ใครที่อัพเดทระบบของเครื่องไปเป็น iOS 11 กันแล้ว น่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดของระบบ นั้นคือหน้า Control Center ซึ่งเป็นหน้าที่รวบรวมทุกอย่าง ทั้งแอพพลิเคชั่นที่เคยเรียกใช้ และไอคอนเปิดปิดฟังก์ชั่น ที่ Apple บนเอามารวมกันไว้ในหน้านี้ทั้งหมด รวมถึงตัวเปิดปิด Bluetooth และ Wi-Fi ด้วยเช่นกัน
แต่มันมีความแตกต่างบางอย่างที่ระบบ iOS ของ Apple จะไม่เหมือนกันกับระบบ Android ครับ
ตามที่ Apple ได้ออกมาอธิบาย การกดเปิดปิด Bluetooth และ Wi-Fi จากสวิตช์ในหน้า Control Center ของ iOS 11 จะไม่ใช่เป็นการปิดการทำงานดังกล่าวอย่างสมบูรณ์จริงๆ ครับ มันแค่จะหยุดการค้นหาอุปกรณ์ต่างๆ ในการเชื่อมต่อลงเท่านั้น โดยตัว Bluetooth และ Wi-Fi ยังคงใช้ไฟในการทำงานอยู่เช่นเดิม และจะตัดการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมทั้งหลายแหล่นอกเหนือไปจาก Apple Watch และ Apple Pencil เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของ Apple (และอื่น ๆ) รวมถึงฟังก์ชั่นบนระบบ iOS บางอย่าง เช่น AirDrop, AirPlay, Continuity, Instant Hotspot และ Location Services ยังคงทำงานได้อยู่เช่นเดิม
วิธีเดียวที่จะปิดการเชื่อมต่อสัญญาณ Bluetooth และ Wi-Fi อย่างสมบูรณ์ คือการสลับไปเข้าหน้าการตั้งค่าของ iOS แล้วกดปิดมัน
ซึ่งระบบการทำงานแบบนี้ อาจจะสร้างความสับสนหรือไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้บางราย ที่กังวลเกี่ยวกับการใช้ไฟและการถนอมแบตเตอรี่เป็นสำคัญ
ศูนย์ควบคุม Control Center ของระบบ iOS 11 จริงๆ แล้ว Apple ตั้งเป้าให้มันเป็นหน้าที่ควบคุมการทำงานของเครื่องได้แบบครบวงจร สามารถปรับตั้งกำหนดให้หลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่าง ถูกนำมาวางไว้ในหน้านี้ เพื่อการเรียกใช้ได้แบบสะดวกและรวดเร็ว แต่บางอย่างของ iOS ก็มีรูปแบบเป็นแบบของมันครับ คงไม่อาจแทนหรือเหมือนการทำงานบนเครื่องระบบ Android ไปซะทุกอย่าง
อย่างน้อยๆ ที่ยังขัดใจ คือเราไม่สามารถทัชค้างที่ไอคอน Wi-Fi เพื่อเข้าหน้าการตั้งค่า Wi-Fi ได้โดยตรงเหมือนระบบ Android นี้แหละ