จะเชื่อหรือไม่ว่าหนึ่งในเกมที่ประกาศลง Nintendo Switch คือเกม Dragon Quest 11 เพราะในงานเปิดตัวผู้สร้างเกมบอกว่าเกมจะออกบน Nintendo NX ที่เป็นชื่อรหัสของ Switch และหลังจากรอมาหลายปีในที่สุด Dragon Quest 11 S สุดยอดเกม RPG ก็ได้ออกบน Nintendo Switch จนได้
โดยเกม Dragon Quest 11 ต้นฉบับออกครั้งแรกบน PS4 และมีการออกเวอร์ชั่น 3DS และหลังจากนั้น 1 ปีก็ได้ออกเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษพร้อมเพิ่มเสียงพากย์ และบน Nintendo Switch ถือเป็นรอบที่สามแล้วสำหรับเวอร์ชั่นคอนโซล ที่กลับมาให้เล่นอีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าแฟนซีรีส์ RPG ในตำนานคงจะเล่นมาหลายรอบแล้วรวมทั้งผู้เขียนเองเพราะจบมา 3 รอบแล้ว โดยเวอร์ชั่น Nintendo Switch จะมีชื่อยาวๆเต็มๆว่า Dragon Quest XI S: Echoes of an Elusive Age Definitive Edition ก็ได้ออกมาให้เล่นเสียที
กราฟิกเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือโหมด 2D
รูปแบบของกราฟิกเบื้องต้นคือเกม 3D ที่สร้างกราฟิกโดย อันเรียล 4 ที่เครื่อง Nintendo Switch รองรับพอดีทำให้การพอร์ททำออกมาได้ง่ายดายมาก และผู้สร้างตั้งใจและใช้เวลาในการสร้างเกมเต็มที่ทำให้การย้ายมาลงเครื่องลูกผสมทำได้ยอดเยี่ยมแทบไม่แตกต่างจาก PS4 แน่นอนว่าความละเอียดไม่เท่า รายละเอียดของเกมก็ลดลงแต่หากไม่สังเกตดีๆก็แทบไม่เห็นเลย เรียกว่าเป็นเกมที่ย้ายมาจาก PS4 มาลง Switch ที่ทำได้ดีที่สุดเกมหนึ่งในตอนนี้ และการเล่นในโหมดพกพาก็ยังถือว่าทำได้ดี ไม่ได้ดูตัวอักษรยากทุกอย่างอยู่ในระดับดี
ส่วนที่เพิ่มมาคือกราฟิกในการเล่นในโหมด 2D ที่ใช้แบบดอทพิกเซล แบบเดียวกับยุค Super Famicom ที่ไม่ได้ยกมาจากเวอร์ชั่น 3DS สักทีเดียว เพราะมีการปรับปรุงใหม่ให้เข้ากับหน้าจอของ Nintendo Switch ที่มีความละเอียดกว่า และทำออกมาได้ดี และเอาใจแฟนเกมยุคเก่า ที่ชอบเกมเพลย์แบบคลาสสิกได้อย่างดี แต่ในโหมด 2D จะไม่มีเสียงพากย์
เพลงประกอบอัพเกรดมาก พร้อมเสียงพากย์ญี่ปุ่น
หนึ่งในข้อเสียเล็กๆของ Dragon Quest 11 บน PS4 เพราะมีการใช้เสียงสังเคราะห์มาเป็นเพลงประกอบ ทำให้แฟนเกมบ่น แต่เวอร์ชั่น Nintendo Switch อัพเกรดมาเป็นออเคสตร้า ที่บันทึกสด จากต้นฉบับที่แต่งโดยคุณ Koichi Sugiyama ทำให้มีความยอดเยี่ยมอย่างมาก และในโหมด 2D ก็ได้เพลงแบบ ออเคสตร้า ส่วนที่โดดเด่นสำหรับบน Switch คือเสียงพากย์ญี่ปุ่นที่ใส่มาเป็นครั้งแรก และผู้เล่นสามารถเลือกเมนูอังกฤษและเสียงญี่ปุ่นได้ด้วย ที่ถูกใจแฟนเกมชาวไทยแน่นอน
เกมเพลย์เหมือนเดิม แต่ก็มีของใหม่
รูปแบบการเล่นของ Dragon Quest 11 S ก็เหมือนเดิมเพราะเป็นเกมพอร์ท ยังเป็นเทรินเบส RPG แบบใส่คำสั่ง และไม่ใช่เรียลไทม์มีการรอ และยังคงสนุกแบบคลาสสิก เพราะเราจะได้วางแผนการเล่นเล่นการใช้คาถา หรือท่าไม้ตาย รวมทั้งการตั้งค่าให้ถูกจังหวะที่เป็นเอกลักษณ์มายาวนาน
เกมภาคนี้จะเห็นศัตรูบนแผนที่ทำให้เดินหลบได้ แต่ในโหมด 2D จะไม่เห็นใช่ระบบสุ่มเหมือนเดิม และในฉากต่อสู้แบบ 3D จะสามารถบังคับเดินได้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยในการต่อสู้ ส่วนของใหม่ในระบบเล็กน้อยในภาค S คือการเพิ่มความเร็วที่บน Nintendo Switch จะเร่งความเร็วขึ้นไปได้อีกถึงระดับ อัลตร้าฟาส และบนฉากแผนที่แบบ 3D จะเห็นตัวละครครบทั้งทีม
ส่วนเรื่องราวหลักๆเหมือนเดิมที่ภาคนี้ถือว่าสนุกและเข้มข้น แถมยังมาพร้อมเสียงพากย์ทั้งอังกฤษและญี่ปุ่นทำให้เราอินกับเรื่องราวได้ดี และสำหรับผู้ที่เล่นไปแล้วหลายรอบก็ไม่ต้องห่วงว่าจะน่าเบื่อ เพราะว่าในเกมมีการเพิ่มเนื้อเรื่องเสริมที่ไม่มีบน PS4 เข้ามาให้เล่น (แต่บอกไม่ได้เดียวสปอยเรื่องหลัก) เรียกว่าการมาคราวนี้คุ้มค่าสุดๆ แถมยังมีชุดพิเศษที่มีเฉพาะบน Switch มาให้เลือกเปลี่ยนด้วย และส่วนที่เพิ่มมาอีกคือสัตว์ที่ผู้เล่นสามารถขี่ใช้เป็นยานพาหนะได้จะมีจำนวนชนิดเพิ่มมากกว่าบน PS4 เข้ามาด้วย เรียกว่าพิเศษใส่ไข่เอาใจแฟนๆสุดๆ
สรุปแล้วการมาบน Nintendo Switch ถือว่าคุ้มค่าที่จะเล่นอีกรอบ
การมาอีกครั้งของเกม Dragon Quest XI S: Echoes of an Elusive Age Definitive Edition บน Nintendo Switch ถือว่าไม่ธรรมดาเพราะทีมสร้างเอาใจใส่กับการทำงานครั้งนี้มาก ไม่ได้พอร์ทมาสั่วๆ มีการลงทุนทำให้กราฟิกไม่ได้ด้อยกว่า PS4 มากนัก และยังเสริมด้วยเพลงประกอบที่เอาใจแฟนๆด้วย ออเคสตร้า ที่บันทึกสด และเสียงพากย์ญี่ปุ่นเพิ่มเข้ามา แถมเนื้อเรื่องเสริมเข้าไป และเกมเพลย์ก็ลื่นไหลขึ้น ทำให้มันคุ้มมากๆที่จะเล่นอีกรอบแม้ว่าคุณจะเคยจบไปแล้วหลายรอบก็ตาม ยิ่งถ้าคุณไม่เคยเล่นมาก่อนถือว่าเป็นสุดยอดเกม RPG ที่ไม่ควรพลาด ถือว่าเป็นเวอร์ชั่นสมบูรณ์แบบของเกม Dragon Quest 11 เป็นมากกว่าเกมพอร์ทมาแน่นอน