สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว AppDisqus วันนี้ขอมาถ่ายทอดประสบการณ์การใช้งาน Huawei Mate 10 Pro สมาร์ทโฟนซึ่งเป็นเครื่องหลักที่ผมใช้ในระหว่างเดินทางไปทำงาน/ท่องเที่ยวที่ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงการเดินทางไปครั้งแรกของชีวิตที่ฮ่องกง โดยจะขอพูดถึงประสบการณ์ด้านกล้องถ่ายภาพของมันโดยเฉพาะก่อนนะครับ ว่ามันยอดเยี่ยมและประทับใจในส่วนไหนบ้าง
จุดเด่นในเครื่อง Huawei Mate 10 Pro จริงๆ มีมากมายครับ โดยเฉพาะในด้านการนำติดตัวไปทำงานหรือท่องเที่ยว ทั้งระบบ AI ที่สามารถแปลภาษาจากกล้องหรือคำพูดให้คุณได้แบบออฟไลน์ การนำทางที่มีตัวจับสัญญาณและระบบ Wi-Fi ที่ยอดเยี่ยม หรือแบตเตอรี่ที่อึดมากพอตัวรวมถึงระบบการชาร์จไวที่ไว้ใจได้ แต่ทั้งหมดผมจะกล่าวถึงในบทความต่อไปในรีวิวเครื่องแบบการใช้งานจริงขณะอยู่ต่างประเทศนะครับ เพราะบทความนี้ขออุทิศให้กับความยอดเยี่ยมและความฉลาดของ ‘กล้อง’ ของมันแบบเพียวๆ ก่อน
Huawei Mate 10 Pro เป็นสมาร์ทโฟนกล้องหลังคู่ ที่ใครก็คงรู้แล้วว่าพัฒนามาร่วมกันกับ Leica มาตรฐานแบรนด์นี้บอกถึงความไม่ธรรมดาอยู่แล้วครับ ความละเอียดสูง 20 ล้านพิกเซล + 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f1.6 กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล และมาพร้อมกับสิ่งที่สำคัญกว่าตัวฮาร์ดแวร์ นั้นก็คือระบบ AI และซอฟท์แวร์การถ่ายภาพที่ถูกออกแบบมาได้ฉลาดมาก ซึ่งเป็นจุดขายที่ทำให้คนพูดถึงและยอมรับกล้องของเครื่อง Huawei ในสามปีหลังของการพัฒนานั้นเองครับ
ประสบการณ์การใช้งานด้านกล้องของ Huawei Mate 10 Pro ทีผมชอบมากและอยากพูดถึงไม่ใช่ความเก่งกาจเชิงลึก แต่เป็นเรื่องของ ‘ความฉลาดในการใช้งานแบบง่ายๆ’
เจ้ากล้องของ Huawei Mate 10 Pro มันมีสมองครับ มันคิดให้เราได้ มันช่วยเราได้มากทีเดียว เพราะบางครั้งสำหรับบางคนอาจจะต้องบอกว่า มีกล้องที่ดีในมือ แต่ไม่รู้จะถ่ายยังไงให้สวยงามโดยเฉพาะการปรับแสง วัดแสง โฟกัสวัตถุ ซึ่งสิ่งเหล่านี้กล้องที่มีตัวช่วยฉลาดๆ มันช่วยเราได้ครับ (ยกเว้นการจัดองค์ประกอบภาพที่อาจจะต้องพึ่งพาตัวเอง ^^)
Huawei Mate 10 Pro เป็นกล้องที่มี AI มาทำงานในโหมดออโต้ คอยจัดแสง จัดโทนสี จับโฟกัส และปรับทุกอย่างให้เหมาะสม โดยมันถูกสอนให้เรียนรู้ว่าผู้ถ่ายกำลังจะถ่ายสิ่งใด, ที่ไหน และอะไร ซึ่งตัวกล้องจะมีซีนพื้นฐานต่างๆ เอาไว้มากถึง 13 รูปแบบที่เราถ่ายกันบ่อยๆ เช่น ถ่ายภาพอาหาร,ท้องฟ้า, หิมะ, ทะเล, พระอาทิตย์ตก, ภาพกลางคืน, การแสดงบนเวที, ภาพดอกไม้, และสามารถแยกสิ่งมีชีวิตทีมันโฟกัสได้ ว่าเป็น สุนัข, แมว หรือว่า คน โดยจะตรวจจับและแจ้งการใช้ซีนเป็นไอคอนแจ้งมุมล่างของหน้าจอ พร้อมปรับภาพ แสง สี และการโฟกัสไปตามการเรียนรู้เหล่านั้นให้เราอย่างเหมาะสมของมันเองครับ
มันทำให้เวลาเราหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพ โดยเฉพาะในการท่องเที่ยวกับเพื่อนๆ ที่เราจะไม่มีเวลาในการจับภาพหรือตั้งค่ากล้องอะไรมากมายนักครับ ฉะนั้นตลอดทริปที่ไปครั้งนี้ เพราะด้วยไปกันหลายคนผมแทบไม่ได้หยิบกล้องใหญ่ขึ้นมาใช้เลย ในหลายวันไม่ได้พกไปด้วยซ้ำครับ เพราะทั้งหนัก ไม่สะดวก และสู้ความรวดเร็วของกล้องมือถือไม่ได้จริงๆ แถมงานนี้มือถือตัวที่พกไปให้ผลลัพท์ที่ผมพึงพอใจมากแล้วในการเก็บภาพการไปท่องเที่ยว ^^
ตัว AI ของมันฉลาดครับ เช่นการจับภาพว่าเป็นภาพหิมะ จะไม่ใช่แค่การปรับค่าแสงเหมือนถ่ายภาพพื้นขาว แต่จะมีการปรับสมดุลสีและจะเพิ่มสปีดชัตเตอร์เข้าไปให้เหมาะกับการถ่ายภาพในบรรยากาศหิมะด้วยครับ
เรียกว่าเดินถ่ายได้เลย ไม่ต้องกลัวภาพจะเบลอ หลุดโฟกัส หรือสีเพี้ยน เดินไปเก็บภาพไปได้สบายๆ ครับ
ในความฉลาด มันจะตรวจจับได้มากกว่าการปรับสีของภาพให้เหมาะสม มันยังรับรูวัตถุที่เราจะถ่ายได้ด้วย เช่นการถ่ายภาพเพื่อนเรากลางหิมะ ซึ่งมันจะตรวจพบบุคคลและเลือกระยะโฟกัสที่กำลังสวยให้เราทันทีด้วย
ตัวอย่างภาพซ้ายคืิอการถ่ายภาพแลนด์สเคปแบบเก็บวิว ภาพขวาคือการเพิ่มโหมดออบเจ็คบุคคลเข้าไป จะเห็นว่าตัวกล้องมีความสามารถในการจับโฟกัส และการให้สีที่เหมาะสมต่างกันครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายในแสงกลางวัน เดินไปถ่ายไป งานนี้เดินไปเรื่อยๆ ครับ ถ่ายแบบไม่ต้องใส่ใจ ^^ เพราะวิวสวย แสงดี กล้องฉลาดพอ ถ่ายยังไงก็ได้ภาพกลับมาฝากคนที่บ้านแน่นอน
เวลาเข้าไปในสถานที่รกๆ คนเยอะ แต่อยากถ่ายภาพเพื่อนให้เด่นๆ ไม่ต้องไปหยิบกล้องใหญ่เพื่อใช้เลนส์ละลายหลังแล้วครับ เพราะอย่าลืมไม้ตายเด็ดของกล้องคู่ Huawei ที่มีดีเสมอมา นั้นคือระบบการถ่ายภาพบุคคล หน้าชัดหลังละลาย หน้าละลายหลังชัด หรือชัดหน้าชัดหลัง ที่เราสามารถปรับได้เองตามใจ ซึ่งต้องบอกว่ามาถึงจุดนี้ซอฟท์แวร์บวกกับฮาร์ดแวร์ของ Huawei ยังทำได้ดีในอันดับท็อปครับ
ฉากหลังรกๆ คนเยอะๆ ก็ลองลบด้วยโฟกัส เปิดโหมดถ่ายบุคคลก็ทำได้ง่ายๆ ครับ เพราะมีไอคอนแยกให้เรียกใช้งานอยู่ด้านบนเลย
ในบางสภาพแสง ที่มีความสว่างและเงาตัดกันสูง ซึ่งปกติต้องการความโปรขึ้นมาอีกนิดในการถ่ายภาพ โหมด HDR แบบอัตโนมัติของกล้องจะเข้ามาช่วยให้เราไม่ต้องเข้าใจหรือกังวลการถ่ายภาพในที่สองระดับแสงที่ต่างกันมากๆ เช่นในอาคาร ริมหน้าต่าง เพราะตัวกล้องจะปรับสมดุลรายละเอียดภาพแบบออโต้ออกมาในระดับหวังผลพอได้ด้วยตัวมันเองในทุกสภาพแสงครับ
เมื่อต้องการเล่นภาพกับแสงและสีขึ้นมา ก็จะยิ่งเข้าทาง Mate 10 Pro เพราะอย่าลืมว่าเจ้านี้เป็นสมาร์ทโฟน 555 ฉะนั้นเรื่องลูกเล่นและความไวในการปรับแต่งภาพ จะสะดวกเหนือกว่ากล้องโปรซะอีกครับ
ปรับสี ปรับแสง ปรับโทนอารมณ์กันหน่อย อันนี้ปรับได้ทั้งก่อนถ่ายและหลังถ่ายเลยนะครับ จะเอาแสงสีแรงๆ หรือโทนเหงา กับอารมณ์เรโทรนิดๆ ในหน้ากล้องของ Huawei ทำมาไว้ให้หมดครับ
อารมณ์แอคชั้นดุดันกับการถ่ายภาพกีฬา X- Treme ก็เอาอยู่ครับ เพราะกล้องของ Huawei Mate 10 Pro มีทั้งโหมดซูมภาพพร้อมโหมด Burst shot กดชัตเตอร์ค้างไว้ยิงภาพรัวๆ เก็บได้หมดแม้ลอยอยู่กลางอากาศครับ
จริงๆ ผมอยู่ค่อนข้างไกลทีเดียวครับ เพราะคนเยอะมากเข้าไม่ถึง แต่ใช้โหมดซูมภาพ X2 ของเครื่องช่วย
เมื่อกดชัตเตอร์ค้าง ตัวกล้องจะถ่ายรัว เพื่อให้เราเก็บภาพการเคลื่อนไหวได้เป็นชุดครับ
ตกยามเย็น การปรับการวัดแสงของกล้อง ก็มักจะเข้าโหมดพระอาทิตย์ตกหรือแสงกลางคืนครับ มาถึงช่วงเวลาเด่นของกล้องรูรับแสง f1.6 ที่มี AI คอยสนับสนุนการปรับภาพ
เพราะการเก็บภาพในอาคาร ที่แสงน้อย และภาพกลางคืนของ Huawei ในขณะที่มีวัตถุเช่นบุคคลและไม่มีบุคคลจะให้แสงสีต่างกันครับ ตัว AI จะออกแบบการการเร่งแสงเพื่อให้มีรายละเอียดของภาพมากขึ้นขณะถ่ายภาพแสงน้อยมีบุคคล และจะใช้การเร่งสีเพื่อให้เกิดความจัดเจนและความชัดของภาพมากขึ้นเมื่อเป็นการถ่ายภาพวิวยามกลางคืนครับ ซึ่งเป็นแนวนิยมของผู้ใช้งานที่ชอบโพสภาพถ่ายวิวกลางคืนแชร์ลงโซเชี่ยลนั้นเองครับ
ภาพกลางคืน ในที่แสงน้อยที่มีบุคคล จะมีการเร่งความสว่างเพื่อให้บุคคลไม่มืดเกินไป (ในสถานที่จริงในภาพสุดท้ายจะค่อนข้างมืดสนิทมากครับ เพราะไฟต่างๆ ในหน้าหิมะตกปิดหมดแล้วตั้งแต่สองทุ่ม)
การถ่ายภาพกลางคืนจะถูกปรับต่างออกไปในยามเก็บภาพทิวทัศน์แสงสีกลางคืนครับ เพิ่มความเข้มและสีสันให้ดูดุดันมากขึ้น หลายคนชอบครับ แต่แน่นอนตัวกล้องก็สามารถปรับลดโทนความดุดันลงได้เช่นกัน
และสำหรับกล้อง Huawei Mate 10 Pro นั้น ระหว่างภาพกลางคืนกับภาพแสงสีการแสดงในอาคารมันแยกออกนะครับ ^^ การให้แสงของภาพก็จะไม่เหมือนกัน ในโหมดซีนการแสงสีการแสดงนั้น มันจะไม่เพิ่มรายละเอียดของภาพทั้งภาพ แต่จะเน้นแค่พื้นที่แสงของการจัดแสงบนเวทีเท่านั้นครับ ตามตัวอย่างด้านล่าง
การถ่ายภาพอีกแบบหนึ่งที่คนนิยมพอๆ กับการถ่ายคน ถ่ายวิว ก็คือการถ่ายภาพอาหารใช่มั้ยครับ ^^ กล้องของ Huawei Mate 10 Pro เป็นกล้องที่ไม่ต้องเข้าโหมดใดๆ ก่อนการถ่ายอาหารให้ดูน่ารับประทานครับ เพราะ AI ของกล้องจะปรับให้เองด้วยมันรู้ว่าเรากำลังจะถ่ายสิ่งใด
จับได้แม้ตัวอักษรซึ่งจะมีความคมชัดของตัวหนังสือสูงมาก พร้อมจับแผ่นป้ายได้ด้วยครับ ตัวกล้อง Huawei Mate 10 Pro สามารถเดินถ่ายป้ายข้างทาง แล้วดึงมาให้ตรงในภายหลังก็ได้นะ
เหล่านี้ก็เป็นความสามารถส่วนใหญ่ของกล้อง Huawei Mate 10 Pro ในโหมดออโต้เป็นหลัก ซึ่งเป้นโหมดที่ถ่ายง่ายและเหมาะมากสำหรับการถ่ายภาพเชิงท่องเที่ยวที่ต้องการความคล่องตัวสูง แต่ยังได้มาซึ่งผลลัพท์ที่ดีเพราะมี AI ช่วยคิดให้ตลอดทาง ^^
ยังมีความสามารถอีกมากมายที่อยู่ในโหมดโปรและการถ่ายภาพแบบพิเศษของตัวกล้องครับ ที่ต้องบอกว่ามีการออกแบบหน้า UI กล้องมาให้ใช้งานค่อนข้างสะดวกมากๆ เลยสำหรับกล้อง Huawei
ขอปิดท้ายกันในบทความนี้ด้วยภาพถ่ายกล้องหน้าอีกสักชุดหนึ่งนะครับ หน้าตาอาจจะหล่อเกินตัวจริงไปบ้าง อย่าว่ากันนะครับ ยุคสมัยนี้ไม่มีใครโชว์หน้าสดกันแล้ว ^^ 555