หลังจากที่เมื่อวานนี้ มีการเปิด Workshop รอบสื่อให้ได้ทดลองใช้เครื่องตัวจริง และมีการประกาศราคาที่จำหน่ายในไทยกันอย่างเป็นทางการไปแล้ว
ก็สรุปว่าทาง Huawei เลือกจะทำตลาดรุ่น Mate 10 Pro ในไทยเป็นหลักนะครับ และน่าจะไม่มีการนำเข้าเครื่อง Mate 10 รุ่นธรรมดาเข้ามา อย่างน้อยๆ ก็ในช่วงนี้
โดยจะเริ่มเปิดจอง Mate 10 Pro กันตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ในราคา 27,900 บาท สำหรับเครื่องรุ่นแรม 6GB หน่วยความจำภายใน 128GB ครับ มีเข้ามาเพียงสองสีนั้นคือ Midnight blue และ Mocca brown โดยทาง Huawei ได้สรุป 10 จุดเด่นของเครื่อง Mate 10 Pro เอาไว้ดังนี้ครับ
1. World’s first AI Chipset
HUAWEI Mate 10 Pro มาพร้อมกับชิพประมวลผล Kirin 970 ที่เสริมประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี AI เพื่อให้ประสบการณ์สื่อสารที่รวดเร็วทันใจ และยังทำให้การทำงานของสมาร์ทโฟนของคุณคงความเร็วอยู่แม้จะผ่านไป 18 เดือน พร้อมตอบสนองความต้องการเฉพาะของผู้ใช้แต่ละคนยิ่งขึ้นด้วยระบบ Machine Learning
2. Best in Class AI Camera
HUAWEI Mate 10 Pro มาพร้อมกล้องคู่ใหม่จาก Leica โดยใช้เลนส์ SUMMILUX-H ที่รูรับแสงมีกว้างถึง f/1.6 ในทั้งสองเลนส์ซึ่งช่วยให้สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี โดยสองเลนส์คือจับภาพสี RGB ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลกับเลนส์จับภาพขาวดำความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ซึ่งมีระบบจับโฟกัส 4 ประเภทคือ PDAF + CAF + Laser + Depth Auto Focus และระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS)
นอกจากนี้กล้องยังมีความฉลาดขึ้นและไวขึ้น ทำให้ถ่ายภาพได้สวยยิ่งขึ้นโดยมี AI มาช่วยในการวิเคราะห์วัตถุในกล้องและปรับค่าแสงสีต่างๆแบบอัติโนมัติ และยังเอามาช่วยในการประมวลผล ซึ่งจะทำให้ภาพถ่ายมีความเป็นธรรมชาติสมจริงมากขึ้นทั้งเฉดสีหรือองค์ประกอบของภาพ กล้องสามารถเรียนรู้ได้ถึง 13 Objects และ Scene ช่วยเลือกรูปแบบการถ่ายภาพให้เหมาะสม มีฟีเจอร์ AI Selfie ที่ทำให้การถ่าย Selfie ของคุณสวยงามและสมจริงขึ้น และ AI Zoom ที่จะทำการปรับแต่งตัวอักษรให้ซูมภาพแล้วไม่แตก เมื่อต้องการถ่ายภาพตัวอักษร
3. Best in Class Battery
แบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh พร้อมระบบการจัดการแบตเตอรี่ที่ควบคุมด้วย AI และเทคโนโลยี Super Charge ซึ่งใช้เวลาเพียง 30 นาทีก็มีแบตเตอรี่เพียงพอสำหรับใช้งานได้ทั้งวัน โดยเทคโนโลยีดังกล่าวยังได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยจาก TÜV Rheinland ประเทศเยอรมนีอีกด้วย
4. PC MODE แบบจบในตัว
HUAWEI Mate 10 Pro สามารถต่อเชื่อมกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ รองรับการทำงาน แสดงหน้าจอมือถือได้ หรือจะให้หน้าจอคอมพิวเตอร์แสดงเป็นลักษณะ Desktop สามารถเชื่อมต่อ Mouse และ Keyboard ผ่าน Bluetooth หรือ USB พร้อมกับฟังชั่นใช้จอภาพเลื่อนเป็น Mouse และ Keyboard
5. ระบบแปลภาษาอัตโนมัติแม้อยู่ในโหมดออฟไลน์
ระบบการแปลภาษาที่แปลได้มากถึง 50 ภาษาโดยใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยให้สามารถแปลภาษาแบบออฟไลน์ได้ทั้งจากตัวอักษร เสียง และข้อความจากรูปภาพ แปลภาษาออฟไลน์ได้กว่า 50 ภาษา แถมแปลได้เร็วกว่าเดิมถึง 3 เท่าโดยใช้แอพพลิเคชั่นแปลภาษาร่วมมือกับไมโครซอฟต์พัฒนาขึ้นมา
6. ระบบเสียงล้ำสมัย
การมีเทคโนโลยี AI ในชิป Kirin 970 นั้น ทำให้เกิดฟังก์ชั่น Huawei Easy Talk ที่จะเรียนรู้ว่าเสียงไหนเป็นเสียงของเจ้าของโทรศัพท์ ทำให้สามารถตัดเสียงรบกวนคนรอบข้างได้แม้อยู่ในที่เสียงดัง อีกทั้งยังสามารถช่วยเพิ่มความดังของเสียงเราให้ชัดเจนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ HUAWEI Mate 10 Pro ยังมีระบบเสียงก็ใช้เล่นรองรับ Hi-Res แบบ 32Bit /384K ให้คุณภาพสูงอีกด้วย
7. GPS แม่นยำทุกสถานการณ์
GPS แบบใหม่ เรียกว่า GEO Enchanted GPS Technology ที่จะทำให้คุณใช้งาน GPS ได้โดยไม่มีติดขัด สามารถใช้งานได้แม้อยู่ในที่อับสัญญาณมากๆ เช่น ใต้ทางด่วน ในรถไฟใต้ดิน หรือจะในอุโมงก็สามารถนำทางได้
8. DUAL 4G LTE
Dual 4G LTE หมายความว่า ซิมหนึ่งและซิมสองนั้นจะเกาะสัญญาณที่ 4G ได้พร้อมกันทั้งคู่ สำหรับรุ่น Mate 10 Pro เป็นรุ่นแรกของโลกที่รองรับเครือข่ายความเร็วสูงระดับ 4.5G โดยเป็นการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยี 4×4 MIMO + 256QAM + 3CA ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 1.2 Gbps พร้อมกับสามารถใช้งาน 4G Standby สองซิมพร้อมกันได้
9. Brand New DESIGN Language
HUAWEI Mate 10 Pro มีการออกแบบลักษณะ Systematic Design และได้มีการใส่ Signature Stripe เข้ามาที่ด้านหลังของตัวเครื่อง โดยเป็นแถบที่รวมกล้องหลังคู่ ไฟแฟลช LED และตัว Autofocus อยู่ในแถบเดียว ซึ่งก็เป็นจุดหนึ่งที่มองปุ๊บก็รู้เลยว่าเป็นตระกูล Mate 10 อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ใช้วัสดุที่เป็นกระจกและโลหะอีกด้วย
10. ล่าสุดกับ ANDROID 8.0 พร้อม EMUI 8.0
EMUI 8.0 มีการเพิ่มเติมในเรื่องของความเร็วและการจัดการทำให้เกิดความลื่นไหลระหว่างใช้งาน ซึ่งครอบบน Android 8.0ที่มีจุดเด่นเช่นการรองรับ Dynamic Wallpaper เปลี่ยนสภาพอากาศเองตลอดทั้งวัน
• รองรับการแสดงผล Full Vision Display ทำให้ใช้งานได้หลากหลายทั้ง Split Screen ใช้งานพร้อมกัน 2 หน้าจอ
• รองรับการทำงาน MDM (Mobile Device Management) ที่มีระบบจัดการทั้งความปลอดภัยและความสะดวกของผู้ใช้