RAZER BLACKSHARK V2 PRO นับเป็นพี่ใหญ่ของ V2 Series ด้วยการเชื่อมต่อพลังเสียงไร้สาย และรองรับแบบเสียบสาย พร้อมระบบเสียง THX Spatial ในตัว สมบูรณ์แบบมากสำหรับใช้ในการเล่นเกม ดูหนัง และฟังเพลงด้วยครับ
จากที่ลองใช้ RAZER BLACKSHARK V2 PRO ต้องบอกเลยว่าเป็นหูฟังที่ความสามารถเยอะมาก จากสามองค์ประกอบร่วมกัน นั้นคือตัวหูฟังเองที่เป็นเรือธงคุณภาพสูง บวกกับซอฟแวร์ Razer Synapse 3 ซึ่งเป็นตัวใหม่ที่เข้ามาปรับแต่งตัวหูฟังและไมค์ของตัวหูฟังได้ละเอียดมากๆ และสุดท้ายคือระบบเสียง THX Spatial ที่เป็นระบบเสียงที่อัพเกรดขึ้นไปจากเซอร์ราวด์ 7.1 ซึ่่งรองรับการทำงานร่วมกันกับเกมระดับ AAA ชื่อดังมากมายเลยครับ จูนมาเป็นพิเศษจนมีความได้เปรียบ ยกตัวอย่างเช่นลดระดับของเสียงระเบิดแต่เด่นชัดในเสียงการเคลื่อนไหวของศัตรู งานนี้ผู้ผลิตเกมออกมาการันตีเลย ว่าแนวเสียงของมันเข้าทางผู้เล่นได้ดีจริงๆ ^^
คุณสมบัติของตัวหูฟัง RAZER BLACKSHARK V2 PRO
หูฟังที่ใช้ไดรเวอร์ Razer TriForce Titanium ขนาด 50 มม. ไดร์เวอร์พรีเมี่ยมเป็นตัวเดียวกับ Razer BlackShark V2 รุ่นก่อนซึ่งเป็นหูฟังที่คว้ารางวัลระดับโลกมาแล้วเพียบครับ แต่ตัวใหม่อัพเกรดขึ้้น ซับซ้อนขึ้น ด้วยการออกกแบบห้องลำโพงที่แยกสามย่านเสียง แหลม เบส และย่านความถี่กลาง แบบแยกแต่ละส่วน
ดีไซน์แป้นครอบหูแบบปิด ใช้ผ้าหุ้มที่ให้สัมผัสนุ่ม คล้ายหนัง แต่ทำด้วยผ้าจึงไม่อัพไม่เปื่อยรุ่ยง่ายๆ วัสดุนี้เรียกว่า ผ้าทอแบบ FlowKnit ภายในเป็นเมมโมรี่โฟมทั้งส่วนที่ครอบหูและรองศีรษะ ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดีครับ
มีน้ำหนักเบา 320 กรัม โครงโลหะหยืดหยุ่น เสริมด้วยตัวครอบพลาสติกสีดำด้าน ดูมีความทนทาน ตัวหูฟังทั้งหมดของรุ่นนี้จะเป็นสีดำ Classic Black ทั้งหมดนะครับ
ใช้ไมค์รับเสียงที่ถอดออกได้ ขนาดไดอะเฟรม 9.9 มม เป็นไมโครโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด HyperClear Cardioid Microphone ตัวไมค์ออกแบบให้ด้านหลังเป็นช่องระบาย รับเสียงด้านหน้า ตัดเสียงด้านหลังและด้านข้าง เสียงพูดชัดมากๆ แถมเสียงหล่อเลยละ ^^ ตัดเสียงก็อย่างดีครับ มาตะโกนอยู่โต๊ะข้างๆ แทบไม่มีเล็ดรอดเข้ามา สื่อสารได้แม่นเป๊ะ พร้อมปุ่มปิดไมค์แบบอนาล็อกบนตัวหูฟัง
สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้สองทางนะครับ ผ่านแจ็คเสียง 3.5 มม. และผ่านตัวรับส่งสัญญาณไร้สาย 2.4GHz ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Razer HyperSpeed Wireless Technology 2.4GHz รับส่งสัญญาณเสียงได้เร็ว ไม่หน่วงเลยครับ ภาพและเสียงมาตรงทั้งการดูหนังและการเล่นเกม รองรับการใช้งานได้กับ PC, Mac, PS4 และ Nintendo Switch
มีปุ่มหมุนปรับระดับเสียง และปุ่มพาวเวอร์ที่ใช้เปิดปิดหูฟังพร้อมใช้งานในการควบคุมการเล่นไฟล์มีเดียได้ กดหนึ่งครั้งเพื่อหยุดและเล่นต่อ กดสองครั้งเป็นการย้อนกลับ และกดสามครั้งเป็นการข้ามไปแทร็คถัดไป พร้อมพอร์ทชาร์จไฟแบบ Micro USB พร้อมไฟแสดงสถานะ
การใช้งานที่ทดสอบใช้ เราสามารถเปิดใช้งานในระบบไร้สายต่อเนื่องกันได้มากกว่า 20 ชั่วโมงเลยครับ แบตเตอรี่ค่อนข้างใช้พลังงานน้อยมากแม้จะเปิดระดับเสียงไว้เกินกว่าครึ่ง สวมใส่ค่อนข้างสบาย แรงบีบแน่นแนบหูแต่ตัวเมมโมรี่โฟมซับไว้ให้นุ่มนวล ใส่นานๆ ไม่ร้อนด้วยเพราะวัสดุไม่อัพครับ
เป็นหูฟังแบบปิดที่เสียงภายนอกไม่เล็ดรอดเข้ามา แทบจะปิดเสียงภายนอกสนิทเลยครับเวลาสวมใส่
อุปกรณ์ภายในกล่องมีมาให้พร้อมสรรพ ทั้งตัวหูฟัง, ไมโครโฟน HyperClear Cardiod, สายชาร์จ Micro USB, สายหูฟัง 3.5 มม. , และตัวรับสัญญาณ USB HyperSpeed Wireless Technology 2.4GHz พร้อมถุงผ้าสำหรับเก็บหูฟังด้วย
ระบบเสียง THX Spatial Audio
THX Spatial เป็นเทคโนโลยเสียงรอบทิศทางแบบ 360 องศา โดยในรุ่น Razer BlackShark V2 Pro เป็นชุดหูฟังที่ออกแบบระบบมาให้รองรับการใช้งานได้ทันทีที่ลงไดร์เวอรร์และเปิดใช้งานผ่านโปรแกรม Razer Synapse 3 มันเป็นระบบเสียงเซอร์ราวด์ที่พิเศษมากครับ เพราะเรากำหนดทิศทางได้เองและทดสอบผลได้แบบเรียลไทม์
เราสามารกำหนดระยะขอบเขตและทิศทางของเสียงทั้ง 8 แชนเนลของมันได้ เปิดปิดเทียบแนวเสียงตามที่เราต้องการ มีพรีเซ็ตออกแบบมาให้เหมาะทั้งการเล่น ดูหนัง และฟังเพลง โดยสามารถจับคู่โปรแกรมที่จะให้ตัวระบบเปิดพรีเซ็ตเสียงที่เข้ากันได้โดยอัตโนมัติ
เมื่อเชื่อมต่อหูฟังเข้ากับ PC ที่ลงไดร์เวอรร์เรียบร้อยแล้ว จะเห็นอุปกรณ์ใหม่สองตัวขึ้นมาครับ โดยจะเป็น Razer BlackShark V2 Pro และอุปกรณ์ THX Spatial Audio ถ้าต้องการเปิดฟังก์ชั่น THX ให้เลือกใช้โปรไฟล์อุปกรณ์ THX Spatial Audio เอาไว้ครับ
ซึ่งที่พิเศษของระบบเสียง THX Spatial ก็คือ ” Game Profile ” มันมีการออกแบบโฟรไฟล์เสียงที่เหมาะสมกับเกมชื่อดังเอาไว้เป็นพิเศษให้แล้วหลายเกม แค่ตรวจพบว่ามีการรเปิดเกมเหล่านั้น โปรไฟล์เสียงที่ THX ออกแบบไว้ก็จะเปิดการทำงานให้เราทันทีครับ
ตัวอย่างเกมที่รองรับ THX Spatial Audio with Game Profiles
- Apex Legends
- Destiny 2
- Tom Clancy’s Rainbow Six Siege
- Battlefield 1
- Doom Eternal
- Red Dead Redemption 2
- Call Of Duty: Warzone
- Final Fantasy: XIV
- Resident Evil 2
- Call of Duty: Black Ops
- Half Life: Alyx
- Sekiro: Shadows Die Twice
- Call of Duty: Modern Warfare
- Metro Exodus
- Tom Clancy’s Division 2
- CS:GO
- Monster Hunter: World
- Valorant
- และอื่นๆ
THX Spatial Audio จากที่เปิดใช้งาน ยอดเยี่ยม ทิศทางชัดเจนครับ ด้วยเพราะมันทดสอบระบุตำแหน่งได้แบบเรียลไทม์ ทดสอบกับไฟล์ภาพยนตร์แบบ 7.1 ทิศทางเสียงรอบตัวกระจายเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ มันครับหูฟังตัวนี้กับระบบที่มีมาให้ ทั้งภาพยนตร์และเกม โดยเราสามารถเข้าถึงโปรไฟล์ที่ปรับแต่งได้เองด้วยนะครับ ถ้าต้องกาปรับให้เหมาะกับแนวเสียงโปรดกับเกมโปรดของเรา
โปรแกรม Razer Synapse 3 ทุกสิ่งเข้าถึงได้ด้วยโปรแกรมเดียว
Razer Synapse 3 เป็นโปรแกรมศูนย์รวมการจัดการอุปกรณ์ของ Razer ทั้งหมดในตัวเดียวครับ ครบวงจร ซึ่งผมจะบอกว่าใครที่ใช้หูฟังตัวนี้ (รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ ของ Razer) ต้องติดตั้งไว้เท่านั้นครับ ห้ามพลาด เพราะความสามารถของอุปกรณ์เราจะอยู่ที่โปรแกรมตัวนี้แทบทั้งหมด
ในโปรแกรม Razer Synapse 3 เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด ที่ภายในมีการตั้งค่าเสียง THX Spatial Audio ให้เรากำหนดโปรแกรมและเกมต่างๆ ว่าเราต้องการใช้งานโหมดเสียงลักษณะใด รวมถึงเช็ครายชื่อเกมที่รองรับ THX Spatial Audio with Game Profiles ได้ด้วยในหน้า Mixer ครับ
การปรับแต่งเสียงที่อิสระมาก ในหน้า Enhancement ปรับแต่ง EQ ตามที่ต้องการได้ แต่ที่น่าสนใจคือ Bass Boost เพิ่มความหนักแน่นของเสียงย่านต่ำเพิ่มเติมได้
และการปรับแต่งเสียง Normalization สำหรับการลดเสียงที่อึกทึกเกินไปในระหว่างการเล่นเกม เช่นลดเสียงระเบิดลงในเกม เพื่อจะได้ยินเสียงฝีเท้าผู้เล่นอื่นได้ง่ายขึ้น
และ Voice Clarity สำหรับเพิ่มความชัดเจนของเสียงสนทนาที่เข้ามายังหูฟังของเรา ลดเสียงฟุ้งและเสียงรบกวน ให้เราได้ยินเสียงของเพื่อนได้ชัดมากขึ้นครับ
ทุกโหมดในหน้านี้ให้เราทำการปรับแต่งและเห็นผลได้แบบเรียลไทม์เลย ฉะนั้นง่ายเลย ที่จะหาแนวเสียงจากหูฟังที่ถูกใจเราครับ
นอกจากปรับเสียงหูฟังแล้ว ยังรองรับการปรับแต่งเสียงมันของมันในโปรแกรม Razer Synapse 3 ด้วยนะครับ ในหน้าการตั้งค่า Mic
นอกจากจะปรับความดังของการรับเสียงของไมค์ได้แล้ว มันยังมีการตั้งการกรองเสียงรบกวนได้ด้วย Voice Gate เหมือนการตั้งค่า Lo-cut ในไมค์สตูดิโอเลยครับ ปรับระดับย่านเสียงที่ไม่ต้องการทิ้งไปโดยการกำหนดได้ด้วยตัวเอง
Volume Normalization และ Vocal Clarity จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าระดับเสียงเอาต์พุตจากเราไปถึงปลายทาง จะเป็นระดับเสียงที่สม่ำเสมอแม้เราจะเผลอตะโกน โดยระบบจะการลดเสียงที่ดังขึ้นกะทันหัน หรือพูดใกล้ไมค์หรือไกลไมค์ โดยจะรับเสียงให้ราบเรียบนุ่มนวลในการเสียงสนทนาของเรา
และ Ambient Noise Reduction คือการปรับระดับการลดเสียงรบกวนรอบข้างนั้นเองครับ
และะสุดท้ายคือปรับระดับ Sidetone เพิ่มหรือลดเพื่อให้เราได้ยินเสียงตัวเองจากไมค์เท่านั้น หรือจากเสียงพูดปกติของเราด้วยครับ เป็นการลดอาการพูดแล้วไม่ได้ยินเสียงจริงตัวเองจนพูดยานครางผิดจังหวะ เจ้าตัวนี้แก้ได้ด้วยครับ
และสุดท้ายคือ Power การกำหนดให้ตัวหูฟังปิดการทำงานเมื่อไม่ใช้งานเป็นระยะเวลาหนึ่ง
สรุปท้ายรีวิว
Razer BlackShark V2 Pro + THX Spatial Audio + Razer Synapse 3 หูฟังตัวนี้จึงมากกว่าแค่การใช้ฟังครับ ระบบไมค์มันก็สุดยอดด้วยเช่นกัน ตั้งค่าได้เหมือนไมค์สตูดิโอด้วยตัวมันเอง ระบบเสียงรอบทิศทางก็เป็นระดับสูงที่กำหนดได้ชัดเจน และมีเกมที่รองรับการใช้งานโดยการปรับจูนมาเป็นพิเศษ คุณภาพเสียงหนัก แน่น และเป็นระบบไร้สายที่แทบไม่มีความหน่วงของเสียง
ยอดเยี่ยมทั้งตัววัสดุ คุณภาพเสียง ระบบเสียงรอบทิศทางที่เห็นผลชัดเจน เทคโนโลยีซอฟท์แวร์ที่เข้าถึงความสามารถของอุปกรณ์มากที่สุด ทั้งขาเข้าของเสียงและขาออกของเสียงด้วยไมโครโฟน เจ้าตัวนี้สุดยอดทั้งสองด้านเลยครับ
ราคาจำหน่ายปลีกอยู่ที่ 179.99 ดอลลาร์ ผ่านหน้าเว็บไซต์ Razer.com และเปิดจำหน่ายผ่านผู้แทนอย่างเป็นทางการ พร้อมการรับประกันนานสองปีครับ ถือว่าเป็นหูฟังที่ใช้งานได้รอบด้านความบันเทิง ดูหนังก็ดี ฟังเพลงก็ได้ และยิ่งถ้าเป็นการเล่นเกมแล้วละก็ นอกจากเสียงดีแล้วยังเพิ่มความได้เปรียบให้เราอีกจากโพรไฟล์เสียงที่ผู้พัฒนาเกมยังเอ่ยปากชม ^^