ภารกิจที่ยาวนานกว่า 12 ปีของ Apple เพื่อนำความสามารถในการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่ใช้เข็ม มาใส่ให้กับ Apple Watch ดูเหมือนกำลังเดินหน้าต่อเนื่อง โดยมีรายงานจาก Bloomberg ได้แจ้งว่าในขณะนี้ โครงการดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่จะนำออกสู่ตลาด เมื่อพวกเขาสามารถทำให้อุปกรณ์มีขนาดที่เล็กลง
ซึ่งเทคนิคที่ Apple นำมาใช้เพื่อตรวจระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่ใช้เข็มนั้น ถือว่าไม่ธรรมดา ใช้ทีมเฉพาะที่แอบพัฒนาอย่างลับๆ เป็นเทคนิคใช้เลเซอร์ฉายแสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ ลงไปยังบริเวณใต้ผิวหนังในระดับชั้นที่จะมีของเหลวซึ่งเป็นสารที่รั่วออกจากหลอดเลือดฝอย ไหลอยู่คั่นระหว่างผิว ซึ่งเป็นส่วนที่สามารถดูดซึมกลูโคสได้ จากนั้นแสงจะสะท้อนกลับมาที่เซ็นเซอร์ในรูปแบบที่จะระบุได้ถึงความเข้มข้นของกลูโคส อัลกอริทึมจะแปลออกมาเป็นระดับน้ำตาลในเลือดของบุคคลนั้นโดยไม่ต้องมีการใช้เข็มใดๆ เจาะเข้าไปในผิวหนัง
จุดเริ่มต้นของโครงการ Bloomberg มีการกล่าวกันว่ามันเริ่มขึ้นตั้งแต่ในปี 2010 ในช่วงเวลาที่สตีฟ จ็อบส์ล้มป่วย เขาได้ให้ Apple เข้าซื้อสตาร์ทอัพที่พัฒนาระบบตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด RareLight เข้ามายังบริษัทของตน และได้เก็บความพยายามนี้ไว้เป็นความลับเสมอมา โดยใช้วิธีการดำเนินงานในฐานะบริษัทที่แยกตัวออกมาอย่าง Avolonte Health หลังจากนั้นมีการเปลี่ยนชื่อเป็น Exploratory Design Group (XDG) มันไม่เคยถูกเผยแพร่มาก่อน มีเพียง Tim Cook ซีอีโอ, Eugene Kim หัวหน้าแผนกฮาร์ดแวร์ Apple Watch และผู้นำระดับสูงคนอื่นๆ ของบริษัทเท่านั้นที่มีส่วนร่วมในเรื่องนี้
จากแหล่งข่าวของ Bloomberg ที่เขาไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้เนื่องจากเป็นความลับขั้นสูงของบริษัท ให้ข้อมูลว่า “เทคโนโลยีนี้ใช้งานได้จริง แต่ยังจำเป็นที่ต้องลดขนาดลงเพื่อให้มีขนาดที่ใช้งานได้บนอุปกรณ์ต้นแบบที่มีขนาดพอๆ กับเครื่อง iPhone และสามารถคล้องเข้ากับกล้ามเนื้อแขนของคนใส่ได้”
นั่นจะเป็นการลดขนาดลงอย่างมากทีเดียวครับ เพราะในปัจจุบันเครื่องยิงเลเซอร์วัดความเข้มข้นของกลูโคสใต้ผิวหนังมีขนาดเท่าโต๊ะ นี้คงเป็นสิ่งที่ Apple ต้องทำงานกันอย่างหนักในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา และตัวผลิตภัณฑ์ยังน่าจะต้องการเวลาอีกสักหน่อย หรืออาจจะหลายปี แต่ก็น่ายินดีที่วันนี้ได้ยินข่าว Apple ยังคงมุ่งหน้าต่อไป เพราะอุตสาหกรรมในวงการนี้ยังไม่เคยมีประวัติที่ดีมาก่อนเลยสำหรับการผลิตอุปกรณ์ตรวจน้ำตาลในเลือดแบบไม่ต้องใช้เข็ม แม้แต่บริษัทด้านสุขภาพในเครือของยักษ์ใหญ่ของ Google อย่าง Alphabet ยังขอยกเลิกแผนพัฒนาคอนแทคเลนส์อัจฉริยะที่จะสามารถติดตามระดับน้ำตาลโดยใช้น้ำตาไปเมื่อปี 2018 เพราะความยากลำบาก จะเห็นว่าแม้แต่แบรนด์ใหญ่ที่มีทรัพยากรมากมายก็ไม่รับประกันว่าจะไปถึงฝั่ง และในกรณีของ Apple ก็เช่นกัน เรายังไม่รู้ชัดว่าสุดท้ายโซลูชันของ Apple จะทำออกมาได้แม่นยำเพียงใด และจะเป็นจริงได้มากแค่ไหน แต่อย่างไรนี้ก็คือหนึ่งในบริษัทที่ถือความเป็นไปได้ให้กับโลกในด้านเทคโนโลยีเสมอมา
และนี่จะเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่มีอยู่มากกว่า 400 ล้านคนทั่วโลด ให้ใช้เป็นทางเลือกในการดูแลตัวเอง การตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดได้แบบเรียลไทม์ และยังสามารถแจ้งเตือนผู้ที่เป็นโรคเบาหวานที่ยังไม่รู้ตัวอีกมากมายได้ด้วยอีกทางหนึ่ง จะทำให้พวกเขาสามารถควบคุมและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตนเองเพื่อป้องกันโรคเบาหวานก่อนวัยอันควรได้อย่างมาก และสำหรับผู้ที่รักษาตัวที่ไม่ต้องทนกับความเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อต้องเจาะเลือดปลายนิ้วสำหรับการวัดระดับน้ำตาล หรือต้องใช้แผ่นแปะวัดเบาหวานซึ่งต้องคอยเปลี่ยนใหม่ทุกสองสัปดาห์ให้วุ่นวายอีกต่อไป
วิธีการที่ไม่สร้างเจ็บปวดด้วยเทคโนโลยียุคสมัยใหม่นี่จะเปิดโลก และนั้นจะทำให้ Apple Watch ได้เปรียบเหนือ smartwatches อื่นใดในตลาดมากขึ้นไปอีกขั้นอย่างแน่นอน
Bloomberg ยังรายงานเพิ่มเติมว่า Apple ยังปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในโครงการดังกล่าว แต่ข่าวนี้กลับทำให้หุ้นในนิวยอร์คของบริษัทเทคโนโลยีโรคเบาหวานชั้นแนวหน้า อย่าง Dexcom และ Abbott ตกลงมากกว่า 3% ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นในช่วงก่อนปิดตลาด แต่ทาง Apple หุ่นเพิ่มขึ้น 0.3% เป็น 148.91 ดอลลาร์โดยทันที น่าจะสะท้อนความสำคัญของผู้คนในอเมริกากับเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะเฉพาะในอเมริกาก็มีผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวานมากกว่า 1 ใน 10 ของประชากรประเทศ