เมื่อวานนี้ iPhone XS และ iPhone XS Max เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว APPDISQUS เองก็ได้ส่งทีมงานไปต่อคิวหน้า Apple Store เพื่อไปสัมผัสความรู้สึกของเจ้า iPhone ใหม่ทั้งสองรุ่นนี้ และเอารูปภาพพร้อมกับความรู้สึกแรกสัมผัสตัวเครื่องของทั้งสองรุ่นมาฝากเพื่อนๆ ที่รอติดตามกันจาก Apple Store ที่ประเทศสิงคโปร์
iPhone XS
แว่บแรกที่เห็นต้องบอกว่าไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นความแปลกใหม่เหมือนตอนครั้งแรกที่เราได้ไปลองหยิบจับเจ้า iPhone X เมื่อปีที่แล้วที่ Apple Store เซี่ยงไฮ้ เพราะหน้าตาและรูปลักษณ์ภายนอกของมันนั้นแทบมองไม่เห็นความต่างกับ iPhone X รุ่นก่อนหน้าเลย
ตัวเครื่องยังคงวัสดุและการออกแบบที่ไม่ได้ต่างจากตัวก่อนหน้านี้ ซึ่งออกแบบหลังเครื่องไว้เป็นกระจกสำหรับการชาร์จแบบไร้สาย ในขณะที่ด้านหน้านั้นก็เหมือนเดิมไม่มีผิด ไม่ว่าจะเป็นขนาดของรอยบากหน้าจอที่เป็นจุดที่มีกล้อง TrueDepth อยู่ ซึ่ง APPDISQUS เองใช้การมองจากสายตาแล้วไม่คิดว่าเห็นความแตกต่างจากรุ่นเก่าแต่อย่างใด ส่วนน้ำหนักในมือนั้นแม้ว่าจากสเป็กจริงเจ้า iPhone XS นั้นจะมีน้ำหนัก 177 กรัม ซึ่งมากกว่า iPhone X อยู่ประมาณ 3 กรัม แต่เมื่อถือในมือแล้วก็ไม่ได้รู้สึกต่างกันเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกคือน้ำหนักมันเท่าๆ กันนี่แหละ (ก็แหงล่ะ ต่างกันแค่สามกรัม)
หน้าจอนั้นยังคงสวยสดงดงามตามสไลต์ Super Retina ซึ่งเป็นหน้าจอ AMOLED ที่ใช้อยู่ในรุ่น iPhone X พร้อมขนาดและจำนวนความเข้มข้นของเม็ดพิกเซลที่เท่านั้นทั้งสองรุ่น คืออยู่ที่ความละเอียด 2,436 x 1,125 พิกเซล และมีความเข้มข้นของพิกเซลที่ 458ppi ซึ่งจุดนี้เป็นจุดเด่นที่ได้รับคำชมมาตั้งแต่สมัย iPhone X แล้วว่าเป็นหน้าจอ AMOLED ที่คมชัดและให้รายละเอียดของสีได้อย่างยอดเยี่ยม และเมื่อมาอยู่บน iPhone XS มันก็ยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเดิม
จุดต่างเดียวที่เห็นคงเป็นภาพพื้นหลังหน้าจอที่บน iPhone XS นั้นใช้เป็นรูปผิวดาวตามที่เห็นตอนงานเปิดตัว ในขณะที่บน iPhone X นั้นต่อให้เป็นเฟิร์มแวร์ iOS 12 ก็ไม่มีภาพพื้นหลังนี้ให้ใช้…แต่ก็ไปหาโหลดมาใช้กันได้อยู่ดี ซึ่งหากลองเปลี่ยนพื้นหลัง iPhone X ให้เป็นแบบ iPhone XS แล้วดูแค่ภายนอกก็ต้องบอกว่าคงแยกสองรุ่นนี้ออกจากกันไม่ได้เลยล่ะครับ
iPhone XS นั้นเปิดราคาในประเทศสิงคโปร์ไว้ที่ SGD 1,649 สำหรับรุ่น 64GB โดยมีให้เลือก 3 รุ่นด้วยกันคือหน่วยความจำหลัก 64GB, 256GB และ 512GB จากข้อมูลของ Apple Store ในสิงคโปร์
iPhone XS Max
iPhone XS Max นั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นแบบเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับ iPhone X และ iPhone XS โดยน่าจะเป็นรุ่นที่เหมาะกับคนที่ต้องการเปลี่ยน iPhone เพื่อให้คนอื่นเห็นได้ชัดว่าเป็นรุ่นใหม่มากที่สุด โดยขนาดของมันนั้นให้จินตนาการเอาง่ายๆ ก็ได้ว่ามันเป็น iPhone 8 Plus ในร่างของ iPhone X เพราะมันยืมการออกแบบมาจาก iPhone X ทั้งหมดเหมือนเจ้า iPhone XS แต่ก็ขยายขนาดหน้าจอและตัวเครื่องขึ้น จาก iPhone X ที่หน้าจอ 5.8 นิ้วมาเป็น 6.5 นิ้ว Super Retina AMOLED Display ที่มีความละเอียดมากขึ้นที่ 2,688 x 1,242 พิกเซล โดยมีความเข้มข้นของเม็ดพิกเซลเท่ากันที่ 458ppi
หน้าจอที่ขยายใหญ่ขึ้นนี้ทำให้เราได้พื้นที่ในการแสดงผลที่ใหญ่ขึ้นมาด้วยเช่นกัน โดยใหญ่พอที่จะทำให้รายละเอียดต่างๆ เวลาชมภาพยนตร์จาก Netflix แบบเต็มจอ หรือชมภาพถ่ายต่างๆ นั้นต่างไปด้วย เพราะพื้นที่การจัดวางรอยบากนั้นยังอยู่กลางจอเหมือนเดิม แต่ขนาดการแสดงผลขยายขึ้น ยกตัวอย่างเช่นภาพหน้าจอของ iPhone XS Max เองที่หากเอามาเทียบกับเจ้า iPhone XS แล้วจะเห็นว่าบน iPhone XS หน้าจอ 5.8 นิ้วนั้นรอยบากจะบังทับผิวดาวไป ในขณะที่ iPhone XS Max นั้นจะไม่บังทับ และรอยบากจะอยู่ในส่วนของสีดำบนภาพพอดี ทำให้หลอกตาได้เหมือนกับว่าไม่มีรอยบากไปเลยหากไม่สังเกตดีๆ
แต่ก็เพราะหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นนี่แหละที่ทำให้ iPhone XS Max นั้นหนักขึ้นมากจนรู้สึกได้เมื่ออยู่ในมือ โดยน้ำหนักของมันตามสเป็กนั้นอยู่ที่ 208 กรัม ซึ่งหนักกว่า iPhone XS อยู่ที่ประมาณ 31 กรัม ตามตัวเลขอาจดูไม่เยอะ แต่ความรู้สึกตอนถือจริงคงต้องบอกว่าหนักจนรู้สึกได้ และสำหรับใครที่ไม่ชอบถือมือถือหนักๆ แล้วคงต้องพิจารณาเรื่องนี้เป็นสำคัญมาก APPDISQUS เองอยากให้หาโอกาสลองไปจับกันจริงๆ ก่อนตัดสินใจว่าความหนักระดับนี้ เพื่อนๆ จะพอไหวและพอจะรับได้ไหม
iPhone XS Max นั้นเปิดราคาที่สิงคโปร์มาที่ SGD 1,799 สำหรับรุ่น 64GB โดยมีให้เลือกทั้งสิ้นสามรุ่นเช่นเดียวกันคือรุ่นหน่วยความจำหลัก 64GB, 256GB และ 512GB
เปรียบเทียบขนาดระหว่าง iPhone XS และ iPhone XS Max
iPhone XS และ iPhone XS Max นั้นมีขนาดหน้าจอที่ต่างกันมาก โดยตัวแรกนั้นอยู่ที่ 5.8 นิ้วใช้บอดี้เดียวกับ iPhone X แทบทั้งหมด ในขณะที่ตัวที่สองซึ่งเป็นรุ่น Max นั้นมีขนาดหน้าจอที่ 6.5 นิ้ว จึงทำให้ตัวเครื่องนั้นใหญ่กว่าเดิมมาก รวมถึงน้ำหนักที่มากขึ้นด้วยตามที่บอกไปข้างต้น
แต่หากเพื่อนๆ อยากเห็นภาพการเปรียบเทียบระหว่าง iPhone XS และ iPhone XS Max ชัดๆ ก็ดูได้จากรูปที่เราถ่ายมาฝากเพื่อนๆ กันนี้เลย
อะไรที่ทำให้ iPhone XS และ iPhone XS Max ต่างจาก iPhone X?
แม้ว่าจากภายนอกแล้ว iPhone รุ่นใหม่อาจจะไม่ต่างจาก iPhone X เลย (ยกเว้นเรื่องขนาดใน iPhone XS Max) แต่เมื่อว่ากันถึงภายในนั้น iPhone XS และ iPhone XS Max มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลตัวใหม่อย่าง A12 Bionic ซึ่งเร็ว แรง ทะลุนรกยิ่งกว่าเจ้า A11 Bionic บน iPhone X ที่ก็เร็วจนแทบไม่มีใครเทียบได้อยู่แล้วในปัจจุบัน ซึ่งเพียงแค่ส่วนนี้ก็ถือเป็นการอัพเกรดที่น่าสนใจแล้ว
ในขณะเดียวกัน iPhone รุ่นใหม่ทั้งสองตัวยังมาพร้อมมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น IP68 ซึ่งดีกว่าในรุ่นเก่าที่เป็น IP67 ช่วยให้ดำน้ำได้ลึกขึ้นและนานขึ้นด้วย ซึ่งน่าจะเหมาะกับสายแอดเวนเจอร์มากกว่าเดิมหน่อยหนึ่งเน๊อะ
ส่วนอื่นๆ ก็มีพัฒนาขึ้น และเห็นได้ชัดเจนมาก ยกตัวอย่างเช่นเจ้าลำโพงใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงให้ได้เสียงที่กว้างขึ้น (โดย Apple ใช้คำว่า Wider Stereo Sound) ซึ่งขอบอกว่า ณ จุดนี้ iPhone ทั้งสองรุ่นน่าจะเป็นมือถือที่ให้เสียงได้สะพรึง สะใจ ก้องกังวาล และไพเราะสุดแล้วก็ว่าได้ในบรรดาอุปกรณ์มือถือทั้งหมดที่ขับเสียงแบบไม่ใช้อุปกรณ์เสริมใดๆ และเมื่อว่ากันเรื่องเสียงแล้วมันไม่ได้มีดีแค่ระบบเสียงที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่การบันทึกวิดีโอเองก็สามารถบันทึกเสียงแบบสเตอริโอได้แล้ว ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพไว้ด้วยไมค์กำหนดทิศทางถึง 4 ตัวด้วยกันในตัวเครื่อง ทำให้นี่เป็น iPhone เจนเนอร์เรชั่นแรกที่สามารถบันทึกเสียงวิดีโอแบบสเตอริโอที่ได้คุณภาพเสียงตามสมควรจริงๆ
นอกจากนี้เจ้า iPhone XS และ iPhone XS Max นั้นยังเป็นมือถือ iPhone 2 รุ่นแรกที่มาพร้อมหน่วยความจำสูงสุดที่ 512GB ด้วย เหมาะกับใครก็ตามที่อยากเก็บอะไรต่างๆ นาๆ ไว้ในมือถือและไม่อยากต้องไปจ่ายเงินให้บริการอย่าง iCloud มากนัก ซึ่งเอาตามจริงแล้วต้องบอกว่าปัจจุบันนี้ 256GB บน iPhone X ที่ใช้อยู่ บวกกับ 50GB บน iCloud ยังเบิร์นกันไม่หมดเลยขอรับ
และทั้งหมดนี้คือพรีวิวแรกจับ iPhone XS และ iPhone XS max ส่งตรงจาก Apple Store สิงคโปร์จากทีมงาน APPDISQUS กันตั้งแต่เดย์วันที่ออกขาย สำหรับรีวิวเต็มๆ นั้นอดใจกันเอาไว้ APPDISQUS จะมีมาฝากเพื่อนๆ กันต่อไปอีกแน่นอน