มีความเป็นไปได้ที่ Apple อาจจะเตรียมเปลี่ยนชื่อรุ่นของ iPhone รุ่นท็อปสุดจากเดิมที่ใช้สกุลว่า “Pro Max” มาเป็น “Ultra” คาดว่าจะเริ่มใช้ครั้งแรกในปีหน้าภายใต้ชื่อรุ่น iPhone 15 Ultra นอกจากนี้ Mark Gurman ยังระบุอีกว่า iPhone 15 ยังจะมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งรวมไปถึงการใช้ USB-C เป็นพอร์ตชาร์จแทน Lightning แบบในปัจจุบันอีกด้วย
ชื่อสกุล Pro Max ของมือถือเรือธงของ Apple นั้นเริ่มใช้มาตั้งแต่เมื่อปี 2019 โดยใช้กับ iPhone 11 เป็นครั้งแรก และแน่นอนว่าการพิจารณาว่าต่อจากนี้ไป Apple น่าจะเปลี่ยนมาใช้สกุล Ultra แทน Pro Max นั้นก็ไม่ได้ดูน่าประหลาดใจหรือเป็นไปไม่ได้อะไรขนาดนั้น เพราะจากการเปิดตัวโปรดักส์ในปีนี้ของ Apple บริษัทผลไม้ยักษ์เองก็เริ่มมีการเอาคำว่า Ultra มาใช้กับผลิตภัณฑ์ตัวท็อปของซีรีส์แล้วอย่าง Apple Watch Ultra หรือแม้แต่เรียกชิปเซ็ตใหม่ของตัวเองว่า M1 Ultra ตามที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้า นอกจากนี้ Apple เองยังมีการนำเอาชื่อเก่าที่เคยระงับใช้ไปแล้วอย่าง “Plus” กลับมาใหม่ในการเปิดตัว “iPhone 14 Plus” ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อต้นเดือนอีกด้วย
iPhone 14 เองเพิ่งจะเปิดตัวมาได้ไม่ถึงเดือน ข่าวลือเรื่อง iPhone 15 ก็มีหลุดมาเป็นว่าเล่นแล้ว โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์อย่าง Ross Young เองก็เคยออกมาคาดการณ์ว่า Dynamic Island ที่เพิ่งเปิดตัวมาบน iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ที่กำลังเป็นกระแสในตอนนี้นั้นจะอยู่ยาวไปจนถึง iPhone 15 เลย โดยบน iPhone 15 นั้นคาดว่าจะมีมาให้ในทุกรุ่นของซีรีส์ iPhone 15 เลย ไม่ได้กั๊กไว้เฉพาะสำหรับสองรุ่นท็อปเท่านั้นเหมือนปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังลือกันว่า iPhone 15 นั้นจะมาพร้อมกับพอร์ตชาร์จ USB-C แทนการใช้งานพอร์ตสิทธิบัตรอย่าง Lightning กันเสียที โดย Gurman ระบุว่า Apple เองได้เริ่มต้นกระบวนการทดสอบพอร์ตชาร์จใหม่บน iPhone นี้ตั้งแต่ก่อนที่สหภาพยุโรปจะมีการออกกฏหมายคุ้มครองผู้บริโภคให้มือถือทุกรุ่นต้องใช้งาน USB-C เป็นพอร์ตหลักภายในปี 2024 เสียอีก
การเปลี่ยนชื่อรุ่นของ Apple จากสกุล Pro Max มาเป็น Ultra สำหรับรุ่นใหญ่สุดในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีนะครับ เพราะหากมองกันในเรื่องของแบรนดิ้งแล้ว ชื่อ Pro และ Pro Max เป็นอะไรที่ชวนสับสนมากๆ สำหรับผู้ใช้งานหลายๆ คน เพราะมันใกล้เคียงกันเกินไปทั้งชื่อเรียกและหน้าตาของโปรดักส์ ซึ่งหากมีการเปลี่ยนชื่อรุ่นใหญ่เป็น Ultra แทน Pro Max ก็จะถือว่าสร้างความแตกต่างในแง่ของแบรนดิ้งได้ดียิ่งขึ้น น่าจะลดความสับสนของการเรียกชื่อตัวผลิตภัณฑ์สำหรับคนทั่วไปได้มากทีเดียว