Apple อาจใช้ 3nm ต่อใน A20 ของ iPhone 18 ปี 2026!
Apple เป็นแบรนด์ที่มักจะล้ำหน้าคู่แข่งอยู่เสมอโดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีชิปเซ็ต แต่ครั้งนี้อาจเป็นกรณีที่ต่างออกไป เมื่อมีรายงานว่า Apple อาจยังคงใช้ 3nm สำหรับ A20 และ A20 Pro ใน iPhone 18 ปี 2026 แทนที่จะก้าวไปสู่เทคโนโลยี 2nm
ย้อนกลับไปปี 2023 Apple ยอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อให้ได้สิทธิพิเศษในการใช้ 3nm ของ TSMC ก่อนใคร ซึ่งส่งผลให้ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกและรุ่นเดียวในช่วงเวลานั้นที่ใช้ชิป 3nm แต่แม้ว่าในปีนี้ TSMC จะเริ่มผลิตชิป 2nm ในเชิงพาณิชย์ และผลการทดสอบแสดงให้เห็นอัตราผลิตสำเร็จอยู่ที่ 60% Apple กลับเลือกใช้ 3nm รุ่นที่สาม สำหรับ A19 และ A19 Pro ใน iPhone 17 และอาจขยายไปถึง A20 ของ iPhone 18 อีกด้วย
Apple อาจเลี่ยงต้นทุนแผ่นเวเฟอร์ที่สูงขึ้น
หนึ่งในเหตุผลหลักที่ Apple อาจชะลอการเปลี่ยนไปใช้ 2nm คือ ต้นทุนแผ่นเวเฟอร์ที่สูงขึ้น เมื่อ TSMC เปิดตัวกระบวนการผลิต 3nm ในปี 2023 ราคาต่อแผ่นเวเฟอร์พุ่งขึ้นเป็น $20,000 ซึ่งเพิ่มขึ้น 25% จากเวเฟอร์ 5nm ที่เคยอยู่ที่ $16,000
โดยทั่วไปแล้ว แผ่นเวเฟอร์ขนาด 300mm สามารถให้ผลผลิตชิปได้ประมาณ 785 ตัว หากอัตราการผลิตสำเร็จอยู่ที่ 100% แต่ในความเป็นจริงแล้ว TSMC มีอัตราผลิตสำเร็จอยู่ที่ 65-70% นั่นหมายความว่าแต่ละเวเฟอร์จะได้ชิปที่ใช้งานได้จริงประมาณ 510-550 ตัว ซึ่งสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้นมาก
Apple วางแผนปรับปรุงชิปด้วยเทคโนโลยี CoWoS
แม้ว่าจะไม่ขยับไป 2nm แต่ Apple ยังมีแผนพัฒนา A20 และ A20 Pro ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น โดยใช้เทคโนโลยี Chip-on-Wafer-on-Substrate (CoWoS) ของ TSMC ซึ่งช่วยให้ส่วนประกอบสำคัญ เช่น Neural Engine, GPU Cluster, Cache และ CPU Cores ถูกจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสมขึ้น ทำให้สามารถ ประหยัดพื้นที่และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ได้มากกว่าเดิม
เมื่อไหร่ที่ Apple จะขยับไป 2nm?
มีแนวโน้มว่า Apple อาจรอให้ เทคโนโลยี 2nm มีความเสถียรและคุ้มค่ามากขึ้นก่อน โดยคาดว่า A21 และ A21 Pro ใน iPhone 19 ปี 2027 อาจเป็นชิปเซ็ตแรกที่ใช้กระบวนการผลิต 2nm
การเปลี่ยนไปใช้โหนดการผลิตที่เล็กลงนั้นส่งผลต่อ ประสิทธิภาพและการใช้พลังงานของชิป แต่ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้ชิปดีขึ้น Apple อาจใช้กลยุทธ์การพัฒนาอื่น ๆ เช่น การปรับโครงสร้างชิป และเทคโนโลยีแพ็กเกจขั้นสูง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในแต่ละรุ่นของ iPhone
แหล่งที่มา: PhoneArena