จะรวมการตั้งค่าจัดการสำคัญๆในเครื่องเราเอาใว้ด้วยกัน หน้าตาเรียบง่ายน่าใช้ จะมีจัดการแบตเตอรี่, หน่วยความจำภายใน, RAM และฟังก์ชั่นที่ทาง Samsung เคยชูเป็นจุดข่ายอย่าง KNOX สำหรับระดับองค์กรผมว่า Samsung KNOX ออกแบบมาดีครับ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวเป็นสำคัญจริงๆตัว UI ในโหมด Samsung KNOX ผมว่าก็สวยงามและดูดีมากๆน่าใช้ ส่วนถ้ามองความจำเป็นสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ผมว่าบางคนน่าจะชอบครับโดยเฉพาะพวกความลับเยอะเพราะถ้าไม่รู้รหัสผ่านข้อมูลสำคัญๆของเราจะไม่มีทางหลุดออกมาเลย เพราะโหมด Samsung KNOX และโหมดปกตินั้นแยกออกจากกันโดยสมบูรณ์
S Health มีการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นเพิ่มรายละเอียดในชีวิตประจำวันและกิจกรรมการออกกำลังที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ควบคุมน้ำหนักและอัตราการเต้นของหัวใจ วัดความอิ่มตัวออกซิเจน และวัดความตรึงเครียด คำนวนการดื่มน้ำในชีวิตประจำวัน และรองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม (ทั้งของ Samsung เองและต่างแบรนด์)
เครื่องเล่นเพลของ Samsung ยังคงน่าประทับใจเสมอครับมาพร้อมฟังก์ชั่น UHQ Upscaler, SoundAlive+ และ Tube Amp สามารถปรับแต่ง Equaliser ได้ด้วยตัวเอง และที่ผมชอบมากคือ Adapt Sound สามารถปรับแต่งเสียงด้วยหูของเราเอง ซึ่งทาง Samsung ใส่มาให้นานแล้วลองเล่นกันดูนะครับ ต้องบอกว่า Samsung Galaxy S6 edge+ เสียงดีมากครับทั้งผ่านทางหูฟังและลำโพงตัวเครื่อง
ระดับนี้แน่นอนครับเล่นหนังหรือ MV ลื่นสุดๆแน่นอน ทีเด็ดคือจอโค้งครับมันช่วยให้ภาพดูมีมิติมากขึ้น เวลารับชมผ่าน Samsung Galaxy S6 edge+ มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากเดิมจริงๆ และมีลูกเล่น Popup Play มาให้ใช้งานกันเช่นเคย
ทดสอบเล่นเกมอย่าง Modern Combat 5 ผลออกมาลื่นไหลดีมากครับ สเปคระดับนี้ไม่ต้องกังวลเลยครับว่าจะเล่นไหนไม่ได้ มันเล่นได้ลื่นทุกเกมแน่นอนครับ
Samsung Galaxy S6 edge+ มาพร้อมกล้องความละเอียด 16 MP, F 1.9 และกล้องหน้าความละเอียด 5 MP คุณภาพดีมากทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า มีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้มากมายและสามารถดาวน์โหลดเพิ่มได้อีกด้วย ทีเด็ดสำหรับรุ่นนี้เลยก็คือมีโหมด HDR Auto ที่ฉลาดมากๆครับ ช่วยให้ทั้งภาพถ่ายกลางวันและกลางคืนได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมมากๆ และโหมด Pro สามารถปรับค่า EV (+2 และ -2), ISO (100-800), WB, ระยะ และโทนสีของภาพ สามารถตั้งค่าสำเร็จเอาใว้ใช้ได้ถึง 3 ชุดคุณภาพต้องบอกว่ายอดเยี่ยมเหมือนเคยครับ ทำได้ดีมากทั้งกล้องหน้าและหลัง โดยเฉพาะภาพแสงน้อยต้องเรียกได้ว่าทำได้ดีเป็นพิเศษจริงๆครับ
สำหรับฟังก์ชั่นกล้องของ Samsung ต้องบอกว่าจัดเต็มมากครับ เดี๋ยวผมจะยกไปเขียนเป็นอีกหนึ่งบทความเต็มๆสำหรับการแนะนำฟังก์ชั่นกล้องของ Samsung Galaxy S6 edge+ นะครับน่าจะมีประโยชน์แน่นอนรอชมกันนะครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S6 edge+
ข้อดีของ Samsung Galaxy S6 edge+
1. ตัวเครื่องออกแบบสวยมาก หรูหราที่สุดเท่าที่ Samsung เคยออกแบบมา
2. หน้าจอขนาดใหญ่ เพื่อผู้ใช้ที่ชื่นชอบรูปแบบการใช้งาน Phablet
3. วัสดุตัวเครื่องพรีเมี่ยมทั้งโลหะและกระจก รวมทั้งหน้าจอโค้งที่ทั้งสวยงาม และให้ประสบการณ์การใช้งานที่แปลกใหม่
4. สเปคแรงมากและยิ่งกว่าเดิมด้วย RAM 4GB
5. เต็มไปด้วยฟังก์ชั่นน่าสนใจ Heart Rate, Fingerprint sensor, Samsung Pay, Wireless charging, Fast Charging
6. กล้องคุณภาพดีมากทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า ถ่ายภาพได้ยอดเยี่ยมทั้งกลางวันและกลางคืน
ข้อด้อยของ Samsung Galaxy S6 edge+
1. ตัวเครื่องเป็นกระจกเลยเป็นคราบนิ้วมือได้ง่าย (เหมือนเดิม)
2. แกะฝาหลังและเปลี่ยนแบตเตอรี่เองไม่ได้ และเพิ่มหน่วยความจำภายนอกไม่ได้
3. แบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh เพิ่มขึ้นกว่าเดิมแต่แบตเตอรี่ไม่ค่อยอึดนัก
Samsung Galaxy S6 edge+ เป็นสมาร์ทโฟนที่ยอดเยี่ยมครับ ไม่มีจุดด้อยที่หนักหนาอะไรเลย เป็นสมาร์ทโฟนพรีเมี่ยมที่คุ้มค่ากับการเลือกมาเป็นเจ้าของ ด้วยราคาเปิดตัวมา 26900 บาทก็ถือว่าสูงนะครับ แต่คุ้มค่าตัวและสำหรับคนที่มองหามือถือพรีเมี่ยมๆ ที่มีจุดเด่น ผมว่ารุ่นนี้เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจมากจริงๆ จัดเต็มทั้ง Design วัสดุ และสเปค รวมทั้งเรื่องกล้องที่ยอดเยี่ยมมากๆ เรียกได้ว่างานนี้สวยเหมือนเดิมครับ กลับมาในหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น แต่ก็คงเป็นที่หนักใจของแฟนๆ Samsung เหมือนกันนะเนี่ย คงตัดสินใจกันหนักเลยครับว่าจะเลือก Samsung Galaxy Note 5 ดีหรือ Samsung Galaxy S6 edge+ ดีหว่า อิอิ
[gradeS]