นาวอะเดย์ จวบจนวันนี้ ที่ยิ่งรู้จัก…ยิ่งรักเธอ
สารภาพตามตรงเลยว่ามาถึงวันนี้ Apple Watch ได้เข้ามาจับจองพื้นที่บนข้อมือและหัวใจผมไปมากกว่า Issey Miyake W เป็นที่เรียบร้อย ด้วยรูปลักษณ์การออกแบบของตัวเรือน ที่หลังจากเปลี่ยนสายแล้วมันช่างเพิ่มความสวยงามและเหมาะกับทุกโอกาสในการสวมใส่เหลือเกิน โดยส่วนตัวคิดว่าสวยที่สุดในบรรดาสมาร์ทวอชต์ในตลาดด้วยกันทั้งหมดแล้ว (มี Moto 360 ซึ่งเป็น Android Wear ที่ก็สวยเหมือนกัน นอกนั้นแล้วคิดว่ายังไม่ผ่านสำหรับการใช้งานพื้นฐานในทุกโอกาส รวมทั้ง Pebble Steel ด้วย) และความสามารถที่ช่างหลากหลายและลงตัวสำหรับผู้ใช้งาน iPhone อย่างเรามากๆ
ยิ่งเวลาผ่านไปผมก็ยิ่งเรียนรู้และเข้าใจเจ้า Apple Watch ได้มากยิ่งขึ้น ดึงศักยภาพของมันออกมาได้มากยิ่งขึ้น เพิ่งรู้อะไรง่ายๆ อย่างมันสามารถเป็นรีโมตสำหรับการถ่ายรูปจากแอพพลิเคชั่นกล้องของ iPhone และใช้บังคับ Apple TV ได้ รวมไปจนถึงเพิ่งรู้ว่าฟังค์ชั่นในแอพพลิเคชั่น Music สามารถบังคับแอพพลิเคชั่นเพลงอื่นๆ ที่สำคัญๆ ได้อีกบางตัวด้วย นอกจากนี้การนำทางด้วย Apple Watch ก็เป็นอะไรที่ใช้งานง่ายทีเดียว เพราะ Apple Watch ของเราจะใช้การสั่นเพื่อบอกว่าเราควรจะเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา หรือเราใกล้จะถึงจุดหมายปลายทางของเราแล้ว โดยจะสั่นไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่ามันจะบอกเราว่าอย่างไร และมันยังไปสั่งเปิดแอพพลิเคชั่นแผนที่บน iPhone ของเราให้เลยอีกด้วยหากเราไม่ถนัดที่จะใช้การนำทางบน Apple Watch (ที่เหมาะกับการนำทางด้วยการเดินมากกว่า)
แม้จะมีอีกบางเรื่องที่ Apple ยังต้องปรับปรุงใน Apple Watch เพื่อให้ประสิทธิภาพของมันสูงขึ้นอีก (เช่นเรื่องของการกันน้ำที่ควรพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถรับประกันการกันน้ำได้จริงๆ) ยังมีบางจุดที่มองเป็นจุดเสียของเจ้า Apple Watch ได้อยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเท่าที่เปิดเผยมา จุดเสียหลายๆ จุดจะได้รับการแก้ไขใน watchOS 2 อย่างแน่นอน (เช่นเรื่องการกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงหลายๆ อย่างของนักพัฒนาทำให้ไม่สามารถดึงศักยภาพเต็มๆ ของ Apple Watch มาใช้งานได้และความไวในการเรียกเปิด ปิดแอพพลิเคชั่นรวมถึงบั๊คเล็กๆ น้อยๆ ต่างๆ) ซึ่งเพียงแค่ได้เห็นการเคลื่อนไหวของ Apple watchOS ที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็วแบบนี้ ผมก็พร้อมที่จะลองฝากผีฝากไข้นาฬิกาบนข้อมือตัวเองไว้กับ Apple ดูสักตั้งแล้วนั่นล่ะ
วันใดที่ Apple Pay สามารถใช้งานกับบัตรเครดิตไทยได้อย่างเต็มที่แล้ว ผมมองภาพออกเลยว่า Apple Watch จะเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์ขึ้นมากกว่าเดิมได้อีกไม่ยากเย็นเลย เพราะระบบในบ้านเรา (Visa PayWave) นั้นพร้อมรองรับ Apple Pay อยู่แล้ว และมีติดตั้งกระจายกันอยู่ในจุดสำคัญแทบทุกที่ และเมื่อวันนั้นมาถึง Apple Watch ก็จะเป็นอุปกรณ์เสริมสำคัญที่จะช่วยเพิ่มแบรนด์โลยัลตี้ให้กับ Apple ในตลาดประเทศไทยมากขึ้นอย่างแน่นอน
แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น หากคุณไม่ได้รีบร้อนอะไรที่จะต้องจับจองเป็นเจ้าของ Smart Watch สักตัวเพื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือยังพอจะรอ Apple Watch 2 ที่มีข่าวลือแว่วๆ ว่าจะมาในปีหน้าได้อยู่ โดยส่วนตัวแล้วผมก็คิดว่าการรอคอยก็ไม่ได้เสียหายอะไรถ้าเราจะได้ในสิ่งที่ดีขึ้นจากที่เป็นอยู่ (คิดว่ากันน้ำน่าจะมาอย่างเป็นทางการใน Apple Watch ตัวที่ 2 รวมทั้งกล้อง iSight ที่มีข้อมูลเปิดเผยกันออกมาบ้างแล้ว และอาจมีการพัฒนาแบตเตอร์รี่ให้ดีขึ้น) แตถึงกระนั้นก็ต้องท่องจำไว้เสมอว่ายังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าช่วงไลฟ์เซอร์เคิลของผลิตภัณฑ์กลุ่ม Apple Watch นั้นจะยาวนานขนาดไหน (เพราะนี่เป็นตัวแรก) ดังนั้นก็อาจมีความเป็นไปได้อยู่ค่อนข้างสูงว่า Apple Watch 2 อาจไม่เปิดตัวเร็ววันนี้อย่างที่คาดเดากัน และหากคุณรอต่อไปเพื่อหวังจะไปเก็บตัวเวอร์ชั่นสองที่คาดเดากันว่าจะเปิดตัวในปีหน้า คุณก็อาจจะได้รอเก้อเช่นเดียวกัน
สำหรับผมแล้วคงต้องบอกว่าการตัดสินใจซื้อเจ้า Apple Watch มาทดลองใช้ในครั้งนี้นั้นไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิดพลาดเลย ตรงกันข้าม ผมกลับพอใจกับคุณภาพและความสามารถของเจ้า Apple Watch มากเกินที่คาดหมายเอาไว้ด้วย ดังนั้นจนถึงตอนนี้คงสรุปได้กับตัวเองแล้วว่าจะเก็บไว้ใช้งานบนข้อมือเป็นนาฬิกาหลักแทนตัวเดิมอย่างแน่นอน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะว่า สำหรับ Apple Watch มันช่างเป็นนาฬิกาที่เหมาะกับคำว่า
[quote]ยิ่งรู้จัก…ยิ่งรักเธอ อย่างแท้จริง[/quote]
[gradeA]