KeyNote จาก Sony ถือเป็นหนึ่งในหัวใจของงาน CES มาตลอดในแต่ละปี และปีนี้ก็เหมือนกันครับ เนื่อจากปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีโต้คลื่นของ Sony มากๆ เจอเรื่องตื่นเต้นมากมายไปหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยอดขายอุปกรณ์ต่างๆ ของตนเองไปจนถึงเรื่องน่าตื่นเต้นท้ายปีจากการโดนแฮ็คระบบเซิร์ฟเวอร์เนื่องจากเป็นสตูดิโอที่ถือลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เจ้าปัญหาเกี่ยวกับผู้นำเกาหลีเหนืออย่าง The Interview งานนี้ AppDisqus ชวนทุกท่านมาฟังสรุปงาน Keynote ของ Sony ที่เหลือเพียง 7 นาทีที่ทาง The Verge ทำขึ้นมาด้วยกันครับ
อ่านบทความบรรยายด้านล่าง
Sony Keynote เลือกเปิดสเตจด้วยการให้ CEO ของ Sony ที่ดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2012 อย่างคุณ Kaz Hirai มาพูดถึงปัญหาการโดนแฮ็คของทาง Sony Pictures Entertainment พร้อมทั้งพูดชื่นชมและให้กำลังใจทีมงาน Sony และทีมพาร์ทเนอร์ต่างๆ ที่ร่วมกันแสดงพลังในการต่อต้านการโจมตีในครั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่า “อิสระแห่งคำพูด อิสระแห่งการแสดงออก และอิสระแห่งการร่วมมือกันนั้นคือหัวใจสำคัญของ Sony และวงการบันเทิงในยุคปัจจุบัน”
จากนั้น Kaz Hirai ก็พูดต่อถึงอุดมการณ์ที่ขับเคลื่อน Sony ไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งว่าไม่เพียงแต่ Sony มุ้งเน้นด้านนวตกรรมใหม่ๆ เพียงเท่านั้น แต่ Sony ยังให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนความรู้สึกไปข้างหน้าอีกด้วย โดย Sony พร้อมแล้วสำหรับการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ต้องการผู้ช่วยในการขับขี่ที่ทันสมัยและดียิ่งกว่าซึ่งเรียกว่า ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) อีกด้วย
Kaz Hirai สานต่อ Keynote ของตนด้วยการพูดถึงคอนเซ็ปท์ประจำปีนี้ของ Sony ที่เรียกว่า Life Space UX ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญกับความบันเทิงโดยไม่ต้องถูกตีกรอบอยู่กับกรอบทีวีหรือขัดจำกัดเดิมๆ และพยายามทำให้มันเหมือนกับกำแพงบางๆ หนึ่งกำแพงมากที่สุด ก่อนจะพูดถึงอีกหนึ่งคอนเซ็ปท์ที่ทาง Sony ขอเรียกว่า Symphonic Light Speaker ซึ่งเจ้านวตกรรมใหม่นี้จะช่วยให้ดนตรีของคุณลื่นไหลไปกับเปลวไฟในโคมไฟน้อยๆ นี้ได้อย่างลงตัวพร้อมพลังเสียงที่ก้องกังวานออกไปทั่วบริเวณ
ประมาณนาทีที่ 3 นาย Kaz Hirai ได้พูดต่อถึงความสำเร็จปีที่ผ่านมาของ Sony โดยยกตัวอย่างความสำเร็จของเครื่องเกม Sony PlayStation 4 ที่สามารถทำยอดขายเฉพาะช่วงวันหยุดที่ผ่านมาได้ถึง 4.1 ล้านเครื่อง และรวมยอดขายตั้งแต่วันเปิดตัวมาจนถึงตอนนี้แล้วสามารถจำหน่ายไปได้ถึง 18.5 ล้านเครื่องด้วยกัน ก่อนจะพูดต่อถึงผลิตภัณฑ์ในกลุ่มกล้องและเลนส์ที่ต่างก็ได้รับคำชื่นชมจากทั้งทางฝั่งผู้ใช้งานจริงและนักวิจารณ์ไปตามๆ กัน และตามมาด้วยประเด็นสุดท้ายของบทบาท Speaker ประจำปีนี้ของตนด้วยการสรุปสั้นๆ ว่าวงการภาพยนตร์เอง Sony ก็มีความภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมากมายเช่นเดียวกัน
ต่อมาหลังจากนั้น คุณ Mike Faluso ก็รับหน้าที่บรรยายต่อบนสเตจ โดยพูดถึงเรื่องของกลุ่มกองทัพโทรศัพท์ 4K ตระกูล Bravia ประจำปี 2015 จาก Sony และนำเอาทีวีรุ่น X900 ซึ่งมีความหนาเพียง 0.2 นิ้ว และบางยิ่งกว่ามือถือ Xperia ในปัจจุบันมาโชว์บนเวทีเพื่อการขยายความคอนเซ็ปท์ Life Space UX อีกด้วย โดยเจ้า X900 นี้ถือเป็นโทรทัศนท์ LCD ที่บางที่สุดในโลก ณ ปัจจุบันนี้ และความสามารถที่น่าสนใจอีกอย่างของเจ้า Bravia 4K Series ประจำปี 2015 คือโปรเซสเซอร์ 4K ใหม่ที่ชื่อว่า X1 ซึ่งจะสามารถอัพสเกลภาพไม่ว่าจะจากกล่องรับสัญญาณทีวีทั่วไปหรือจากเครื่องเล่นแผ่นหนังให้ภาพจากภาพยนตร์หรือรายการเรื่องนั้นๆ กลายความละเอียดระดับ 4K ได้อย่างเนียนตา และนอกจากนี้ เจ้าทีวี Bravia ตั้งแต่ตระกูล 2015 เป็นต้นไปทั้งหมดยังจะมาพร้อมระบบปฏิบัติการณ์ Android ให้ได้ทำตัวเป็นสมาร์ททีวีอย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย (มาพร้อม Google Play และเทคโนโลยี Google Cast ในตัวเลยด้วยนะ) และผู้ใช้งาน Sony SmartWatch อยู่ยังจะได้แอพพลิเคชั่นใหม่เป็นของขวัญเพื่อใช้ควบคุมโทรทัศนท์ผ่านนาฬิกา Smart Watch ของคุณอีกด้วย
ในนาทีที่ 5:30 Mike Faluso ได้มอบหน้าที่ต่อให้กับทีม Netflix คุณ Greg Peters ได้ขึ้นมาพูดถึงเรื่องพาร์ทเนอร์ชิปและอุดมการณ์ของ Netflix และสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไประหว่าง Netflix และ Bravia ซึ่งก็คือการเปิดให้ผู้ใช้งาน Bravia สามารถสตรีมรายการและภาพยนตร์ระดับ 4K ได้ผ่านทาง Netflix นั่นเอง (รวมถึงเรื่องของแอพพลิเคชั่น Netflix สำหรับ Bravia ที่จะมีความไว ความเสถียร และเพลย์แบ็คที่รวดเร็วแบบไม่ต้องเสียเวลารอเลยทีเดียว)
จบประเด็น Bravia และ Netflix นาย Mike Faluso ก็พูดต่อบนสเตจถึงเรื่องของ Handycam หรือกล้องมือถือตัวใหม่ล่าสุดจาก Sony ที่สามารถบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยภาพคมชัดระดับ 4K ได้ นอกจากนี้ Sony ยังเปิดตัวกล้องถ่าย 4K อีกตัวที่เรียกว่า ActionCam ซึ่งได้ Tony Hawk โปรสเก็ตชื่อดังมารับหน้าที่พรีเซนต์สั้นๆ บนเวที ซึ่ง Hawk เองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก (หรือ The Verge ตัดมาเท่านี้ก็ไม่รู้) สั้นๆ แต่ได้ใจความว่า “ผมประทับใจมาก”
ต่อด้วยผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Walkman ที่เปิดตัวรุ่นใหม่ภายใต้ชื่อรุ่น NW-ZX2 ที่รองรับระบบเสียงขั้นเทพตัวใหม่จาก Sony ที่ชื่อ LDAC ได้ และสามารถอัพสเกลคุณภาพเสียงจากไฟล์เพลง .mp3 ให้ชัดเจนและกังวานขึ้นกว่าที่มันเป็นได้อีกด้วย โดย Sony อ้างว่า LDAC นี้ส่งสัญญาณเสียงได้ดีกว่า Bluetooth ทั่วๆ ไปในปัจจุบันถึง 3 เท่าเลยทีเดียว
จบจาก Walkman ก็มาถึงโปรดักสุดท้ายซึ่งก็คือ Sony SmartWatch 3 ที่มาในงานสเตนเลสสตีลสวยหรูและจะออกจำหน่ายในเดือนหน้านี้แล้ว เพิ่มเติมจากคลิปให้นิดหนึ่งว่าเจ้า Sony SmartWatch 3 นี่ยังเป็น Android Wear ตัวแรกด้วยนะครับที่มีการฝัง GPS เข้ามาบนตัวนาฬิกาเลย
จบแล้วสำหรับงาน Keynote ของ Sony ประจำ CES2015 เพื่อนๆ คิดว่าอย่างไรบ้าง อย่าลืมแชร์ความเห็นกันเอาไว้ท้ายบทความเลยนะครับ