Adidas กำลังเล่นอยู่กับเทคโนโลการพิมพ์แบบ 3D ซึ่งเป็นวิธีการผลิตที่นับว่าปฏิวัติวงการการผลิตอยู่ในขณะนี้ ซึ่งล่าสุด Adidas เพิ่งได้มีการเปิดเผยหน้าตารองเท้าผ้าใบรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวผลิตชิ้นส่วนซึ่งเป็นโครงและพื้นของตัวรองเท้ารุ่นนี้ขึ้นมาครับ เจ้ารองเท้าตัวนี้มันมีชื่อรุ่นว่า “Futurecraft 4D”
เจ้ารองเท้ารุ่นใหม่ล่าสุดตัวนี้ ถูกสร้างขึ้นโดยใช้กระบวนการที่เรียกว่า Continuous Liquid Interface Production ซึ่งในการออกแบบการผลิตนั้น มันจะถูกสร้างและดึงออกมาจากถังของเรซินโพลิเมอร์เหลว และยึดรูปทรงของมันไว้โดยใช้แสงอัลตราไวโอเลตให้เป็นทรงตามที่ต้องการ
บริษัท Carbon หนึ่งในบริษัทที่ตั้งอยู่ใน Silicon Valley เป็นบริษัทที่ได้รับเงินสนับสนุนจากทุนของ Google และ General Electric ร่วมกันก่อตั้งขึ้นเป็นผู้สร้างวิธีการนี้ขึ้นมาครับ ซึ่งได้กล่าวถึงเทคโนโลยีของตัวเองว่า “วิธีการผลิตในรูปแบบการพิมพ์ 3D แบบใหม่นี้สามารถทำได้ง่ายและมีความรวดเร็วกว่าการพิมพ์แบบดั้งเดิมมาก มันทำให้สามารถใช้การพิมพ์ 3 มิติ ผลิตสินค้าจำหน่ายในจำนวนมากเป็นจริงขึ้นมาได้ ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์และส่งไปไปสู่ขั้นการผลิตได้เร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม และนอกจากความรวดเร็วแล้ว พวกเขายังได้อ้างอีกด้วยว่าวัสดุที่ผลิตออกมานั้นจะมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นกว่าพลาสติกฉีดแบบดั้งเดิมอีกด้วยครับ”
อย่างไรก็ตามนี้ยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ และ Adidas ไม่ได้จะทุ่มอนาคตของตัวเองลงไปกับเทคโนโลยี 3D Printed มากนัก เพราะเจ้า Futurecraft 4D จะมีจำนวนเพียง 5,000 คู่เท่านั้นที่จะเปิดจำหน่ายได้จริงในปลายปีนี้ แม้ว่าทาง Adidas จะมีเป้าหมายที่จะผลิตสินค้ารุ่นดังกล่าวออกมาทั้งหมดเป็นจำนวน 100,000 คู่ภายในปลายปีพ. ศ. 2561 ก็ตามครับ
Gerd Manz ของ Adidas กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า “นับเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่เพียงบริษัทเดียวเท่านั้น เราได้ทำลายเส้นแบ่ง จากเทคโนโลการพิมพ์แบบ 3D จะช่วยให้เราสามารถผลิตรองเท้าในจำนวนไม่มากเพื่อให้เหมาะสำหรับเหตุการณ์หรือสถานที่แบบเฉพาะได้ หรืออาจจะเพื่อการผลิตรองเท้าที่เหมาะสมกับรูปร่างหรือการเดินของแต่ละบุคคลได้เช่นกัน”
ถึงแม้ว่า Adidas และ Carbon จะต้องพยายามลดต้นทุนการผลิตลงก่อนที่จะสามารถผลิตและจำหน่ายรองเท้าในราคาไม่แพงออกมาได้ เพราะกับราคารองเท้าของรุ่น Futurecraft 4D แม้จะยังไม่ทราบเป็นที่แน่ชัด แต่ทาง Adidas กล่าวสั้นๆ ว่า จะอยู่ในช่วงราคา ระดับ “Premium”