TV On Demand คืออะไรหลายๆคนอาจจะยังไม่รู้จัก แต่จริงๆแล้วบริการนี้มีมานานแล้วครับ แต่พึ่งจะมาร้อนแรงเอาเมื่อไม่นานนี้เอง เพราะตอนนี้มีหลายแบรนด์เลยที่เริ่มเข้ามาจับตลาด TV On Demand โดยในประเทศไทยก็เริ่มเป็นที่นิยมกันแล้วนะครับ
TV On Demand อธิบายง่ายๆก็คือบริการรับชมภาพยนต์ตามความต้องการของเรา สามารถเรียกดูภาพยนต์ได้ตลอดเวลา และทุกที่ทุกเวลา อย่างเมืองนอกที่เรารู้จักกันดีก็อย่าง Netflix เป็นต้นและในไทยตอนนี้ช่องโทรทัศน์ต่างๆก็เริ่มให้บริการ TV On Demand กันแล้วที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก็อย่าง TrueVisions Anywhere ซึ่งเป็นการรับชมรายการต่างๆของ TrueVisions ผ่านทาง Online และสามารถรับชมย้อนหลังได้ด้วย
สำหรับบริการรับชมภาพยนต์รูปแบบใหม่ในประเทศไทยตอนนี้ก็มีให้เลือกมากมายนะครับอย่าง Hollywood HDTV, Doonung, AIS Movie Store และ Primetime เป็นต้น จุดเด่นของบริการ TV On Demand บริการรับชมภาพยนต์รูปแบบใหม่นี้ก็คือเราสามารถรับชมภาพยนต์ที่ไหนก็ได้ ตลอดเวลา และทุกที่ทุกเวลา ขอเพียงมีสัญญาณ Internet เท่านั้น ซึ่งคุณภาพการรับชมก็ให้ประสบการณ์ที่ดีด้วยนะครับ และสามารถรับชมได้อย่างหลากหลายอุปกรณ์ทั้งบนสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ททีวี ก็สามารถสนุกไปกับ TV On Demand ได้และในยุคที่ Internet บ้านอย่างต่ำๆก็ติดกัน 15-30 mbps แบบนี้ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่บริการ TV On Demand จะเติบโตและพร้อมให้บริการอย่างแท้จริงแล้วครับ แถมยังสามารถเชื่อมต่อจากอุปกรณ์พกพาไปสู่หน้าจอขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายอีกด้วย ทั้งผ่านทางสาย HDMI หรือผ่านทางไร้สายอย่าง Chromecast หรือ Apple TV ซึ่งในตอนนี้บริการต่างๆก็สามารถรับชมได้ผ่านทาง Android และ iOS กันแล้วนะครับ พูดได้ว่าไม่มีข้อจำกัดใดๆในการรับชมเลย
และล่าสุดผมได้ไปร่วมงานเปิดตัวของบริการ TV On Demand ของ Primetime และได้รับ Code รับชมภาพยนต์มาด้วยครับ ก็เลยจะทดสอบและนำมารีวิวให้ชมกันนะครับ ซึ่งก่อนหน้านี้ปีที่แล้วผมก็เคยรีวิวบริการ TV On Demand ใว้บริการนึงครับนั่นก็คือ Hollywood HDTV มาคราวนี้น่าสนใจครับว่า Primetime จะแจ๋วแค่ไหน สำหรับบริการ TV On Demand ของทาง Primetime จะมีภาพยนตร์ใหม่และดัง พร้อมทั้งซีรีย์ชื่อดังมากมายถูกลิขสิทธิ์ จาก 6 ค่ายภาพยนตร์ชั้นนำของฮอลลีวูดได้แก่ Walt Disney, Warner Bros, 20th Century Fox , Paramount, NBC Universal และ Sony Pictures จากในงานบอกว่าจุดเด่นของ Primetime ก็คือภาพยนตร์สดใหม่มากๆครับ โดยภาพยนตร์จะเข้าสู่บริการหลังลาโรงเพียง 2-3 เดือนและมีซีรีย์ดังตอนล่าสุด และย้อนหลังพร้อมกันกับอเมริกา
เดี๋ยวผมได้ทดลองรับชมภาพยนต์จากบริการของ Primetime ดูแล้วจะมารีวิวให้อ่านกันนะครับ ของโปรดผมเลยนะเพราะโดยส่วนตัวผมชอบชมภาพยนต์มากๆครับ สมัยเรียนผมเรียกได้ว่าเข้าขั้นเป็นเด็กติดหนังเลยละ ต้องดูทุกวันจนถึงขั้นลุกมานั่งเขียนบทภาพยนตร์ อิอิ รออ่านกันนะครับสำหรับรีวิว Primetime
สุดยอดไปเลยนะครับ Primetime มีจัดขบวนภาพยนต์ชุด Star Trek เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณลุง Leonard Nimoy ผู้ล่วงลับไปด้วยวัย 83 ปีเมื่อไม่กี่วันก่อนด้วยนะครับ สาวกห้ามพลาดเลย “Live Long and Prosper”
แต่มีของฝากครับในตอนนี้แม้จะไม่ได้สมัครบริการของ Primetime ก็สามารถดาว์นโหลดแอพพลิเคชั่น Primetime ได้ทั้งบน Android และ iOS เพื่อรับสิทธิ์ฟรี รับชมภาพยนต์ฟรีถึง 5 เรื่องได้แก่ How to lose a guy in 10 days, 48 Hrs., Meet the fockers, The Ring (US) และ Enemy at the Gates เป็นการเรียกน้ำย่อย และทดสอบคุณภาพครับ ซึ่งโดยส่วนตัวทุกเรื่องผมเคยดูมาหมดแล้วนะ หลากหลายดีนะครับ (โดยส่วนตัวผมชอบ How to lose a guy in 10 days มากๆเลยละ ดูซะหลายรอบเลยครับ^^) ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Primetime ได้ตามลิงค์นี้เลยครับ