เปิดตัวกันแล้วครับ สำหรับ Samsung Galaxy S10 และ S10+ ก็ค่อนข้างเป็นไปตามโพลนะครับสำหรับสเปค แต่ก็มีรายละเอียดหลายอย่างเช่นกันที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะในเรื่องของ “หน้าจอ” ^^ สุดครับสำหรับหน้าจอ Galaxy งวดนี้ ไม่ว่าจะเป็น Galaxy Fold ที่เป็นอุปกรณ์จอพับ และจอของ S10 และ S10+ จริงๆ ย้งมี Galaxy 10e แต่เป็นรุ่นเดียวที่เราไม่ได้เครื่องมาลองใช้ในวันนี้ครับ
Samsung Galaxy S10 และ S10+ เป็นเครื่องแรกของ Samsung ครับ ที่เปิดตัวมาพร้อมกับหน้าจอใหม่ ซึ่งเป็นอีกขั้นของหน้าจอ Amoled มันมีชื่อว่า Dynamic Amoled ซึ่งตามสเปคมันมี Contrast Ratio 1:1,000,000 สูงกว่า Galaxy S9 ที่มี Contrast Ratio 1:100,000 เรียกว่าสูงกว่าเดิมสิบเท่า และเป็นจอมือถือตัวแรกครับ ที่รองรับ HDR 10+ มันเป็นระบบการแสดงภาพแบบปรับสีภาพได้ช็อตต่อช็อต ไม่ใช่ปรับเป็นพรีเซ็ตเดียวเหมือน HDR ตามปกติ ค่าความตรงสีกับลูกตาเราสูงมาก JNCD 0.4 (ยิ่งใกล้ 0 ยิ่งแม่นยำ)
ความคมชัดคงเดิมระดับสูง QuadHD และเป็นหน้าจอแบบเจาะรูรุ่นแรกที่เป็นจอ Amoled ด้วยครับ ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Samsung ที่ยังไม่มีเจ้าอื่นทำได้
เรียกว่าอัพเกรดหน้าจอมาแบบขีดสุดจริงๆ สำหรับ Galaxy S10 ทั้งสองรุ่น จากที่มอง จอมันก็สุดขีดจริงครับ ความเป็น Amoled ยังไงก็สวยอยู่แล้ว ยิ่งเป็นจอไร้ติ่งสุดขอบแบบนีี้ ยิ่งเต็มตามาก
หน้าจอของ S10+ และ S10 อยู่ที่ขนาด 6.4 นิ้วและ 6.2 นิ้วครับ ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นเครื่องหน้าจอขนาดนี้ที่ตัวเล็กที่สุดแล้วละครับ ถือจับแล้วเล็กมากจนน่าตกใจ โดยเฉพาะ S10 แถบไม่เชื่อเลยว่านี่คือเครื่อง 6.2 นิ้วครับ
S10+ และ S10 เป็นเครื่องแรกของโลกเช่นกันนะครับที่ใช้ระบบสแกนนิ้วบนหน้าจอแบบ Ultra Sonic มันเป็นการใช้คลื่นเสียงยิงออกมาเพื่อรับรู้ร่องนิ้วหรือลายนิ้วมือของเรา ซึ่งต่างจากการเก็บภาพลายนิ้วมือเอาไว้แบบการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอของเจ้าอื่น
ถือว่าเป็นการสแกนลายนิ้วมือที่แม่นยำมากกว่าครับ ผมทดสอบแล้วเร็วกว่าจริง และสแกนนิ้วเราได้แม้นิ้วเลอะหรือเปียกเล็กน้อยครับ และมาตรฐานมันจะสูงพอรองรับธุรกรรมทางการเงิน เพราะสามารถใช้กับ Samsung Pay ได้ครับ
แต่ใน S10 Series จะไม่มี Iris Scanner หรือการสแกนม่านตาแล้วนะครับ เอาออกไปแล้วเพราะไม่มีพื้นที่ด้านหน้าให้อยู่อีกต่อไป แต่ยังรองรับการสแกนใบหน้าได้จากตัวกล้องหน้าครับ
ตัวเครื่องก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผลิกโฉมการออกแบบของ Samsung ด้วยการเลือกใช้สีแบบปรึซิม ที่จะเหมือนผิวหิน หินผลึก มีเหลื่อมเงาตามแสงไฟ ผิวสัมผัสกระจก Gorilla Glass 6 ด้านหลังเป็นเวอร์ชั่น 5
แต่ที่พิเศษก็คือมีการเปิดตัวรุ่นวัสดุที่ใช้ผิวเซรามิคสีดำและเซรามิคสีขาว ซึ่งมีเป็นรุ่นที่มีแรมและรอมขนาดมหาศาล นั้นคือแรมที่ให้มาสูงถึง 12GB และรอมหรือหน่วยความจำขนาด 1TB ถือว่าเป็นรอมและแรมที่เยอะมาก น่าจะเป็นเครื่องแรกของโลกเลยครับที่ให้มาเยอะขนาดนี้
แต่ในรุ่นผิวกระจกก็สเปคสูงใช่ย่อยครับ มันมีแรมมาให้ 6GB และรอม 128GB อันนี้คือสเปคเริ่มต้น พร้อมใส่ Micro SD card ได้อีก 512GB (จริงๆ รองรับถึง 1TB) แบตเตอรี่ใหญ่ 4,100 mAh และ 3,400 mAh ครับ
โดยความพิเศษในเรื่องพลังงานของเจ้า S10 สองตัวนี้คือ มันสามารถปล่อยพลังงานเป็นแท่นชาร์จไร้สายให้กับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ด้วยนะครับ และสามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์เสริมด้วยไม่ใช่แค่ชาร์จเพียงมือถือเพียงอย่างเดียว
แรงไฟมากพอจะชาร์จได้แบบจริงจังไม่ใช่แค่โชว์ โดยเราสามารถเสียบสายชาร์จให้เครื่อง S10 ไว้เป็นแท่นชาร์จไร้สายเอาไว้ และจะเป็นการชาร์จไฟให้ทั้งเครื่อง S10 เอง และตัวอุปกรณ์ที่นำมาวางไปพร้อมๆ กันได้ครับ ^^
มันมีไฮไลค์พิเศษตรงเคสฝาหลังของ Samsung ที่จะใช้ไฟจากตัวเครื่องเพื่อเป็นพลังงานในการแสดงภาพบนตัวเคสออกมาได้ ^^ น่ารักและเก๋มากเลยครับ ช่วยนับถอยหลังให้คนเห็นเวลาเราถ่ายรูปได้ด้วย
ตัวเครื่องค่อนข้างเล็ก เบา แต่แน่นครับ จับสัมผัสแน่นหน้าเต็มมือ และที่เห็นครับ มันยังมีปุ่มเจ้า Bixby อยู่นะ ^^ แต่เขามีฟังกืชั่นใหม่ Bixby Routine หรือฟังก์ชั่นการตั้งกฏการทำงานอัตโนมัติไว้ล่วงหน้า เช่นเมื่อเสียบปลั๊กให้เครื่องเปิด Wi-FI รวมถึงรองรับการใช้ AR ในการช่วยเหลือผู้ใชสำหรับการจัดบ้าน การแต่งหน้า เหล่านี้เป็นต้นครับ แต่ก็ต้องดูว่าเมืองไทยเราจะใช้เจ้า Bixby ได้สักแค่ไหน เพราะที่ผ่านมาก็ยังไม่รองรับภาษาไทยสักที
หน่วยประมวลผลของรุ่น จะใช้เป็น Snapdragon 855 และ Exynos 9820 แล้วแต่ภูมิภาค ซึ่งประเทศไทยก็เป็นรุ่น Exynos 9820 ครับ ในด้านประสิทธิภาพเขาว่ามันจะเร็วกว่าตัวเดิม 29% การ์ดจอแรงขึ้น 37% แต่ใช้พลังงานน้อยลง 15% และที่สำคัญ มีการพัฒนาร่วมกันกับเอนจิ้นของ Unity ที่เป็นเอนจิ้นฮิตที่นำมาทำเกมบนมือถือกันเยอะมาก จะทำให้เกมที่พัฒนามาจากเอนจิ้นตัวนี้จะทำงานได้ดีขึ้นบน S10 อีกประมาณ 10%
ในด้านเล่นเกมดูจะเตรียมมาพอตัว เพราะภายในตัว S10+ จะมีระบบระบายความร้อนพิเศษกว่ารุ่นอื่นๆ ครับ เพราะจะแผ่น Vapor Champer ใช้ระบายความร้อนอยู่ภายใน และใช้ระบบเสียง Doby Atmos เปิดใช้กับลำโพงโทรศัพท์ได้เลย
ภายใน มีชิพ NPU หรือชิพอัจฉริยะคอยคิด วิเคราะห์ การใช้งานและสิ่งต่างๆ ให้เรา เพื่อการประหยัดพลังงานและการใช้งานให้ลื่นไหล จากที่ลองๆ ใช้ ก็รุ่นใหญ่อะนะครับ ประสิทธิภาพเหลือกินเหลือใช้อยู่แล้ว
กล้องถ่ายภาพ
S10 และ S10+ ใช้กล้องหลังสามตัวครับ เป็นเลนส์ telephoto มุมแคบไว้ถ่ายบุคคล, เลนส์ wide กว้าง 77 องศาหรือเลนส์มุมปกติแบบที่เราใช้ๆ กันในมือถือทุกเครื่อง และเลนส์มุมกว้างพิเศษ Ultra wide ที่เก็บภาพได้กว้างถึง 123องศา
และเพิ่มความสามารถถ่ายกลางคืนตัวใหม่ Bright night ที่เป็นเทคนิคการถ่ายรูป 7 รูป แล้วนำมารวมกันเป็นภาพเดียว ซึ่งจะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อกล้องเห็นว่าเป็นที่แสงน้อย ก็จะเปิดการทำงานขึ้นมาทันทีครับ
มีโหมดการแนะนำการจัดคอมโพสภาพก่อนถ่าย ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่จะแนะนำมุมถ่ายภาพซึ่งวิเคราะห์จาก AI โดย Samsung ได้สอนมันเอาไว้จากการวิเคราะห์ภาพมากว่าล้านรูปครับ เพื่อสอนให้ AI รู้จักคอมโพสภาพที่ดี และนำมาสอนให้กับผู้ใช้อีกที ^^
ระบบจับซีนเพิ่มการรับรู้ได้จาก 20 เป็น 30 ซีน โดยได้เพิ่มเข้ามาเช่น ถ่ายหน้าคน ถ่ายหมา ถ่ายเสื้อผ้า รองเท้า ยานพาหนะ เป็นต้นครับ โดยสามารถเลือกเปิดปิดได้จากไอคอนด้านข้างชัตเตอร์กล้อง
แต่จุดเด่นจริงๆ ของ Galaxy S10 อยู่ที่วีดีโอครับ ด้วยทาง Samsung ให้แนวคิดว่า การใข้วีดีโอจะเข้ามาเป็นมาตรฐานอีกสิ่งที่สำคัญในยุคปัจจุบัน จึงต้องมีการพัฒนาการถ่ายวีดีโอให้โดดเด่นมากขึ้นด้วย
Samsung Galaxy S10 ได้เพิ่มโหมดกันสั่น Super Steady ให้ได้อารมณ์กล้อง Action camera มากขึ้นครับ เป็นระบบการถ่ายวีดีโอในเชิงเคลื่อนไหว จากที่ลองใช้ ระบบกันสั่นให้อารมณ์เหมือนไม้กันสั่นกิมบอล ซึ่งยังไงก็ไม่นิ่งเท่านะครับ แต่นับว่าดีมากแล้วเมื่อเป็นการถ่ายวีดีโอจากมือถือเพียวๆ
และ Galaxy S10 และ S10+ เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลก ที่รองรับการถ่ายวีดีโอในแบบ HDR 10+ ซึ่งเป็นไปตามเทคโนโลยีของหน้าจอของมันเลยครับ แสดงผลได้ต้องสร้างคอนเทนต์ได้เองด้วยด้วย และในโหมด Super Slow-mo ก็สามารถถ่ายได้นานขึ้นสองเท่า และตัดต่อตกแต่งตัววีดีโอได้ด้วยตัวมันเองเลย
ในส่วนของกล้องหน้า ก็อลังการครับ เพราะ S10 และ S10+ เป็นเครื่องที่สามารถถ่ายภาพวีดีโอ 4K ด้วยกล้องหน้าได้! และเป็นกล้องหน้าที่ใช้พิกเซลแบบ Dual pixel เครื่องแรกของโลกเช่นกัน
โดยในรุ่น S10 และ S10e จะใช้กล้องหน้าตัวเดียวนะครับ แต่ S10+ จะมีกล้องหน้าตัวที่สอง สำหรับใช้วัดความลึก ทำหน้าชัดหลังเบลอได้ดีขึ้น โดยมีซอฟท์แวร์ที่เพิ่มลูกเล่นเช่นการทำโปเก้หมุน หรือระเบิดซูมได้ ตัดสีพื้นหลังทิ้งได้ ในโหมดการถ่ายแบบไลฟ์โฟกัส
ระบบภายในเครื่อง ใช้ระบบ Android 9 ตัวใหม่ ครอบทับด้วย One UI ซึ่งเป็นอินเตอร์เฟซตัวล่าสุดของ Samsung ด้วยเช่นกันครับ ซึ่ง UI ตัวนี้ เรียบๆ ง่ายๆ เน้นการใช้งานได้ด้วยมือเดียวครับ
โดยรวมแล้วสิ่งที่ชอบมากๆ ก็คือการไปให้สุดกับหน้าจอของมันครับ จอสวย สีสวย และชิดขอบแบบชิดจริงๆ เครื่องดูเล็กมาก สีสันตัวเครื่องก็สวยครับ ผมชอบสีปรึซิมสีขาวครับ ดูเด่นตั้งแต่แรกจับ
คุณภาพกล้องโดยรวมก็ยังคงติดระดับท็อปครับ ไม่ด้อยไปกว่าใคร ใช้งานได้ในทุกสถานการณ์เพราะมีเลนส์ซูม เลนด์ไวด์ ครบทั้งสามระยะในกล้องเดียว และคุณภาพดีครับ
ภาพในอาคารแสงน้อยก็ยังถ่ายได้สบาย
ก็ขอเป็นรีวิวแรกสัมผัสเรียกน้ำย่อยกันก่อนนะครับสำหรับบทความนี้ ส่วนตัวอย่างภาพถ่ายและผลการใช้งานแบบเต็มๆ ก็ติดตามได้ในรีวิวปิดท้ายของ AppDisqus แต่ขอทดสอบใช้งานจริงกันสักอาทิตย์ก่อนนะครับ แล้วจะกลับมาเล่าประสบการณ์จริงในการใช้งานให้ได้รู้กัน แล้วเจอกันนะครับ ^^