หูฟังเกมมิ่ง HyperX Cloud Flight S ที่เป็นระบบไร้สาย 100% ทั้งการเชื่อมต่อไร้สายและการชาร์จก็เป็นแบบไร้สายด้วยเช่นกัน พร้อมรองรับการจำลองเสียงรอบทิศทาง 7.1 และใช้ไดรเวอร์แบบไดนามิกขนาดใหญ่ 50 มม. เสียงแนวดุ แต่แน่น ทิศทางหวังพึ่งพาได้ในยามซุ่มเงียบ และสนั่นสะใจในเวลาออกกระสุน ชอบมากเวลาใส่หูฟังตัวนี้แล้วมีใครยิงไรเฟิลอยู่ข้างๆ กระหึ่มได้ใจมาก
หูฟังในเกรดเกมมิ่ง Mid-End จาก HyperX แผนกเกมส่วนหนึ่งของบริษัท Kingston Technology เปิดตัวออกมาพร้อมจำหน่ายในราคาราวๆ 5,xxx บาท เป็นหูฟังที่พร้อมใช้งานได้กับ PC, Notebook รวมถึงเครื่องคอนโซลอย่าง PS4 ได้ด้วย
จุดเด่นคือเป็นหูฟังแบบปิดที่อิสระต่อการเชื่อมต่อแบบสาย 100% เพราะรองรับการชาร์จแบบไร้สายมาตรฐาน Qi-certified สามารถใช้งานกับแท่นชาร์จไร้สายทั่วไปได้ทั้งหมด แต่ทาง HyperX ก็มีผลิตภัณฑ์ที่เข้าชุดกันซึ่งเป็นแท่นชาร์จไร้สายรุ่น HyperX ChargePlay Base ที่เป็นแท่นชาร์จไร้สายความแรงไฟ 10W และสามารถชาร์จสองอุปกรณ์ได้พร้อมกัน ซึ่งเปิดตัวออกมาคู่กันกับเมาส์ไร้สาย HyperX Pulsefire Dart ที่รองรับระบบชาร์จไร้สายด้วยเช่นกัน มากันเป็นชุดคอมโบถ้าจะหามาใช้แบบครบเซ็ต
ซึ่งตัวชาร์จ ChargePlay Base มันก็เป็นแท่นชาร์จไร้สาย Qi ฉะนั้นเราอาจจะใช้คู่กันกับเมาส์ที่รองรับหรือนำมาใช้เป็นแท่นชาร์จสมาร์ทโฟนไปคู่กันก็ได้ครับ ไม่ได้จำกัด แค่ให้เป็นมาตรญาน Qi ด้วยกันก็พอ
*เมาส์เกมมิ่งไร้สาย HyperX Pulsefire Dart และแท่นชาร์จไร้สาย ChargePlay Base
ตัวหูฟังหมูนได้ 90 องศา ก้านเลื่อนแกนโลหะแบบปรับได้ ที่ครอบหูเป็นวัสดุสังเคราะห์ยืดหยุ่น และบุภายในด้วยเมมโมรีโฟมของทาง HyperX ที่ออกแบบมาเป็นเอกลัษณ์เฉพาะ มีความนุ่มไม่กดทับหู เน้นการใช้งานในระยะยาว ตัวไมโครโฟนสามารถปรับระดับและถอดออกได้ พร้อมมีไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน ตัวไมค์ควบคุมเสียงได้ดี เวลาเราเผลอตะโกนใส่เพื่อนเสียงไม่แตกครับ
ปุ่มควบคุมบนแป้นหูฟังสี่ปุ่ม และยังเป็นพื้นที่รับไฟชาร์จแบบไร้สาย Qi ด้วยครับ วางด้านมีปุ่มลงไปยังแท่นชาร์จได้เลย หรือถ้าต้องการชาร์จแบบเสียบสาย ตัว Cloud Flight S ก็รองรับการชาร์จไฟผ่านพอร์ท Micro USB ได้ด้วยเช่นกันนะครับ มีอายุการใช้งานบนแบตเตอรี่เต็ม 100% ได้ข้ามวันสบายๆ ครับ โดยตามสเปคแล้วมันสามารถใช้งานได้นานถึง 30 ชั่วโมง แต่ผมไม่เคยใช้มันได้จนแบตหมดสักครั้ง เพราะตัวผมแบตหมดก่อนทุกที – –
ในการเชื่อมต่อ มันใช้การเชื่อมต่อแบบไร้สาย 2.4 GHz ระหว่างตัวหูฟังและตัวรับสัญญาณที่เป็น USB Dongle ระยะการใช้งานจากที่ทดสอบ สามารถอยู่ในขอบเขตประมาณ 20 เมตรได้เลยครับ แต่ยิ่งใกล้ยิ่งเสถียรและไม่มีความหน่วงของเสียงใดๆ ในการเล่นเกมหรือฟังเพลงดูหนัง
ยังมีระบบที่จำลองเสียงแบบรอบทิศทาง 7.1 สำหรับใช้รับรู้ทิศทางในเกมสร้างข้อได้เปรียบ โดยเราสามารถทำการเปิดปิดระบบเสียง 7.1 ได้บนตัวหูฟังเอง ซึ่งรุ่นนี้ส่วนใหญ่สามารถควบคุมได้ด้วยตัวหูฟังเองครับ เพราะว่านอกจากปุ่มเปิดปิดฟังก์ชั่น 7.1 ในตัวแล้ว ก็ยังมีล้อสำหรับการปรับระดับเสียง และปุ่มอิสระ 4 ปุ่ม ที่กำหนดการทำงานได้ตามใจเราเองจากโปรแกรมควบคุมตัวเก่งของอุปกรณ์ HyperX อย่าง NGENUITY นั้นเองครับ
โดยบนตัวหูฟังก็จะประกอบด้วย
- ปุ่ม Power เปิดปิด
- ปุ่มเปิดปิดโหมดเสียงรอบทิศทาง 7.1
- พอร์ท Micro USB สำหรับการชาร์จแบบเสียบสาย
- พอร์ทไมโครโฟน 3.5 พร้อมไมโครโฟนที่มี LED แจ้งสถานะการเปิดปิดไมค์
- ล้อปรับระดับเสียง
- ปุ่มควบคุม 4 ปุ่ม ตั้งค่ากำหนดการใช้งานได้อิสระ
- ส่วนแผนรับไฟชาร์จ Qi อยู่ด้านในหูฟังด้านซ้ายมือ
โดยตัวโปรแกรมจะทำการตรวจจับและปรับการทำงานเสียงรอบทิศทางให้เข้ากันกับเกมที่เรากำลังได้โดยอัตโนมัติด้วยนะครับ โดยจะเห็นว่าถูกปรับมาให้รองรับเกมแนว FPS ตัวหลักๆ ไว้เลยครับ
ปุ่มสี่ปุ่มจะปรับได้อิสระ เราอาจจะใช้ในการเป็นปุ่มเล่นเพลงหยุดเพลง ปุ่มปิดเสียง MUTE หรือจะเป็นปุ่มเปิดปิดการใช้งานไมค์โครโฟนก็ได้เช่นกันครับ
โดยตัวหูฟังจะมีฟังก์ชั่นเพิ่มเติมมากมายเลย ในเวลาใช้งานร่วมกันกับโปรแกรม NGENUITY ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดค่าเสียง GAME-CHAT Balance ที่กำหนดความสำคัญของเสียงได้ว่า ต้องการเน้นเสียงจากในเกม หรือเน้นเสียงการแชตเป็นสำคัญครับ โดยจัดแบ่งความชัดเจนได้เป็นระดับ
โปรแกรม HyperX NGENUITY เป็นโปรแกรมตัวหลักของอุปกรณ์เกมมิ่งจาก Hyper X นะครับ มันคอยเป็นศูนย์กลางการควบคุมอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นตัวกำหนดค่าต่างๆ ของทั้งเมาส์ หูฟัง แผ่นรองเมาส์ อัพเดทระบบ แจ้งสถานะแบตเตอรี่ รวมถึงกำหนดสีสันต่างๆ ของไฟ ถ้าอุปกรณ์เหล่านั้นมีการแสดงแสงไฟ RGB นั้นเองครับ แต่สำหรับหูฟัง Cloud Flight S ดูจะเป็นหูฟังเกมมิ่งที่ค่อนข้างเรียบร้อย เพราะตัวมันไม่มีไฟสีสันแรงๆ อยู่เลย มีเพียงไฟสถานะเปิดปิดการทำงานเท่านั้นเอง
และยังมีโหมด Side-Tone เป็นฟังก์ชั่นสำหรับการเปิดรับเสียงรอบตัว เพื่อให้ยังคงสนทนากับผู้คนรอบข้างและใช้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวด้วยเสียงที่เร็ดลอดเข้ามาได้บ้างผ่านทางไมค์ของเราอยู่นั้นเองครับ (เผื่อแม่เรียกไปซื้อกับข้าว ^^) ฟังก์ชั่นเหล่านี้สามารถใช้งานได้โดยการเปิดปิดในโปรแกรม NGENUITY และยังกำหนดให้เปิดปิดการใช้งานผ่านปุ่มบนตัวหูฟังได้
แนวเสียงออกแนวแน่น เสียงสูง กลาง และต่ำมาครบ เน้นความละเอียดชัดเจน รายละเอียดของการขยับเล็กๆ น้อย ได้ยินแบบมีมิติไกล เบา หนัก แน่น ใครชอบหูฟังมิติเสียงดีๆ ตัวนี้ใช้ได้เลยครับ รวมถึงความหนักเวลาลั่นกระสุนแล้วให้มีความต่างของขนาดกระสุนและชนิดปืนชัดๆ ตัวนี้ทำได้ดีทีเดียว
สรุปท้ายรีวิว
HyperX Cloud Flight S หูฟังไร้สายเกรดเกมมิ่ง เสียง 7.1 ทิศทางแม่น เสียงมีมิติความหนักหน่วง เหมาะกับการเล่นเกมแอคชั่นมากเลยครับ มีฟังก์ชั่นในการควบคุมระดับเสียงได้แบบครบวงจร GAME-CHAT Balance ปรับบาลานส์ระหว่างการแชทและเสียงในเกมได้อิสระ รวมถึงเปิดรับเสียง Side-Tone จากเหตุการณ์รอบตัวไปได้ด้วย แม้เป็นหูฟังแบบปิดที่แทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเล็ดรอดเข้ามาเลย แต่ก็ไม่ได้หลุดไปในโลกส่วนตัวแบบ 100% เพราะระบบ Side-Tone นั้นเองครับ
ทุกอย่างกำหนดไว้ได้ด้วยปุ่มอิสระสี่ปุ่มบนตัวหูฟัง ไม่ต้องคอยเข้าๆ ออกๆ ไปปรับแต่งเสียง ทำให้ผู้ใช้งานมีความคล่องตัวสูง และยังเป็นระบบไร้สายแบบ 100% ทั้งการเชื่อมต่อและการชาร์จ Qi ไม่จำเป็นต้องเสียบสายใดๆ ให้ดูรุงรังเลยครับ
งานออกแบบเป็นหูฟังที่ใส่สบาย ใส่ได้นานๆ เพราะเมมโมรี่โฟมรองรับค่อนข้างนิ่มสบาย และคล่องตัวมากในการใช้งาน