หลังจากที่เป็นข่าวลือกันมานาน ในที่สุดทาง Apple ก็ได้เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ iPhone SE สมาร์ทโฟนที่มีขนาดหน้าจอ 4 นิ้ว ซึ่งถึงแม้ว่าเจ้าสมาร์ทโฟนตัวนี้จะถูกเปิดตัวออกมาในปี 2016 แต่ทว่ากลับมีรูปร่างหน้าตาเฉกเช่นเดียวกับอุปกรณ์ที่ปล่อยออกมาในปี 2013 แบบเป๊ะๆ
และเป็นธรรมดาทุกครั้งที่เมื่อ Apple มีการเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ๆออกมา บรรดาเหล่าสาวกจะมาตั้งแคมป์รอกันอยู่หน้าร้านเป็นแถวยาวเหยียดเพื่อเข้าไปจับจองอุปกรณ์มาไว้ในครอบครองเป็นรายแรกๆ แต่ทว่าเหตุการณ์เหล่านี้กลับไม่ได้เกิดขึ้นกับ iPhone SE แต่อย่างใดครับ
เอาเป็นว่าถึงแม้มันจะมีรูปร่างหน้าตาไม่ได้เปลี่ยนไปจากรุ่นพี่ของมัน (iPhone 4s/5s) ก็อย่าเพิ่งไปคิดว่ามันไม่ดีซะล่ะครับ เพราะแน่นอนว่า Apple ต้องรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ กับการปล่อย iPhone SE ที่มีราคาเพียง 399$ (ประมาณ 14,120 บาท) แท้ที่จริงแล้วมันเปรียบเสมือนสวรรค์มาโปรดเลยนะเอ้อ เพราะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการอัพเกรดสเปคของ iPhone แต่จะซื้อพวก iPhone 6s หรือ 6s Plus มาใช้ก็แอบเสียดายเงินในกระเป๋า ยิ่งถ้าเป็นคนที่ไม่ชอบสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ๆกว้างๆด้วย งานนี้จึงถือว่าลงล็อคแบบเป๊ะๆ
ใช่แล้วล่ะครับ… iPhone SE เป็นสมาร์ทโฟนที่มีขนาดเล็กลงมาเมื่อเทียบกับอุปกรณ์ปัจจุบันของ Apple แต่มันก็ไม่ใช่สมาร์ทโฟนที่ห่วยแต่อย่างใด ซึ่งสำหรับใครที่ไม่ชอบดีไซน์หรือขนาดหน้าจอเล็กๆ บอกได้เลยว่าให้ผ่านเครื่องนี้ไปซะเถอะครับ เพราะมันไม่ต่างอะไรกับเจ้า iPhone 4s หรือ 5s เลย
ทั้งนี้สำหรับใครที่ชอบหน้าจอขนาดเล็กหรือใช้ iPhone 4s หรือ 5s อยู่แล้ว การได้ใช้ iPhone SE ก็เปรียบเสมือนว่าเราได้ใช้เครื่องเดิม แต่มีประสิทธิภาพการทำงานดีกว่ามากนั่นเองครับ
แยกกันระหว่าง iPhone SE และ iPhone 5s ไม่ออกแน่ๆ
สำหรับ iPhone SE นั้นมีหน้าตาเหมือนกับ iPhone 5s แบบแยกไม่ออกแน่ๆครับ คาดว่าน่าจะหลอมมาจากเตาเดียวกันเลย คือถ้าหากว่ามี iPhone 5s อยู่ แล้วซื้อ iPhone SE มาใช้ เชื่อว่ามีหลายครั้งแน่ๆที่จะหยิบเครื่องผิดออกไป ทั้งนี้ทั้งนั้นความแตกต่างอย่างเดียวของมันที่เราทราบก็คือ iPhone SE มีสีชมพูหรือที่เรียกว่า Rose gold นั่นแหละครับ
นากจากนีั iPhone SE ก็จะมีสี Silver, Space gray และ Gold ให้เลือกด้วย
ในส่วนตัวเครื่องของมัน (ฺBody) ก็จะทำขึ้นมาจากอลูมิเนียมเช่นเดียวกับ iPhone 5s มีหน้าจอ Retina ขนาด 4 นิ้ว มีปุ่มเพิ่มลดเสียงแบบวงกลมตรงที่เดิมด้านข้าง ส่วนขอบด้านของของตัวเครื่องก็เป็นเหลี่ยม ไม่ได้โค้งมนเหมือนกับ iPhone 6s แต่อย่างใด พูดง่ายๆก็คือมันเหมือนกันครับ เหมือนแบบเหมือนเลย จะแตกต่างกันไปเพียงแต่สีตามที่เราแจ้งไว้ข้างต้นเท่านั้น
ขนาดว่าความรู้สึกตอนที่ถือมันอยู่ก็ยังเหมือนกันเลย ไม่มีอะไรแตกต่างกันไปแม้แต่น้อยกับ iPhone 5s แต่แน่นอนว่ามันแตกต่างกับ iPhone 6s แน่นอนครับ ไม่ว่าจะน้ำหนัก ขนาดและรูปทรง
ทั้งนี้หากถามว่าทำไมถึงเลือกใช้ดีไซน์แบบนี้ ตอนนี้เราคงยังหาคำตอบแบบที่แน่ชัดไม่ได้ รู้เพียงแต่ทาง “Apple เคยบอกเอาไว้ว่าดีไซน์แบบนี้เนี่ยแหละที่ผู้ใช้ชื่นชอบ” ถ้ามองในแง่ดีก็ถูกของ Apple ครับ แต่ถ้ามองอีกแง่นึง…ไม่แน่ว่าทาง Apple อาจจะไม่ได้อยากออกแบบเจ้าสมาร์ทโฟนหน้าจอ 4 นิ้วนี่ใหม่ทั้งหมดก็เป็นได้ แต่อย่างที่บอกแหละครับเราไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงของบริษัท
นอกจากเรื่องที่ว่ามันมีหน้าตาเหมือนกับ iPhone 5s ราวกับแกะแล้ว บางคนก็ยังมองว่ามันเป็น iPhone 6s ที่มีขนาด 4 นิ้วด้วย ซึ่งอันที่จริงแล้วก็ไม่น่าจะใช่เท่าไรครับ เพราะอย่างแรกเลย iPhone SE นั้นไม่มีฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ iPhone 6s นั่นก็คือ 3D Touch นอกจากนี้กล้องหน้าของ iPhone SE ยังมีความละเอียดอยู่ที่ 1.2 MP และมันก็ไม่ได้มี Barometer เหมือนใน iPhone 6s ด้วย คือมันยังมีความแตกต่างกันด้านสเปคกันอยู่เยอะพอสมควรครับ
นอกจากเรื่องของการออกแบบ อีกสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องรู้ไว้ นั่นก็คือเรื่องที่ว่า iPhone SE นั้นสามารถทำงานได้เร็วแค่ไหน..? ถึงมันจะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเล็ก ราคาเบาๆ แต่บางคนนี่ถึงกับเรียกมันว่าจรวดทางเรียบเลยทีเดียว และจากที่เราได้ทดลองดูแล้วเราขอไม่เถียงครับ!!
มันเป็นสมาร์ทโฟนที่ทำงานได้เร็วมากๆ
เมื่อเทียบกับ iPhone 5s แล้วล่ะก็ iPhone SE เครื่องนี้จะทำงานได้เร็วกว่ามากครับ ดูกันง่ายๆเลย iPhone 5s ใช้ชิพ A7 ควบคู่กับ RAM 1GB แต่ iPhone SE มาพร้อมกับชิพ A9 และ RAM 2GB นอกจากนี้มันยังรองรับการเชื่อมต่อ WiFi ตัวล่าสุดและมีการเชื่อมต่อสัญญาณ LTE ที่เร็วกว่า
ซึ่งแน่นอนว่านั่นทำให้ iPhone SE สามารถท่องเว็บ เปิดแอพต่างๆ และทำงานอื่นๆได้เร็วกว่า iPhone 5s อย่างมาก แถมด้วยขนาดของมันยังทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนจอใหญ่ๆที่จับได้ไม่ถนัดมือนัก
นอกจากนี้ iPhone SE ยังมาพร้อมกับ iOS 9.3 และจากที่เราได้ทดสอบใช้งานแล้วต้องบอกแบบนี้ครับว่า iOS 9.3 กับหน้าจอขนาด 4 นิ้วของ iPhone SE ยังทำงานด้วยกันได้ดีมากๆ ซึ่งเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนที่มีขนาดหน้าจอเดียวกันทางฝั่ง Android แล้วก็ให้ความรู้สึกที่ดีกว่าครับ จึงสรุปได้ว่าเรื่องของซอฟท์แวร์และหน้าจอขนาดเล็กไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับการใช้งาน เว้นแต่เราอาจต้องสไลด์หน้าจอบ่อยกว่าสมาร์ทโฟนจอใหญ่หน่อยแค่นั้นครับ
ทั้งนี้ด้วยการทำงานร่วมกันระหว่างชิพ A9 บวกกับซอฟท์แวร์ตัวใหม่จึงทำให้ส่งผลดีมาถึงในส่วนของแบตเตอรี่ด้วย คือถึงแม้ว่า iPhone SE จะมีขนาดเท่ากับ iPhone 5s ก็ตาม แต่มันสามารถทำงานได้นานกว่าถึง 50% เลยทีเดียว จากที่เราได้ทำการทดสอบเรื่องแบตเตอรี่มาเป็นเวลาเกือบอาทิตย์ และผลที่ได้ก็ต้องบอกเลยว่า iPhone SE เป็นผู้ชนะครับ คืออันที่จริงต้องบอกว่ามันอึดกว่า iPhone 6s เสียด้วย
ในส่วนของกล้องใน iPhone SE นับเป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจมากๆสำหรับผู้ที่กำลังใช้ iPhone 4s หรือ 5s อยู่ เพราะแน่นอนว่ากล้องหลังของ iPhone SE นั้นดีกว่า อย่างที่เราทราบกันดีว่ามันเป็นเทคโนโลยีตัวเดียวกับ iPhone 6s นั่นเองครับ
กล้องที่ดีที่สุดในสมาร์ทโฟนไซส์เดียวกัน
จากที่เราได้ทดลองถ่ายภาพด้วย iPhone SE แล้ว เรารู้สึกว่าภาพที่ได้ออกมานั้น เทียบเท่ากับการถ่ายภาพด้วย iPhone 6s เลยล่ะคือภาพถ่ายที่ได้ออกค่อนข้างสมจริง ไม่ได้มีการผิดเพี้ยนของสีเท่าไรนัก แถมยังเก็บรายละเอียดได้ดี และแน่นอนว่าการถ่ายภาพในพื้นที่ที่มีแสงน้อยก็ยังมีนอยซ์เกิดขึ้นเป็นปกติอยู่เช่นเคย ตามประสาของกล้อง iPhone
อย่างไรก็ตามก็ยังถือว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากทีเดียวนะครับ ถึงมันจะมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่บ้าง แต่ด้วยกล้องหลังระดับนี้กับสมาร์ทโฟนที่มีขนาดและราคาแบบกระทัดรัด มาพร้อมกับการรองรับการอัดวิดีโอแบบ 4K รวมทั้ง Live Photos ด้วย เชื่อว่ามันสามารถเอาชนะคู่แข่งหลายๆเจ้าในตลาดไปได้ไม่ยากเย็นนักแน่ๆ
หากให้เราสรุปง่ายๆเกี่ยวกับ iPhone SE เราขอพูดแบบนี้แล้วกันครับว่า…มันเป็นสมาร์ทโฟนที่เลือกใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในเรือนร่างเดิม ถามว่าเป็นเครื่องทีดีไหม..? ก็ต้องบอกว่าดีครับ เร็วและแรงกว่า iPhone 4s และ 5s แน่นอน แต่ถ้าถามว่ามันเหมาะกับผู้ใช้ทุกคนไหม..? ก็ต้องตอบว่าไม่ทุกคนครับ
เชื่อว่าคนเรามีความชอบที่แตกต่างกัน ใครชอบหน้าจอเล็กๆเครื่องเล็กๆจับถนัดมือก็น่าจะชื่นชอบ iPhone SE ครับ แต่ใครที่ชอบหน้าจอใหญ่ๆ iPhone SE ไม่ใช่สิ่งที่คุณตามหาอยู่แน่นอน
ด้วยราคาของมันบวกกับประสิทธิภาพแล้ว คงต้องยอมรับครับว่ามันจิ๋วแต่แจ๋วไม่ได้แพ้เครื่องรุ่นใหญ่ๆเลย หากใครที่ใช้ iPhone 6s อยู่แล้ว iPhone SE ก็ไม่จำเป็นเลยครับ แต่สำหรับใครที่ยังใช้ 4s หรือ 5s อยู่ การอัพเกรดมาเป็น iPhone SE ไม่ใช่ทางเลือกที่เลวร้ายอย่างแน่นอน