Nokia กลับมายืนในตลาดอย่างเต็มตัวแล้วครับ หลังงาน MWC ได้โชว์ของเด็ด ปล่อยสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่พร้อมกับฟีเจอร์โฟนอันเป็นสัญลักษณ์ที่ให้เราได้ระลึกถึงตำนานแห่งความเป็น Nokia อย่าง 3310 กันอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับสมาร์ทโฟนที่จะเปิดจำหน่ายกันไปทั่วโลกอย่าง Nokia6, Nokia 5 และ Nokia 3 ซึ่งทั้งหมดอยู่ภายใต้การบริหารงานของทาง HMD ผู้ที่กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อฟื้นชีวิตใหม่ภายใต้แบรนด์สินค้าระดับโลกอย่าง Nokia ครับ
Nokia 6
เริมต้นที่ Nokia 6 หลังจากเปิดจำหน่ายกันไปในประเทศจีน วันนี้ก็มาถึงคราวของเวอร์ชันขายระดับโลกกันบ้างแล้ว ซึ่ง Nokia 6 เป็นเครื่องระดับกลางๆ ที่ใช้หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 430 แรมขนาด 3GB หน่วยความจำ 32 GB หน้าจอ 5.5-นิ้ว บนความละเอียด 1920×1080 พิกเซล และตัวเครื่องหรูหราด้วยวัสดุอลูมิเนียม กล้องถ่ายภาพความละเอียด 16MP และ 8Mp สำหรับกล้องหน้า รองรับการสแกนลายนิ้วมือ ลำโพงคู่เสตอริโอด้วยระบบ “smart amplifier” และ Dolby Atmos ราคาจำหน่ายอยู่ที่ราคาแค่ประมาณ $242 หรือคิดเป็นเงินไทยที่ 8,400 บาทเท่านั้น
แต่ในเวอร์ชั่นพิเศษหลังการเปิดจำหน่าย Nokia 6 แบบทั่วโลก มีรุ่นสีดำพิเศษออกมาพร้อมกับอัพสเปคขนาดแรมขึ้นเป็น 4GB และเพิ่มหน่วยความจำภายในเป็น 64GB ประกาศราคาจำหน่ายอยู่ที่ 316$ หรือประมาณ 11,000 บาทครับ
Nokia 5
สเปคเล็กรองลงมา แต่ตัวเครื่องภายนอกยังคงสร้างจากระดับงานมาตฐานครื่องพรีเมี่ยมในราคาที่แทบจะต่างกับคุณภาพภายนอกโดยสิ้นเชิง ซึ่งสเปคเครื่องจะยังคงใช้ Snapdragon 430 แต่ลดขนาดแรมลงมาจากรุ่น Nokia 6 เหลือ 2 GB และหน่วยความจำ 16 GB ขนาดหน้าจอ 5.2นิ้ว บนความละเอียด HD 720p ราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 200$ หรือประมาณ 6,900 บาทครับ
สเปคเครื่อง Nokia 5
• ระบบปฏิบัติการ : Android 7.1.1 Nougat
• CPU: Qualcomm Snapdragon 430
• RAM: 2 GB
• หน่วยความจำ : 16 GB, expandable up to 128 GB
• หน้าจอ : 5.2 inches, 128×720
• กล้องถ่ายภาพ: 13 MP, f/2.0, PDAF, dual tone flash
• กล้องหน้า: 8 MP, f/2.0, AF
• แบตเตอรี่: 3,000 mAh, non-removable
• ขนาดเครื่อง: 149.7 mm x 72.5 mm x 8.05-8.55 mm
Nokia 3
รุ่นเล็กสุดท้องของ Nokia ในเครื่องตระกูล Android ซึ่งเป็นเครื่องที่ต้องบอกว่าเป็นดีไซด์ที่ดูคล้ายความเป็น Nokia จากช่วงก่อนหน้านี้มากที่สุดครับ ตัวเครื่องไม่ได้ทำมาจากอลูมิเนียมแต่เปลี่ยนเป็นใช้ polycarbonate
ส่วนในเรื่องของสเปคเครื่องนั้น มีความคล้ายกันกับเครื่อง Nokia 5 แต่เปลี่ยนในจุดสำคัญนั้นก็คือเรื่องของหน่วยประมวลผล ที่ไม่ได้ใช้ของทาง Qualcomm แล้ว แต่จะเป็นของ MediaTek MT6737 เข้ามาใช้แทน นอกจานั้นยังคงเดิมในเรื่องของแรมขนาด 2GB และหน่วยความจำภายใน 16GB หน้าจอความละเอียด HD 720P มีขนาดหน้าจอเล็กที่สุดในซีรีย์คือขนาด 5นิ้วครับ
ราคาจำหน่ายก็เบาๆ อยู่ที่ 147$ หรือประมาณ 5,000 บาทครับ
สเปคเครื่อง Nokia 3
• ระบบปฏิบัติการ: Android 7.0 Nougat
• CPU: MediaTek MT6737, 1.3 GHz quad-core
• RAM: 2 GB
• หน่วยความจำ: 16 GB, expandable up to 128 GB
• หน้าจอแสดงผล: 5.0 inches, 1280×720
• กล้องถ่ายภาพ: 8 MP, f/2.0, AF, LED flash
• กล้องถ่ายภาพด้านหน้า: 8 MP, f/2.0, AF
• แบตเตอรี่: 2,650 mAh
• ขนาดเครื่องs: 143.4 mm x 71.4 mm x 8.48 mm
Nokia 3310
นี่มันคือความจงใจ ที่จะนำตำนานของความอึด ถึก สุดนิยม กลับมาให้ชาวโลกได้ยลโฉมและหวนนึกถึงความยิ่งใหญ่จากในอดีตของ Nokia ครับ ด้วยการออกแบบใหม่ของเครื่องฟีเจอร์โฟน Nokia 3310 ออกมาจำหน่ายกันอีกครั้ง
Nokia 3310 จะไม่ได้ใช้ระบบปฏิบัติการ Android แต่จะใช้ระบบ Nokia 30+ OS มันนับเป็นเพียงมือถือธรรมดาที่เปลี่ยนแปลงกลับมาใหม่ในรูปทรงคุ้นตาแต่ขนาดใหม่ เปลี่ยนในเรื่องของจอสแดงผลจากขาวดำมาเป็นจอสีและเพิ่มขนาดขึ้นเป็น 2.4 นิ้ว พร้อมเกม งู ที่พัฒนามาใหม่ให้สมเป็นการกลับมาอีกครั้งของมันอย่างเต็มภาคภูมิครับ
Nokia 3310 จะใช้แบตเตอรี่ขนาด 1200 mAh ที่สามารถสแตนด์บายได้นานถึงหนึ่งเดือนเต็มๆ สนทนาได้ต่อเนื่อง 22 ชั่วโมง และฟังวิทยุ FM ได้นาน 39 ชั่วโมง พร้อมกล้องถ่ายภาพขนาด 2 ล้านพิกเซลและไฟแฟลช แต่สิ่งที่น่าเสียดาย คือมันเป็นเครื่องที่รองรับแต่เพียงระบบ 2G เท่านั้นครับ ไม่รองรับ Wi-FI คุณจึงใช้งานทุกอย่างที่ออนไลน้ได้เช่นเบราว์เซอร์ของมัน ในความเร็วระดับ 2G เท่านั้น
โดยราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 52$ หรือ 1,800 บาทครับ
นอกจากนี้ HMD ยังมีการประกาศถึงความมุ่งมั่นในด้านการดูแลเรื่องซอฟแวร์ โดยพวกเขาจะเน้นไปในเรื่องของ “ความเรียบง่ายและบริสุทธิ ความไวในการอัพเดท และเป็นระบบที่เชื่อถือได้” หมายถึงว่า UI ของพวกเขาจะต้องมีความเรียบง่ายและมาพร้อมกับบริการต่างๆ ของทาง Google อย่างครบถ้วยสมบูรณ์ อีกทั้งจะไม่ทอดทิ้งในเรื่องของการอัพเดทระบบภายหลังการขาย ซึ่งตามข้อมูลที่ได้รับมา เราสามารถคาดหวังได้ว่า จะได้เห็น Nokia 6, 5 และ 3 พร้อมเดินทางออกจำหน่ายทั่วโลกในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ครับ