ปีใหม่ใกล้เข้ามาทุกขณะแล้ว ช่วงเวลาแห่งการหาของขวัญก็เริ่มต้นขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน หลายๆ คนกำลังมองหาของขวัญทางเลือกพิเศษที่นอกจากจะอินเทรนด์แล้วก็ต้องมีประโยชน์กับผู้รับทางด้านร่างกายและจิตใจด้วย และเนื่องจากปัจจุบันนี้บ้านเราเข้าสู่ยุคของการดูแลสุขภาพกันแล้ว ชาว IT อย่างพวกเราอย่าได้น้อยหน้าสายรักสวยรักงาม เราต้องก้าวพ้นคำว่าเด็กเนิร์ด IT ที่อาจมีภาพลักษณ์อ้วนฉุลงพุงเพราะชอบนั่งแต่หน้าคอมพ์มาเป็นหนุ่มสาว IT คุณภาพที่มาพร้อมสุขภาพดีและหุ่นที่น่ามองกัน
อเล็กซ์เขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับเพื่อนๆ ชาว IT เองที่กำลังมองหาของขวัญดีๆ ให้ตัวเองเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ที่แข็งแรงขึ้นกว่าเดิม หรือกับใครก็ตามที่กำลังมองหาของขวัญให้กับแฟนหนุ่ม/สาวที่อาจชื่นชอบ IT เป็นชีวิตจิตใจของคุณ หรือแม้แต่คุณพ่อ คุณแม่ และผองเพื่อนที่อาจจะอยากมีตัวช่วยในการกระตุ้นให้รักสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น วันนี้เรามี 6 สินค้า IT เพื่อสุขภาพที่จะเปลี่ยนแปลงคุณเป็นนิวยูเพื่อต้อนรับนิวเยียร์มาฝากชาว APPDISQUS กัน
ใครบอกว่าชาว IT จะสุขภาพดี หุ่นดี มีความสุขไม่ได้ ในเมื่ออเล็กซ์เคยทำได้แล้ว ก็เชื่อว่าเพื่อนๆ ชาวๆ IT ที่น่ารักประจำ APPDISQUS ทุกคนก็จะต้องทำได้เช่นเดียวกันครับ =)
[section label=”Apple Watch” anchor=”apple-watch”]1. APPLE WATCH
(ระบบปฏิบัติการ WatchOS ใช้ได้กับ iPhone)
Apple Watch Sport ถือเป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับชาว iOS ที่อยากจะเริ่มหาอุปกรณ์ IT มาช่วยเหลือเราในการดูแลสุขภาพและรูปร่างของตัวเอง ด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว และการใช้งาน GPS ที่อ้างอิงต่อมาจาก iPhone ของคุณอีกต่อหนึ่งนี้เองที่ทำให้เจ้าสมาร์ทวอชต์ตัวนี้สามารถตรวจจับกิจกรรมของคุณได้ตลอดทั้งวันเพื่อนำมาคำนวนเป็นค่าพลังงานที่เบิร์นไปในแต่ละวันออกมาเป็นข้อมูลให้คุณได้เห็นอย่างชัดเจน แอพพลิเคชั่น Activity เองก็เป็นเหมือนคอมพาเนี่ยนขั้นเทพที่ช่วยให้คุณตรวจสอบเป้าหมายการเคลื่อนไหวและการออกกำลังกายของคุณต่อวันได้ด้วย UI ที่ใช้งานง่ายสุดๆ โดยออกแบบมาเป็นวงแหวน 3 วงต่างสีกัน และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณต้องการออกกำลังแบบจัดๆ และอยากจะตรวจวัดอัตราการเผาผลาญพลังงานของคุณไปได้ แอพพลิเคชั่นอย่าง Workout ก็ช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายที่คุณต้องการนั้นได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการแสดงสถานะแบบเรียลไทม์ว่าคุณเริ่มออกวิ่งมาได้ไกลแค่ไหนแล้ว แคลอรี่ที่เบิร์นไปคือเท่าไหร่ ความเร็วในการวิ่งเฉลี่ยอยู่ที่เท่าไหร่ ระยะเวลาต่อรอบเป็นอย่างไร รวมไปถึงอัตราการเต้นของหัวใจในขณะนั้นด้วย และทันทีที่คุณออกกำลังกายเสร็จ ผลที่ตรวจจับได้จากการออกกำลังกายในแต่ละเซ็สชั่นก็จะถูกส่งตรงไปเก็บไว้ในวงแหวนของแอพพลิเคชั่น Activity พร้อมให้คุณตรวจเช็คย้อนหลังได้ทันที รวมทั้งข้อมูลแทบทั้งหมดนั้นก็ยังถูกส่งต่อไปยัง Health Application บน iPhone / iPad ของคุณเพื่อให้คุณได้ใช้พิจารณาอย่างละเอียดถึงกิจกรรมการใช้ชีวิตของคุณในแต่ละวันด้วย
แต่หากคุณต้องการความละเอียดถึงระดับการแทร็กการทานของคุณ Apple Watch เองก็มีแอพพลิเคชั่นเสริมมากมายออกมารองรับความสามารถนั้นได้เป็นอย่างดี หนึ่งในนั้นคือแอพพลิเคชั่น MyFitnessPal ที่เพิ่งรวมร่างกับ Under Amour แบรนด์เครื่องแต่งการสำหรับคนออกกำลังกายและคนหุ่นดีไปหมาดๆ โดยคุณสามารถล็อกการทานของคุณใส่ MyFitnessPal และเรียกผลการทาน แคลอรี่ที่บริโภคไป แคลที่คงเหลือที่ยังทานได้เพื่อให้ไม่เกินเป้าต่อวัน และข้อมูลอื่นๆ โดยละเอียดมาแสดงบน Apple Watch ของคุณได้อีกด้วย เพราะเหตุนี้ Apple Watch จึงเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ IT สำหรับการออกกำลังกายที่อเล็กซ์เลือกใช้เองเป็นการส่วนตัวครับ
[section label=”Samsung Gear S2″ anchor=”gear-s2″]
2. Samsung Gear S2
(ระบบปฏิการ Tizen ใช้ได้กับ Android แทบทุกรุ่นและกำลังพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับ iOS)
Samsung Gear S2 เองก็ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับชาว Android ในตอนนี้ครับ (ยังไม่รองรับ iOS ในขณะนี้) ด้วยระบบปฏิบัติการที่เป็นของ Samsung เอง (Tizen) จึงอาจทำให้ในช่วงต้นนี้ยังไม่มีแอพพลิเคชั่นให้ใช้งานมากนักในตลาด แต่ต่อไปเมื่อมีการพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับชาว iOS ชึ้นมา โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าเจ้า Gear S2 จะได้รับความนิยมมากขึ้นเยอะพร้อมกับการสนับสนุนจากแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกมากมายอย่างแน่นอน
แต่ถึงแม้จะยังไม่มีแอพพลิเคชั่น 3rd Party มากมายนัก แต่ Samsung Gear S2 เองก็มาพร้อมฟังก์ชั่นพื้นฐานของการเป็นสมาร์ทวอชต์และการเป็นอุปกรณ์เพื่อสุขภาพอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ การล็อกการออกกำลังกายต่างๆ และฟังก์ชั่นอื่นๆ ที่แทบไม่ได้ต่างอะไรไปจากอุปกรณ์สมาร์ทวอชต์ที่สามารถตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจได้แบรนด์อื่นๆ ดังนั้นเจ้านี่จึงเป็นอีกหนึ่งในทางเลือกทีน่าสนใจสำหรับชาว IT ยุคใหม่ทุกคน
[section label=”Moto 360 2nd Gen” anchor=”moto360-2nd”]
3. 2nd Gen Moto 360
(ระบบปฏิบัติการ Android Wear ใช้ได้กับ Android และ iOS โดยใน iOS เปิดใช้งานได้ไม่ทุกฟังก์ชั่น)
อีกหนึ่งแก็ตเจ็ตสำหรับชาว IT ไทยที่สนใจในสุขภาพของตัวเองคือเจ้านาฬิกาสมาร์ทวอชต์ Moto 360 Generation 2 ที่เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้ Android เพราะมันมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android Wear ซึ่งเป็นระบบอย่างเป็นทางการของสมาร์ทวอชต์จากกูเกิล ทำให้เมื่อเทียบกับ Tizen แล้ว ณ ตอนนี้ Android Wear มีแอพพลิเคชั่นเสริมที่ออกมารองรับเยอะกว่าเป็นจำนวนมากจนเรียกได้ว่าเลือกใช้กันแทบไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว ซึ่งแอพพลิเคชั่นเสริมเหล่านี้ก็เป็นเหมือนการติดดาบให้กับตัว Moto 360 Generation 2 เองที่เป็นการเพิ่มความสามารถทางด้านฟิตเนสให้กับมันได้อีกเยอะเลยเช่นเดียวกับเจ้า Apple Watch
Moto 360 Generation 2 มาพร้อมกับฟังก์ชั่นหลักทางฟิตเนสแบบครบครันเช่นเดียวกันตัวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว ตลอดจน GPS แบบบิลด์อินสำหรับรุ่น Sport เพื่อให้คนที่สนใจใช้งานมันทางด้านฟิตเนสได้ประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง ทั้งนี้เจ้า Moto 360 Generation 2 นั้นยังไม่มีขายอย่างเป็นทางการในบ้านเรา แต่ใครที่สามารถหาซื้อเข้ามาใช้ได้ก็รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน ใน APPDISQUS เองตอนนี้แอดมิน LoAxiom ก็ใช้เจ้านี่อยู่ด้วยความแฮปปี้ปรีดาครับ
[section label=”Fitbit Charge HR” anchor=”fitbit-charge-hr”]
4. Fitbit Charge HR
(ระบบปฏิบัติการ iOS, Android และ Windows)
กระโดดข้ามจากแก๊ตเจ็ตลูกผสมที่เน้นการทำในงานส่วนของนาฬิกามากกว่าจะเน้นส่วนของฟังก์ชั่นการออกกำลังกายมาที่อุปกรณ์อีกตัวจาก Fitbit ที่โฟกัสเรื่องของการออกกำลังกายเป็นหลักและการทำงานในส่วนของนาฬิกาสมาร์ทวอชต์เป็นเรื่องรองกันบ้างดีกว่ากับ Fitbit Charge HR สายรัดข้อมือสำหรับนักออกกำลังกายที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์การตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจอัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมง และรองรับการใช้งานทั้งในระบบ iOS Android และ Windows ด้วย โดยเจ้า Fitbit Charge HR นี้เป็นอุปกรณ์สายรัดข้อมือคุณภาพที่แสดงผลกิจกรรมของคุณผ่านทางจอ OLED ขนาดเล็กได้อย่างเป็นระบบระเบียบและละเอียดยิบในคราเดียวกัน แต่หากคุณไม่อยากดูข้อมูลเหล่านั้นผ่านทางทางจอ OLED เล็กๆ ของสายแล้วล่ะก็ FitBit เองก็มีแอพพลิเคชั่นอย่างเป็นทางการให้คุณได้เสพย์ข้อมูลการเคลื่อนไหวของคุณได้ทั้งบนสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์อีกด้วย
เจ้า Fitbit Charge HR นอกจากจะตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจอัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมงแล้วมันยังตรวจวัดว่าร่างกายเรากำลังออกกำลังกายอยู่หรือไม่ได้อย่างอัตโนมัติอีกด้วย นอกจากการออกกำลังกายแล้ว มันจะสามารถตรวจวัดการนอนของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยอัตโนมัติเพื่อให้เราทราบว่าการนอนของเรานั้นเป็นการนอนที่มีคุณภาพขนาดไหนเพื่อวางแผนชีวิตและการพักผ่อนของเราต่อไป
นอกจากนี้ Fitbit Charge HR ยังมาพร้อมความสามารถในการแทร็กก้าวเดินและการเคลื่อนไหวที่แม่นยำมาก จับให้คุณทั้ง Rest Heart Rate และ Active Heart Rate เพื่อนำมาประมวลผลเชิงลึกเป็นข้อมูลของแคลอรี่ที่เบิร์นไปในแต่ละวันทั้งแคลที่เบิร์นตอน RHR และตอน AHR ทำให้คุณได้ข้อมูลการเผลาผลาญที่สามารถนำมาวิเคราะห์ได้อย่างแม่นใจมากทีเดียว ทั้งนี้เสน่ห์ของมันอีกอย่างยังเป็นการตรวจจับการเคลื่อนไหวในแนวตั้งเพื่อนำมาประมวลผลการเดินขึ้นบันไดของคุณได้ด้วย
นอกจาก Apple Watch แล้ว อเล็กซ์ก็เลือกเจ้า Fitbit Charge HR นี่ล่ะครับที่เป็นอุปกรณ์ฟิตเนสคู่ใจ เหตุผลที่เอามาใช้คู่กัน (ใส่คนละมือมานานเกือบๆ ปี แล้ว) ก็เพื่อเอามาปรเมินเพื่อให้ค่าที่ได้นั้นมีความแม่นยำมากขึ้นนั่นเอง และอีกอย่าง Fitbit Charge HR ทำหน้าที่เป็นนาฬิกาสมาร์ทได้ไม่ดีจริง และไม่ชอบหน้าตาของ Fitbit Surge ที่เป็นตัวเน้นนาฬิกาจาก Fitbit ด้วย เลยขอเลือกมีความสุขด้วยกันใส่มันคนละข้อมือเอาก็แล้วกัน
[section label=”POMO 37″ anchor=”pomo-37″]
5. POMO 37
(ระบบปฏิบัติการ iOS / Android)
สมาร์ทวอตช์ที่มีฟังก์ชั่นฟิตเนสก็แล้ว สายรัดข้อมือสำหรับฟิตเนสโดยเฉพาะก็แล้ว หากจะไม่พูดถึงเจ้า POMO 37 นวัตกรรม IT ใหม่ล่าสุดพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจวัดความดันโลหิตเอาไว้ในบทความเพื่อสุขภาพสำหรับชาว IT บทความนี้ด้วยก็คงจะเหมือนขาดอะไรไปอยู่ เพราะเจ้า POMO 37 เท่าที่อเล็กซ์ทราบน่าจะเป็นสายขัดข้อมือไฮเทคเพียงเจ้าเดียวที่ขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการที่สามารถตรวจวัดความดันโลหิตของผู้ที่สวมใส่ได้ แถมราคายังไม่แรง ไม่แพงแซงทางโค้งอีกต่างหาก โดยทาง APPDISQUS เอง (โดยแอดมิน Noppinij) ได้ทดสอบเจ้าตัวนี้เองกับมือแล้วและชื่นชมมันในความแม่นยำในเรื่องของการตรวจวัดความดันโลหิตเอาไว้ด้วย
แต่ทั้งนี้หากไม่พูดถึงการตรวจวัดความดันโลหิตแบบอัตโนมัติตลอดเวลาแล้ว POMO 37 เองดูเหมือนจะเป็นเป็ดไปเสียทุกอย่าง เพราะความสามารถอย่างอื่นที่ใส่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ การตรวจวัดแคลอรี่ที่เบิร์นระหว่างวัน รวมไปจนถึงการตรวจจับการนอนนั้นดูเหมือนจะทำได้ไม่สุดยอดเหมือนเจ้า Fitbit Charge HR นัก (แต่ Charge HR ก็วัดความดันโลหิตไม่ได้นะเออ) และที่ต้องคอมเมนต์เอาไว้ตรงนี้เพิ่มเติมก็คือความแข็งแรงทนทานของมันที่อาจไม่สูงมากนัก ซึ่งจนถึงตอนนี้ POMO 37 ได้ตายจาก APPDISQUS เราไปแล้วในเวลาอันไม่ค่อยจะนานสักเท่าไหร่เลย ซึ่งการจะเป็นอุปกรณ์ Wearable ที่ต้องอยู่บนมือขอผู้สวมใส่และพร้อมทำกิจกรรมโหดๆ ลุยๆ ได้นั้น ความแข็งแรงควรจะมาเป็นอันดับต้นๆ อันนี้อาจจะต้องลองดูในเวอร์ชั่นต่อๆ ไปหากทาง POMO จะมีแผนในการพัฒนาเวอร์ชั่นใหม่ๆ ออกมา
แต่ด้วยสนนราคาที่ไม่แรงมาก (ประมาณ 3500 บาท) อเล็กซ์จึงอดไม่ได้ที่จะนำมันมาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้ใช้เป็นทางเลือกในการเลือกหาอุปกรณ์ IT เพื่อสุขภาพดีๆ เป็นของขวัญให้คุณและคนที่คุณรักในบทความนี้นั่นเอง
[section label=”Fitbit Aria” anchor=”fitbit-aria”]
6. Fitbit Aria Wifi Smart Scale
(ระบบปฏิบัติการ iOS, Android และ Windows)
อีกหนึ่งอุปกรณ์ IT ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่รักสุขภาพคือเครื่องชั่งอัตฉริยะจาก Fitbit (เจ้าของเดียวกับ Fitbit Charge ในอันดับที่ 4 ของเรานั่นเอง) โดยเจ้านี่นอกจากจะสามารถบอกน้ำหนักตัวและมวลกายของคุณออกมาเป็นข้อมูลโดยละเอียดได้แล้วยังสามารถเก็บค่าเหล่านั้นซินค์เข้าสู่แอพพลิเคชั่นของ Fitbit โดยตรงเพื่อให้คุณมอร์นิเตอร์การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวและน้ำหนักมวลกายของคุณได้ตลอดเวลาโดยอัตโนมัติอีกด้วย ทั้งนี้นอกจากการเก็บข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์แล้ว มันยังสามารถบันทึกข้อมูลแยกแบบส่วนตัวให้กับคนได้สูงสุดถึง 8 คนในตัวหน่วยความจำของเครื่องชั่งเองด้วย
หากคุณสนใจแทร็กการเปลี่ยนแปลงของค่ามวลกายต่างๆ รวมทั้งน้ำหนักของคุณ Fitbit Aria ถือเป็นทางเลือกชิคๆ
สำหรับชาว IT ที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว
จบบทความนี้เพื่อนๆ น่าจะพร้อมมุ่งหน้าเดินหาของฝากสำหรับชาว IT เพื่อเปลี่ยนแปลงนิวเยียร์นิวยูกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่อย่างไรก็ตามผมอยากจะฝากเอาไว้นิดหนึ่งว่าอุปกรณ์พวกนี้เป็นเพียงแค่ตัวช่วยเท่านั้นนะครับ ใครที่อยากสำเร็จจริงๆ นั้นต้องอาศัยจิตใจที่พร้อมลุย และการออกกำลังกายอย่างถูกต้องตามหลักการวิทยาศาสตร์การกีฬาด้วย หากใจพร้อมแล้วก็เตรียมวางแผนเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วหยิบเอาอุปกรณ์พวกนี้มาเป็นเพื่อนเพื่อยกระดับการออกกำลังกายให้สนุกตามสไตล์หนุ่มสาวไอทีได้เลย
นอกจาก 6 อุปกรณ์ไอทีข้างต้นแล้ว หากเพื่อนๆ มีอุปกรณ์ใดๆ ต้องการแนะนำอย่าลืมทิ้งข้อความพูดคุยกันเอาไว้ได้ที่กล่องคอมเมนต์ด้านล่างนี้เลยนะครับ