เอไอเอส แถลงวิสัยทัศน์การดำเนินงานปี 2015 ชูแนวคิด LIVE Digital LIVE More เดินหน้ายกระดับชีวิตคนไทย และประเทศ ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เต็มรูปแบบ เผยแผนงานระยะ 5 ปี ตั้งเป้าก้าวสู่ “ผู้สร้างสรรค์บริการดิจิทัลเพื่อคนไทย – Your Digital Life Partner” ครอบคลุมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการด้านดิจิทัล รวมไปถึงการพลิกโฉมองค์กรสู่การเป็นพันธมิตรทางบริการดิจิทัลแก่ทุกกลุ่มอย่างเต็มรูปแบบผ่านการทำงานของชาวเอไอเอส
นายวิทิต ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “กว่า 25 ปีของการอยู่เคียงข้างคนไทยในฐานะผู้ให้บริการสื่อสารไร้สาย เรามีความมุ่งมั่นที่จะเป็น 1 ในผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบสื่อสารให้แก่ประเทศไทย โดยที่ผ่านมาเราได้ลงทุนไปแล้วมากกว่า 2 แสนสี่หมื่นล้านบาท ด้วยพื้นที่เครือข่ายที่ครอบคลุมมากกว่า 97% ในฐานะของผู้ที่ขยายเครือข่าย 3G ได้เร็วที่สุดในวงการสื่อสารโทรคมนาคมไทย กับฐานลูกค้าที่มากกว่า 44 ล้านราย ซึ่งมีการโทรพูดคุยกันมากกว่า 90 ล้านครั้งต่อวัน และมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายวันละมากกว่า 200 ล้านครั้ง โดยเป็นผู้เปิดมิติใหม่ของการประยุกต์ใช้ดาต้าและออนไลน์กับรูปแบบของชีวิตประจำวัน อาทิ เป็นช่องทางให้สามารถรับชมรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ที่มากกว่า 2 ล้านคนต่อเดือน, อ่าน E-Book กว่า 6 แสนคน ต่อเดือน และกว่า 4 แสนคนต่อเดือนที่ใช้บริการ Mobile Payment บนเครือข่ายของเอไอเอส”
นอกจากนี้ เอไอเอสยังเป็นผู้สร้างสรรค์ช่องทางดิจิทัลในการนำส่งบริการต่างๆ ไปสู่ลูกค้าและคนไทย อาทิ การจำหน่ายเพลงที่มากกว่า 20 ล้านเพลงต่อปี, ข่าวสารมากกว่า 2 ล้านชิ้นต่อวัน และ บริการพื้นฐานต่างๆ ที่ใช้เครือข่ายไร้สายเสริมศักยภาพการบริหารจัดการให้แต่ละองค์กรอีกมากกว่า 3 แสนครั้งตลอด 24 ชั่วโมง
“เราคาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าอัตราการใช้งานดาต้าจะเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในสัดส่วน 200 – 400%, สมาร์ทดีไวซ์จะขยายตัวกว่า 50 ล้านเครื่อง รวมไปถึงสมาร์ทดีไวซ์ รูปแบบใหม่ๆ ที่จะขยายมากถึงกว่า 10 ล้านเครื่อง อันจะส่งผลให้รูปแบบของอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านขนส่ง, สุขภาพ, การศึกษา และอื่นๆ ก้าวสู่การนำดิจิทัลมาประยุกต์ใช้อย่างเต็มรูปแบบ”
“ดังนั้น ปี 2558 ที่เทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้าไปเป็นส่วนสำคัญในการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศที่กำลังขยายตัวในทุกด้าน เอไอเอส จึงเตรียมการวางแผนล่วงหน้าระยะ 5 ปี โดยตั้งเป้าเป็น “ผู้สร้างสรรค์บริการดิจิทัลเพื่อคนไทย – Your Digital Life Partner” เพื่อให้คนไทยยกระดับการใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพจากเทคโนโลยีดิจิทัล โดยได้เตรียมเงินลงทุนกว่า 4 หมื่นล้านบาทในปี 2558 เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมพลิกโฉมองค์กรเพื่อก้าวสู่การเป็นพันธมิตรกับทุกกลุ่มอย่างเต็มรูปแบบผ่านการทำงานของชาวเอไอเอส” นายวิทิต กล่าวย้ำ
ด้าน นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า “ภาพรวมของอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมในปี 2558 นั้น เราคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตโดยรวม แยกเป็น Mobile 3%, Device (smart Phone และอุปกรณ์อื่นๆ) 10% และ Fix Line ราว 15% ที่จะส่งผลให้การใช้งานดาต้าเติบโตอย่างก้าวกระโดด และทำให้เทรนด์การเชื่อมต่อกันเองระหว่างอุปกรณ์ เครื่องใช้ต่างๆที่เรียกว่า Internet of Things เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นเพื่อตอบสนองการความต้องการดังกล่าว เราจึงเตรียมวางรากฐาน อันประกอบด้วย
* การขยายเครือข่าย 3G ที่ยังคงเตรียมงบลงทุนเพื่อพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่องกว่า 3 หมื่นล้านบาท รวมถึงการเตรียมความพร้อมสู่การประมูล 4G อย่างเต็มที่
* การพัฒนาคุณภาพของ AIS Wifi สู่ AIS Super Wifi ด้วยความเร็วที่สูงขึ้น เริ่มต้นจาก 600 Mbps ซึ่งเร็วกว่าความเร็วของเทคโนโลยี 4G
* การขยายบริการ Fixed Broadband ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดของโลกที่ความเร็ว 1 Gbps โดยเริ่มให้บริการแล้ววันนี้ในเขต กทม.และปริมณฑล โดยในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเป็นเครือข่าย Fixed Broadband ถึงบ้านกว่า 10 ล้านครัวเรือนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
* การขยายบริการดิจิทัลที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจ และวิถีชีวิตคนไทย อาทิ
* AIS Play Box : กล่องดิจิทัลที่สามารถรับชมความบันเทิงจาก AIS Entertainment App ด้วยความละเอียดระดับ 4K (Ultra High Definition)
* AIS Cloud+ : บริการเก็บข้อมูลทุกอย่างบนพื้นที่ Cloud ที่ใหญ่ที่สุด
* AIS E-Money : บริการทางการเงินที่ร่วมมือกับธนาคารและสถาบันการเงินชั้นนำให้บริการอย่างหลากหลาย อาทิ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์บนมือถือที่ให้ดอกเบี้ยสูงและสามารถจ่าย โอน ถอน ได้ง่ายๆ ผ่านทางมือถือ, E-Commerce Payment, etc
* AIS Business Solutions ต่างๆ : M2M Solutions ตอบโจทย์ทุกธุรกิจ, AIS Biz Cloud ที่ให้องค์กรธุรกิจสามารถบริหารจัดการผ่าน IT โดยไม่ต้องกังวลกับการลงทุนระบบหลังบ้าน
โดยตั้งเป้าไว้ว่าเราจะเป็นผู้สร้างโอกาสใหม่ๆ ในการใช้ชีวิตและการเติบโตทางธุรกิจของคนไทยแบบ ไม่พลาด ในทุกสถานที่ ทุกครัวเรือน และทุกหน้าจอ (Everywhere, Every home, Every Screen)
“อีก 1 ปัจจัยสำคัญที่สุดของการเดินไปข้างหน้าสำหรับเอไอเอส คือ “บุคลากร” ที่ได้พัฒนาความรู้ และขีดความสามารถใหม่ๆเกี่ยวกับดิจิทัลเทคโนโลยี เพื่อให้สามารถส่งมอบบริการดิจิทัลได้อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งเมื่อขีดความสามารถนี้ผสมผสานเข้ากับหัวใจบริการ ทัศนคติที่มุ่งช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ก็จะยิ่งทำให้คุณภาพของการให้บริการดิจิทัลจากเอไอเอสเป็นเลิศและแตกต่างอย่างแน่นอน รวมถึงการเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าไปสนับสนุน ยกระดับชุมชนและสังคม ที่ตนอาศัยอยู่ เพื่อสะท้อนถึงความตั้งใจของเอไอเอสด้วยอีกทางหนึ่ง”
นายสมชัยเน้นในตอนท้ายว่า “เรายังคงเชื่อมั่นในเรื่องของการเติบโตร่วมกันกับพันธมิตรทางธุรกิจ ทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ผู้ให้บริการคอนเทนท์, พันธมิตรจากหลากหลายธุรกิจ, พันธมิตรช่องทางการจัดจำหน่าย รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการ StartUp ที่เราพร้อมร่วมสร้างโอกาสใหม่ๆจากเทคโนโลยีดิจิทัลร่วมกับท่านอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนไทยใช้ชีวิตแบบ Live Digital Live More ตลอดไป”
โซนจัดแสดง (Exhibition Zone) ภายในงาน “AIS Vision 2015” จัดขึ้นภายใต้ธีม “Live Digital, Live More” โดยจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ให้สามารถใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลได้อย่างสะดวกสบายและง่ายดายมากยิ่งขึ้น ซึ่งประกอบด้วยโซนย่อย 6 โซน ดังนี้
1.) The New Era of Broadband Technology in Thailand “AIS Fibre”
จัดแสดงบริการ Fixed broadband Internet ภายใต้ชื่อ “AIS Fibre’’ ซึ่งให้บริการอินเทอร์เน็ตคุณภาพ ด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุด บนโครงข่ายใยแก้วนำแสง (Fibre Optic) ที่ไว้วางใจได้และใหญ่ที่สุดกว่า120,000 กิโลเมตร สามารถรับ-ส่งข้อมูลได้เร็วสูงสุดถึง 1Gbps และรองรับการใช้งานมัลติมีเดียได้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมตอบสนองทุกการใช้งาน เพื่อสร้างความสะดวกสบาย และเพิ่มความปลอดภัย ให้แก่การใช้ชีวิตภายในที่อยู่อาศัยของคนยุคใหม่ในหลากหลายรูปแบบ อาทิ
* More entertainment
ด้วยบริการ AIS Fibre จะทำให้ทุกการใช้งานมัลติมีเดียภายในบ้านกลายเป็นเรื่องง่าย เพราะคุณสามารถตื่นตาตื่นใจไปกับภาพยนตร์ทั้งไทยและต่างประเทศเทศจากฮอลลีวูด ครบรสกับซีรีส์ดัง การ์ตูน และฟุตบอลแมทซ์สุดมันส์ระดับโลกบนจอโทรทัศน์ได้แบบเต็มสปีด ไม่สะดุด ด้วยความละเอียดสูงระดับ 4K Ultra High Definition ผ่านกล่อง Digital Smart Box ในชื่อ “AIS Play Box”
* More connected
ด้วยบริการ AIS Fibre จะทำให้บ้านกลายเป็นศูนย์รวมของเทคโนโลยีที่มากกว่า ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะวางจำหน่ายในอนาคตอันใกล้ อาทิ
* “Wi-Fi Smart Plug” ปลั๊กไฟอัจฉริยะที่สามารถเชื่อมต่อกับ AIS Fibre เพื่อให้สามารถสั่งการเปิด-ปิด ได้ผ่านโทรศัพท์มือถือทุกที่ ทุกเวลา
* “Cloud IP Camera” กล้องวงจรปิดเทคโนโลยีใหม่ที่รวมคุณสมบัติของกล้องวงจรปิดและระบบ Computer Network เข้าด้วยกัน โดยเชื่อมต่อการใช้งานผ่าน AIS Fibre เพื่อให้สามารถสั่งการได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ ทั้งการบันทึกเหตุการณ์ภายในพื้นที่ที่ทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดทั้งภาพและ
เสียง, การตอบโต้กันระหว่างผู้ใช้งานและผู้ที่อยู่ในบริเวณที่ติดตั้งกล้อง ด้วยความคมชัดระดับ HD รวมทั้งมีระบบการตรวจจับความเคลื่อนไหว (Motion Detection) เพื่อบันทึกภาพอัตโนมัติ และส่งการแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้งานได้อีกด้วย
* “Smart Health” จัดแสดงพร้อมให้ทดลองใช้งานแว่นตาอัจฉริยะที่ทำให้การออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานที่บ้านของคุณสนุก ทันสมัย และไม่น่าเบื่ออีกต่อไป เพราะเพียงคุณสวมแว่นตาอัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ ก็จะทำให้คุณสามารถชมวิวทิวทัศน์เสมือนการปั่นจักรยานไปในสถานที่ต่างๆ ได้แบบ 360 องศา
2.) Mobile Money
พบเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้คุณสามารถทำธุรกรรมทางการเงินบนมือถือได้อย่างครบวงจร ด้วยบริการ mPAY จาก AIS ที่ร่วมมือกับพันธมิตรระดับประเทศและระดับโลก เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนในยุคดิจิทัล ได้แก่
* BEAT Banking by AIS & CIMB
มิติใหม่แห่งธุรกรรมทางการเงิน ที่รวมเอาที่สุดของศักยภาพจาก 2 บริษัทใหญ่ คือ AIS และ “ธนาคาร CIMB THAI” เพื่อให้บริการบัญชีเงินฝากออมทรัพย์บนมือถือ ที่ให้ดอกเบี้ยสูงและสามารถใช้จ่าย โอน หรือถอนเงินจากบัญชีนี้ได้ง่ายๆ บนมือถือของคุณ ผ่าน mPAY Application ซึ่งภายในโซนจัดแสดงนี้ยังมีจุดให้บริการเปิดบัญชี BEAT Banking ได้ทันทีด้วย
* บริการโอน-ถอนเงินผ่าน mPAY by KTB
จัดแสดงบริการโอนเงินจากกระเป๋าเงิน mPAY ที่ให้ผู้รับปลายทางสามารถถอนเงินจากตู้ ATM ของ “ธนาคารกรุงไทย” ได้โดยไม่ต้องมีบัญชีธนาคาร และไม่ต้องมีบัตร ATM
* E-Commerce Payment by mPAY
อีกหนึ่งบริการที่รองรับการเจริญเติบโตของธุรกิจ E-Commerce ตอบสนองความต้องการของทั้งผู้ประกอบกิจการและลูกค้าทั่วไป ด้วยการผนึกความร่วมมือกับพันธมิตร อย่าง “ธนาคารกสิกรไทย” ธนาคารชั้นนำที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างนวัตกรรม โดยสร้างระบบการรับชำระเงินอย่างครบวงจร ทั้งแบบOnline และ Offline ซึ่งสะดวกยิ่งขึ้นด้วยการเชื่อมต่อระบบผ่าน mPAY ที่เดียว
* “การรับชำระเงินสำหรับร้านค้าแบบออนไลน์ (Online Store)” เชื่อมต่อระบบรับชำระกับ K-Payment Gateway เพื่อให้ร้านค้าออนไลน์นั้นๆ สามารถรับชำระค่าสินค้าและบริการด้วยบัตรเครดิต VISA และ MasterCard ผ่านระบบรักษาความปลอดภัยประเภท 3D Secure เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้กับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านอินเตอร์เน็ต
* “การชำระเงินสำหรับร้านค้าแบบมีหน้าร้าน (Offline Store)” พัฒนาระบบชำระเงินแบบ Mobile Point Of Sale โดยใช้โทรศัพท์มือถือร่วมกับอุปกรณ์พิเศษ เพื่อรองรับการชำระผ่านบัตรเครดิตทั้ง Visa และ MasterCard ได้ทันที
* AIS mPAY MasterCard
ด้วยการผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญอย่าง MasterCard, 2C2P และ ธนาคารธนชาต เพื่อพัฒนาบริการ AIS mPAY MasterCard ซึ่งเป็นบัตร MasterCard แบบเติมเงิน ที่ทำให้การช้อปออนไลน์ไม่มีข้อจำกัด รองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าออนไลน์แต่ไม่มีบัตรเครดิต หรือมีบัตรเครดิต แต่ยังมีความกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัยในการซื้อสินค้าบนออนไลน์ สะดวกยิ่งขึ้นด้วยการเปิดบัตรผ่าน mPAY Application บนมือถือ
3.) AIS Cloud+
จัดแสดงแอปพลิเคชั่นที่ให้ลูกค้าเอไอเอสสามารถจัดเก็บข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์, รูปภาพ, VDO, เพลง, SMS และไฟล์งานสำคัญไว้บน AIS Cloud+ ได้ตลอดชีวิต บนพื้นที่มากที่สุดถึง 20 GB รวมทั้งสามารถแชร์ข้อมูลได้ทันที ซึ่งเป็นบริการที่เปิดให้ลูกค้าเอไอเอสสามารถใช้งานได้ฟรีถึง 30 มิ.ย. 58 โดยภายในโซน มีการจัดแสดงการ Upload และ Download ข้อมูลผ่านแอปพลิเคชั่น AIS Cloud+ แบบข้ามระบบปฏิบัติการ และการจัดแสดงเมนู Anti-Theft เพื่อเพิ่มความปลอดภัยสำหรับโทรศัพท์ ด้วยการแจ้งสัญญาณเตือน (Siren) เมื่อโทรศัพท์มือถือถูกโจรกรรม และสั่งลบ หรือล็อคข้อมูลในเครื่องได้ทันที
4.) AIS Super WiFi : 600 Mbps Beyond 4G Speed WiFi
จัดแสดงนวัตกรรมใหม่ที่พัฒนาให้ AIS WiFi มีความเร็วสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 600 Mbps ซึ่งผู้เข้าชมงานสามารถ Test Speed เพื่อเปรียบเทียบระหว่างความเร็วของ AIS Super WiFi และ 4G ค่ายอื่นได้ โดย AIS
Super WiFi นี้ จะเริ่มเปิดให้บริการที่ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย และถนนคนเดิน ในพื้นที่กรุงเทพฯ นครปฐม เชียงใหม่ นครราชสีมา ภูเก็ต และอื่นๆ ในอนาคตอันใกล้
5.) Business Solutions
จัดแสดงหลากหลายโซลูชั่นส์ที่เอไอเอสสร้างสรรค์ขึ้นสำหรับลูกค้าองค์กร เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงาน ช่วยลดต้นทุน และรองรับการเจริญเติบโตของธุรกิจของลูกค้าให้ประสบความสำเร็จ และก้าวหน้าอย่างมืออาชีพ ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งเป็น
* M2M (Machine to Machine)
เทคโนโลยีที่ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ สามารถส่งข้อมูลไปยังระบบเซิฟเวอร์ที่ออกแบบมาให้รับ-ส่งข้อมูลที่ออกแบบฟังก์ชั่นต่างๆ อย่างเฉพาะเจาะจง ผ่านเครือข่ายของเอไอเอส ทำให้ลูกค้าองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริหารจัดการข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ ได้แก่
* “Mobile DVR (Mobile Digital Video Recorder)” บริการระบบเครื่องบันทึกภาพ VDO และกล้องวงจรปิด สำหรับติดตั้งบนยานพาหนะ เพื่อติดตาม ดูแลพฤติกรรมการขับรถ หรือช่วยป้องกันการทุจริต ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการรับ-ส่งผู้โดยสาร การขนส่งสินค้า รถเช่า หรือรถให้บริการประเภทต่างๆ โดยสามารถจะส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายเอไอเอสที่ครอบคลุมการใช้งานทั่วประเทศไทย ไปยังระบบ Cloud CMS (Central Management System) เพื่อให้เจ้าของธุรกิจสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์หรือย้อนหลัง ผ่าน PC และแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตได้อีกด้วย
* “Video Analytics” บริการสำหรับร้านค้าหรือร้านค้าสาขาต่าง ๆ ที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล VDO จาก IP Camera ผ่านอุปกรณ์พิเศษ ให้เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ทางธุรกิจ (Business data) อย่างชาญฉลาด เช่น รายงานการนับจำนวนลูกค้าตามช่วงเวลาที่เข้าร้าน, การแยกประเภทลูกค้าไม่ว่าจะเป็นอายุหรือเพศ และข้อมูลความหนาแน่นของลูกค้าที่มาใช้บริการในจุดต่างๆ ภายในบริเวณที่กำหนด เป็นต้น โดย Video Analytics นี้ จะส่งข้อมูลไปยังระบบ Cloud VDO Analytics แบบเรียลไทม์ อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เจ้าของธุรกิจสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์หรือย้อนหลัง ผ่าน PC และแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตได้
* AIS BizCloud
จัดแสดงบริการโซลูชั่นส์อีกหนึ่งรูปแบบจากเอไอเอสที่ให้บริการเทคโนโลยีที่รองรับความต้องการทุกการใช้งาน ทั้ง Infrastructure and Platform as a Service และ Software as a Service โดยสามารถใช้งานได้ทุกที่ และมีความปลอดภัยสูง ได้แก่
* “iButler” บริการที่ช่วยยกระดับการให้บริการของธุรกิจโรงแรมโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้เข้าพักสามารถเรียกใช้บริการต่างๆ ของโรงแรมได้ด้วยตนเองผ่านแท็บเล็ต อีกทั้งยังสามารถค้นหาข้อมูลต่างๆ ของโรงแรม รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์แบบและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้อย่างดี
* “Mobile Device Management” บริการที่ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการ Mobile Device ต่างๆ ขององค์กร หรือของพนักงานที่มีการเชื่อมต่อข้อมูลขององค์กรได้อย่างเป็นระบบ เพื่อลดความเสี่ยงของการรั่วไหลของข้อมูล ที่อาจจะสร้างความเสียหายให้กับองค์กรได้
* “Mobile Threat Prevention” บริการที่ป้องกันและควบคุมความเสี่ยง เช่น มัลแวร์ต่างๆ หรือ แอปพลิเคชันที่มีความสุ่มเสี่ยงในการล้วงข้อมูล เป็นต้น ให้กับ Mobile Device ขององค์กร หรือของพนักงานที่มีการเชื่อมต่อข้อมูลขององค์กร โดยระบบจะทำการตรวจสอบ วิเคราะห์พฤติกรรมของแอปพลิเคชัน หากพบว่ามีความเสี่ยงหรือมีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยงลงใน Mobile Device ระบบจะแจ้งเตือนไปยังผู้ดูแลระบบขององค์กร รวมทั้งแจ้งเตือนผู้ใช้งานให้ทำการลบแอปพลิเคชั่นนั้นออกจาก Mobile Device ด้วย
* “Tab2Pay” บริการที่ช่วยในการบริหารจัดการร้านค้า เพิ่มความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานมากมาย อาทิ การรับชำระค่าสินค้าหน้าร้าน, การควบคุม สต็อคสินค้า, ระบบวิเคราะห์ยอดขายทั้งแบบรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน พร้อมด้วยอุปกรณ์ Point-of-Sale ที่สามารถเชื่อมต่อกับ แท็บเล็ต เครื่องพิมพ์ และ Cash Drawer ได้
* “Biz Chat” บริการโปรแกรมสนทนาสำหรับใช้งานภายในหน่วยงาน เพื่อประสิทธิภาพในการสื่อสารที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยมีระบบการรักษาความปลอดภัยและการเข้ารหัสข้อมูล รองรับการ บรอดแคสต์จากส่วนกลาง มีการแจ้งเตือนต่างๆ รวมทั้งสามารถกำหนดสเตตัสของตนเอง อีกทั้ง
สามารถรับ-ส่งข้อมูล ภาพ เสียง หรือวิดีโอ และสามารถปรับแต่งโปรแกรมให้เหมาะสมตามภาพลักษณ์ขององค์กร
* “Mobile Pro Delivery” บริการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านระบบการจัดการขนส่งแบบครบวงจร ด้วยหลากหลายฟังก์ชั่นการใช้งาน ทั้งการตรวจสอบสภาพการจราจร การวางแผนเส้นทางเดินรถ และการตรวจสอบการจัดส่งสินค้าจากลายเซ็นหรือภาพถ่าย โดยผู้ใช้บริการสามารถสั่งงานและบริหารจัดการได้ทันที ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต