Apple กำลังพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงและผลักดันแอพพลิเคชั่นบนสโตร์ของตัวเองทั้งหมด ให้เป็นรูปแบบของแอพพลิเคชั่นแบบ 64-bit ซึ่งตอบสนองกับการทำงานบนอุปกรณ์ของ Apple ในรุ่นใหม่ๆ มากกว่า ฉะนั้นเพื่อนๆ ไม่ต้องแปลกใจ ถ้าต่อจากไปนี้คำเตือนที่ปรากฏบนหน้าจอของทุกคนเมื่อเปิดแอพพลิเคชั่นที่ไม่ยอมพัฒนาไปสู่รูปแบบ 64-bit จะรุนแรงมากขึ้นกว่าปัจจุปันครับ
ทุกวันนี้เพื่อนๆ ผู้ใช้ iOS อาจจะได้เคยเห็นกันไปบ้างแล้ว ในเวลาที่เราเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นบางตัวที่ยังคงใช้รูปแบบ 32-bit ระบบจะขึ้นแจ้งเตือนเราว่า “แอพพลิเคชั่นนี้อาจจะทำให้อุปกรณ์ของเราช้าลง นักพัฒนาซอฟต์แวร์ของแอพนี้ต้องอัปเดตแอพเพื่อปรับปรุงความเข้ากันได้” เป็นการกดดันจากทาง Apple ในขั้นเบาๆ เพื่อให้นักพัฒนานำแอพตัวเองกลับไปอัพเดทเพื่อให้รองรับกับระบบ 64-bit นั้นเองครับ
แต่ต่อจากนี้ไป คำเตือนดังกล่าวจะรุนแรงมากขึ้น เพราะใน iOS เวอร์ชั่น 10.3 (beta 1) คำเตือนดังกล่าวไม่ได้แค่บอกเรื่องความไม่เข้ากัน แต่พูดถึงการที่มันจะไม่สามารถใช้งานได้ในอนาคตกันเลยละครับ
“แอพนี้จำเป็นต้องได้รับการอัปเดต แอพนี้จะไม่สามารถใช้งานได้กับ iOS ในอนาคต”
Apple เริ่มพาอุปกรณ์ของตัวเองเข้าสู่โลกของ 64-bit ด้วยการเปิดตัว iPhone 5s ตั้งแต่ในเดือนกันยายน ปี 2013 นอกจากนี้ Apple ยังต้องการให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ส่งแอพพลิเคชั่นใหม่ที่สนับสนุนในรูปแบบ 64- bit ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2015 นี่ก็เนิ่นนานมาประมาณสองปีกว่า แม้ปัจจุปัน Apple ยังเลือกที่จะใช้คำเตือนเป็นการกระตุ้นนักพัฒนา แต่มีการคาดว่าในช่วงปลายปีนี้ หลังการปล่อยอัพเดทระบบ iOS 11 แอพพลิเคชั่นที่ยังคงอยู่ในรูปแบบของ 32-bit จะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ซึ่งไปเป็นตามคำเตือนของ Apple ในเวอร์ชั่นล่าสุดนี้ครับ
Apple ให้เวลาและค่อยๆ ปรับเพื่อให้มีผลกระทบต่อผู้ใช้งาน iOS ให้น้อยที่สุด แต่สำหรับผู้พัฒนาเองสุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนแอพตัวเองมาเป็น 64-bit ทั้งหมดอยู่แล้วครับถ้าไม่อยากถูกลบไป เพราะแอพพลิเคชั่นขยะและแอพที่ไม่เข้ากันกับระบบ มีโอกาสสูงมาก ที่ Apple จะเลิกให้การสนับสนุน Apple เองก็มีเป้าหมายที่จะพยายามลดจำนวนแอพพลิเคชั่นในสโตร์ลงอยู่แล้ว ซึ่งตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา Apple ได้ตั้งเป้าลบแอพพลิเคชั่นไปจากสโตร์เกือบ 50,000 แอพ เพื่อเน้นไปที่คุณภาพของแอพมากกว่าปริมาณ ทำให้เชื่อได้ว่า คำขู่ของ Apple ในช่วงนี้ เอาจริงอย่างแน่นอน