รีวิว Asus Zenfone 2 Deluxe Special Edition หรูและแรงขึ้นอีกระดับ พร้อมหน่วยความจำระดับ 128GB + 128GB
เปิดตัวมาอีกหนึ่งรุ่นครับ Asus Zenfone 2 Deluxe Special Edition จะว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นเลยก็คงจะไม่ถูกนัก เพราะเป็นตัวที่อัพเกรดเพิ่มเติมมาจากรุ่นเดิมอีกนิดหน่อย โดยการเพิ่มความเร็วของหน่วยประมวลผลเข้าไปอีกหน่อยจากตัว Asus Zenfone 2 Deluxe เดิม เปลี่ยนลายฝาหลังและตัวเครื่องใช้วัสดุแบบใหม่ รวมทั้งเพิ่มหน่วยความจำภายนอกมาให้อีก 128GB ภายในกล่องครับ
ปกติแล้วสำหรับรุ่น Asus Zenfone 2 Deluxe ก็มีความโดดเด่นมากอยู่แล้วครับ ในเรื่องของหน่วยความจำภายในที่มีมาให้มากถึง 128GB พร้อมกับแรม 4GB สเปคระดับนี้ในราคาหมื่นต้นๆ มันถูกมากครับ แต่สำหรับตัว Asus Zenfone 2 Deluxe Special Edition ตัวใหม่นี่ น่าจะเป็นเรื่องของทางเลือกมากกว่าที่จะบอกว่าตัวไหนดีกว่ากัน เพราะจริงๆ แล้ว ความต่างกันมันเพียงน้อยนิดมากจริงๆ
[section label=”ตัวเครื่องภายนอก” anchor=”Body”] ตัวเครื่องภายนอก
ตัวนี้สร้างความแตกต่างกับ Asus Zenfone 2 ในตัวอื่นๆ ด้วยฝาหลังสีใหม่ วัสดุผิวสัมผัสใหม่ ทำขอบตัวครื่องสีใหม่เช่นกันเป็นขอบแดง ฝาหลังทำลายเหมือนเหลี่ยมอัญมณีแต่เป็นสีเงินเมื่อตัดกับขอบตัวเครื่องสีแดง ได้อารมณ์ของ Iron man เลย
อุปกรณ์ภายในกล้องให้มาครบครับ ทั้งหูฟังแบบ In-ear ตัว Adaptor ชาร์จไฟและสายดาต้า พร้อมกับฝาหลังลายเคฟล่าแแถมมาให้อีกหนึ่งชิ้น ซึ่งผมว่าฝาหลังสีเงินสวยกว่าครับ
ตัวเครื่องรองรับสองซิมการ์ด ซิมการ์ดแรกรองรับ 3G และ 4G ส่วนช่องใส่ซิมการ์ดที่สองรองรับแต่ 2G เท่านั้นสำหรับใส่หมายเลขที่ใช้ในการสนทนาเพียงอย่างเดียว
เมมโมรี่ 128GB ที่แถมมาให้ อยู่ภายในเครื่องตรงนี้แล้วครับ เป็น Micro SD card คราส 10 แต่ยี่ห้อไม่ได้ระบุ ลองเทสสปีดและตรวจสอบแบรนด์ดูจากแอพได้ผลตามภาพด้านล่างครับ
ตัวเครื่องโดยรวมก็ยังคงสวยงามอยู่ครับ ฝาหลังลายใหม่กับเนื่้อวัสดุที่เลือกนำมาใช้ให้ความรู้สึกที่ผมชอบกว่าเดิมครับ ไม่มีเหลี่ยมคม เข้ามือ ลองไปสัมผัสเครื่องจริงกันดูละกัน การออกแบบสีสันเข้ากันดีออกแนวเอาใจวัยรุ่นเลยละ แต่จุดเสียก็ยังคงเดิมคือใช้บอดี้ตัวเครื่องที่ทรงคล้ายกันไปหมดทุกรุ่น ตัวเครื่องใหญ่และหนา ปุ่มสามปุ่มสำหรับการควบคุมด้านล่างก็ยังไม่คงไม่มีแสงไฟอยู่เช่นเดิม และจากการทดสอบตัว Micro USB ด้านล่างก็ไม่รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ OTG แม้จะเป็นเครื่องราคา 14,900 บาทก็ตาม
[section label=”ทดสอบการใช้งาน” anchor=”performance”] การใช้งานภายใน
การทำงานอยู่ในระดับสูงครับ ประสิทธิภาพเวลาทำงานแน่นดี เวลาที่ทดสอบใช้งานการเข้าออกแอพพลิเคชั่นทำได้ไวด้วยแรมที่มีมาให้ในเครื่อง 4GB มันมากพอจะทำให้สามารถสลับการทำงานได้อย่างเต็มที่ไม่ต้องห่วงในส่วนนี้แล้วละครับ
ในเรื่องของปัญหาสมัยก่อน ที่ CPU ตระกูล Intel เคยเจอปัญหาความไม่เข้ากันกับแอพพลิเคชั่น เดี๋ยวนี้แทบไม่พบแล้วนะ (ใครเจอแอพไหนยังมีบัคอยู่ก็ช่วยแจ้งกลับมาด้วยในคอมเมนต์ด้านล่าง น่าจะมีประโยชน์กับผู้อื่น) สำหรับหน้าโฮม ที่ใช้เป็น ZenUI มีลูกเล่นเยอะมากตามสไตล์ของเครื่องจาก Asus โดยรวมการใช้งานภายในดีมากครับ สมราคา
การทำงานบน ZenUI นั้นค่อนข้างจะหลากหลายและสนุกครับ เพราะสามารถปรับเปลี่ยนได้หมดทั้งหน้าตาไอคอน ธีม รวมถึงอนิเมชั่นต่างๆ โดยในส่วนของธีมนั้น ทาง Asus ได้เปิดสโตร์ออกมาแล้วครับ เปิดออกมาเพื่อจำหน่ายธีมนั้นเอง (ราคามีตั้งแต่ถูกยันแพงเลยครับเป็นร้อยบาท) แต่ธีมฟรีก็ยังมีดีๆ ให้ใช้งานกันเยอะอยู่เช่นกันครับ
มีฟังชั่นการทำงานมากมาย (ตัวเครื่องรุ่นนี้รองรับ NFC) มีเจสเจอร์สำหรับการเรียกใช้งานฟังชั่นด้วยการวาดตัวอักษรในหน้าจอล็อก การเคาะหน้าจอสองครั้งเพื่อล็อกเครื่องและปลุกเครื่อง รวมถึงฟังชั่นที่ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว เช่นการหยับเครื่องขึ้นมาแนบหุเพื่อรับสายโดยอัตโนมัติไม่ต้องกดปุ่มใดๆ
หน่วยความจำภายใน นี่คือจุดเด่นของรุ่นเลยครับ ให้มาแบบอลังการบันเทิงเริงใจ 128 GB มากพอๆ กับฮาร์ดดิสที่ใช้กันในโน๊ตบุ๊คบางรุ่นเลย เพราะฉะนั้นเรื่องหน่วยความจำเรื่องนี้หายห่วง และเหมือน Asus จะยังไม่สะใจในจุดขาย เลยทำรุ่นพิเศษ Special Edition ตัวนี้ออกมาอีก จัดชุดแถม Micro SD card 128GB ก็ทำให้สเปคโดยรวมค่อนข้างครบเครื่องเลยครับ หน่วยประมวลผลแรงใช้ได้ แรมมีขนาดมาให้ 4GB และหน่วยความจำ 128GB ยังไงก็เรียกว่าคุ้มในเรื่องตัวเลขแน่นอน
มีฟังชั่นการปรับแต่งประสิทธิภาพ สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ในลิงก์นี่ >>> Tip: วิธีเปิดประสิทธิภาพสูงสุด ของเครื่อง Asus Zenfone
เรื่องของแบตเตอรี่ ตัว Asus Zenfone 2 Deluxe สามารถใช้งานได้เต็มที่แบบวันต่อวันครับ แต่ตัวชาร์จที่ให้มาภายในกล่อง จะรองรับการชาร์จพลังงานแบบไวด้วย ทดสอบลองชาร์จดู 30 นาที จะได้แบตเตอร์กลับมาประมาณเกือบ 60% ครับ โดยจะมีการแจ้งเตือนว่า ในขณะใช้การชาร์จพลังงานแบบเร็ว ตัวเครื่องอาจจะมีความร้อนมากกว่าการชาร์จแบบปกติอยู่เล็กน้อย ในขณะที่ผมทดสอบชาร์จอยู่ ตัวเครื่องก็แค่อุ่นๆ ครับ ไม่มีอาการร้อนผิดไปจากปกติเท่าไหร่
ทดสอบเล่นเกม HD กับชมภาพยนต์ Full HD เล่นได้สบายอยู่แล้วครับ หน้าจอสวยสีสันดี (ปรับแต่งสีหน้าจอได้ด้วยนะครับ) มุมมองหน้าจอกว้าง ขนาด 5,5 นิ้วเต็มตาดี เป็นขนาดหน้าจอที่ผมชอบมากที่สุดในช่วงนี้พวกจอประมาณ 5 นิ้วกว่าๆ
การตรวจจับสัญญาณ GPS ว่องไวครับ จับได้แม่นสามารถใช้นำทางได้เลย
ลำโพงสนทนาชัดเจนดีครับไม่ดังมาก ลำโพงตัวเครื่องให้คุณภาพเสียงประมาณกลางๆ เหมือนลำโพงมือถือทั่วๆ ไป แต่ส่วนคุณภาพเสียงของหูฟัง in-ear ที่แถมมาให้ภายในกล่อง อยู่ในระดับใช้ได้เลยนะครับ แน่นดี สามารถนำไปใช้ฟังเพลงได้สบายๆ ไม่ต้องไปซื้อเปลี่ยนเพิ่มเติมให้เสียตังค์ ถ้าคุณอยากแค่ฟังเพลงชิวๆ ก็เพียงพอครับ
[section label=”ผลทดสอบต่างๆ ” anchor=”Test”] ผลทดสอบต่างๆ
[section label=”การถ่ายภาพ” anchor=”camera”] การถ่ายภาพ
คุณภาพกล้องไม่ได้ดีไปกว่าเดิมครับ กล้องถ่ายภาพของ Asus Zenfone 2 นี่แทบจะคุณภาพเดียวกันทุกรุ่นไม่ได้หนีกันไปไหนไกล ตั้งแต่รุ่นแพงยันถูกก็ให้ความรู้สึกเท่าๆ กัน แตกต่างกันเล็กน้อยเท่านั้น การถ่ายภาพกลางวันก็ปกติดีครับ เป็นกล้องที่มีคุณภาพประมาณหนึ่ง ได้ภาพที่หวังได้ในที่แสงเพียงพอ แต่ในที่แสงน้อยลงมาสักหน่อยจะออกอาการมากเลยครับ
มีดีตรงที่ฟังชั่นการถ่ายภาพเยอะมากๆ เล่นกันสนุกเลย สามารถล็อกการวัดแสงได้โดยการทัชจุดที่ต้องการวัดแสงค้างไว้ พร้อมกับกล้องหน้าที่มาพร้อมกับหน้าตาแอพกล้องแบบพร้อมจะเซลฟี่เต็มขั้น แต่งหน้าเด้งเนียนใสและความขาวได้สิบระดับ พร้อมยกกระชับใบหน้าให้เรียวเป็นรูปตัว V มีมาให้ครบหมดครับ
ฉะนั้นสรุปในเรื่องของกล้องถ่ายภาพของ Asus Zenfone 2 Deluxe Special Edition ตัวนี้ มีดีที่กลางวันครับ แต่แสงน้อยหวังพึ่งยากจริงๆ
ตัวอย่างภาพถ่าย
โหมดภาพ HDR เปิดและปิด
[section label=”สรุปท้ายรีวิว” anchor=”synopsis”] สรุปท้ายรีวิว
เมื่อ Asus พา Zenfone ของตัวเองมาแตะราคา 14,900 บาท นั้นก็หมายความว่าพวกเขามาอยู่ในตลาดของเครื่องระดับ mid-end อย่างเต็มตัว สเปคตัวเลขอาจจะดูฟู่ฟ่าและน่าลงทุน โดยเฉพาะเรื่องของแรม 4G และหน่วยความจำตัวเครื่อง 128GB เป็นความคุ้มค่าที่ทำให้หลายๆ คน หันมามอง
แต่ถ้าพูดถึงเรื่องตัววัสดุ แม้จะใช้สีสันและฝาหลังที่แตกต่างด้วยลวดลายใหม่ๆ แต่บอดี้การออกแบบเมื่อเทียบกับเครื่องราคาประมาณนี้จากคู่แข่ง เขาก็เป็นเครื่องโลหะกันแทบทั้งนั้นแล้ว แถมยังมีความบางเบาที่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งการเอาเครื่องรูปแบบเดียวกันมาใช้หมดทั้งซีรีย์ ทำให้ค่อนข้างน่าเบื่อและบางอย่างดูด้อยไปเช่นการไม่มีแสงไฟจากปุ่มควบคุมด้านล่างทั้งสามปุ่ม ฉะนั้นสรุปว่า Asus Zenfone 2 Deluxe Special Edition ยังคงคุ้มค่าอยู่ในเรื่องของสเปคตัวเลขที่ได้มา แตในเรื่องของตัวเครื่องภายนอกนั้นคงต้องแล้วแต่คนชอบหรือไม่ชอบแล้วละครับ
ส่วนอีกหนึ่งคำถาม “เลือกตัว Asus Zenfone 2 Deluxe ปกติ หรือเอาเป็นรุ่น Special Edition ดีกว่ากัน” ก็ต้องบอกว่าตัวเมมโมรี่ที่แถมมา 128GB เกรดแบบนี้มีขายในราคาประมาณไม่ถึง 1,000 บาท ส่วนต่างสองพันน่าจะเป็นค่า CPU ที่ปรับมาใหม่และฝาหลังพร้อมตัวเครื่องลายใหม่ คุ้มไม่คุ้มอยู่ที่ต้องการสิ่งเหล่านี้หรือไม่ มีผลมากกว่าเรื่องของตัวเมมโมรี่ที่แถมมาครับ ถ้าชอบสีสันและความสดใหม่ของเครื่อง ก็เอาตัวนี้ได้ครับไม่ขาดทุน