เคยรู้สึกกันบ้างมั้ยครับ ว่าบางครั้งเหมือนกับแอพพลิเคชั่นบางตัวบนสมาร์ทโฟนของเรา มันแอบดูเราอยู่ มันรู้เรื่องของเรากันได้ยังไงกัน – มันรู้ว่าเราเพิ่งพูดอะไรไป แม้บางทีคำพูดหรือความสนใจที่เราแสดงออกไปนั้นมันเป็นเรื่องที่เราคุยในห้องลับ แชตส่วนตัว หรือคุยกับเพื่อน ที่เราเคยเชื่อว่าเป็นแหล่งข้อมูลปิด และแม้หลายครั้งข้อมูลนั้นก็อาจจะมีแค่เรากับพลังงานอะไรบางอย่างเท่านั้น ที่รู้เรื่อง! มันก็ดันรู้ด้วย
แต่แอพพลิเคชั่นหลายตัว มันก็เหมือนกับมีตาทิพย์ แสดงสิ่งที่เราเพิ่งจะสนใจ เคยแสดงออกไปว่าต้องการ มันจะกลับเข้ามาในรูปแบบการโฆษณาหรือข้อมูลสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้อง แสดงขึ้นมาพอดิบพอดีซะงั้น จริงๆ แล้วอย่างที่เรารู้กันครับ มันมีอัลกอริทึ่มที่คอยตรวจจับการใช้งานสมาร์ทโฟนของเราอยู่อย่างมากมาย ทั้งแบบเปิดเผยและแฝงเร้น มาในทุกรูปแบบทั้งการแอบติดตั้ง แฝงตัว หรือแม้แต่การฝังมาในระบบ จนเป็นข่าวให้เราได้เห็นมาก็มากมายหลายครั้ง แต่อย่างว่า กว่าเราจะรู้ มันก็เอาข้อมูลเราไปทำกำไรไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้วนั้นเองครับ
ล่าสุดก็มีข่าวแอพพลิเคชั่นชื่อ ToTok แค่ชื่อก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าต้องการใช้ความใกล้เคียงกับชื่อของแอพ TikTok ที่กำลังนิยมในปัจจุบัน ด้วยเหตุที่มันถูกเข้าใจผิดและเรียกความสนใจได้ง่าย มันจึงแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว หลังการเปิดตัวไม่กี่เดือนก่อน ทาง The New York Times รายงานว่า มันถูกดาวน์โหลดไปนับล้านครั้ง ทั้งบน iPhone และ Android ถึงขนาดที่ครั้งหนึ่ง มันเคยพุ่งขึ้นไปเป็นหนึ่งในแอพที่ถูกดาวน์โหลดมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา
แต่ดูเหมือนเจ้าแอพตัวนี้จะออกลายมากไปหน่อยครับ มันถูกจับได้ว่าเป็นเครื่องมือสอดแนมติดตามขั้นเทพ มันเอาข้อมูลเราไปแทบทุกอย่าง “ทุกการสนทนา ทุกการเคลื่อนไหว ทุกตารางนัดหมาย ทุกความเกี่ยวข้อง รวมถึงเสียง และภาพ ของผู้ที่ติดตั้งแอพลงบนโทรศัพท์ของพวกเขา”
เจ้าหน้าที่อเมริกันที่เกี่ยวข้องและรู้เรื่องถึงอันตรายครั้งนี้ ได้ส่งรายงานแจ้งเข้าไปที่ The Times และพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง เมื่อการค้นลึกเข้าไปในตัวระบบก็พบว่า บริษัทที่รับผิดชอบในการพัฒนาแอพ Breej Holding อาจจะเป็นบริษัทบังหน้าที่ร่วมมือกับ DarkMatter บริษัทไซเบอร์ด้านข่าวกรองและการแฮ็กข้อมูลในอาบูดาบี จากอดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติอิสราเอลและหน่วยสืบราชการลับของเอมิเรตส์
เพราะการวิเคราะห์ทางเทคนิคของ ToTok มันได้เชื่อมโยงตัวแอพเข้ากับ Pax AI ของบริษัทเจาะข้อมูลที่มาจากอาบูดาบี และอาจเชื่อมโยงกับ DarkMatter ซึ่งก็คือชื่อที่อยู่ภายใต้การสอบสวนของ FBI สำหรับข้อหาอาชญาทางด้านไซเบอร์ที่เป็นอันตราย
The Times ได้อธิบายความนิยมของ ToTok ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เอาไว้ ว่าเพราะทางรัฐบาลได้ปิดกั้นแอพแชทตัวเลือกอื่นๆ เช่น WhatsApp และ Skype ในประเทศของเขาลงไป ความนิยมจึงหันไปหาตัวเลือกอื่น ที่พัฒนาขึ้นมาทดแทน
ในขณะนี้ทั้ง Google และ Apple ได้ลบแอพดังกล่าวออกจาก Play store และ App Store ไปเรียบร้ออยแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่หากคุณยังใช้แอพ ToTok อยู่บนโทรศัพท์คุณ และกังวัลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวอยู่บ้างแล้ว ก็ควรลบมันทิ้งไปนะครับ รายงานจาก Time ฉบับเต็มเกี่ยวกับแอป ToTok
ก็อย่างที่บอก อะไรที่เรารู้ก็เป็นเรื่องหนึ่งแต่อะไรที่เรามันไม่รู้ก็เชื่อว่ามีอีกเยอะ เราคงหลีกเลี่ยงความเสี่ยงไม่ได้เพราะเรา “เสพติด” “จำเป็นต้องใช้” “และอะไรอีกหลากหลายเหตุผลที่จำเป็นต้องอยู่กับมัน แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าแทบปกป้องตัวเองจากเรื่องนี้ไม่ได้ ได้แต่หวังจรรยาบรรณจากบริษัทยักษ์ใหญ่คอยปกป้องสิทธิส่วนตัวให้กับบรรดาลูกค้าของพวกเขา
ตอนนี้รู้แล้วหรือยังว่า ทำไมบางบริษํทเขาถึงซีเรียสและออกมาย้ำเตือนถึงเรื่องนี้กันทุกครั้งที่ CEO ได้ขึ้นเวที เพราะว่ามันมีอยู่จริงไงครับ บริษัทที่ไม่โปร่งใสเหล่านั้น รอวันโดนจับได้คาหนังคาเขาเท่านั้นเอง และรอวันที่ผู้ใช้อย่างเราจะรู้สึกถึงหวงแหนสิทธิส่วนบุคคลกันมากกว่าปัจจุบัน