Apple นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ App Tracking Transparency หรือ ATT ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกที่จะป้องกันไม่ให้แอปติดตามการใช้งานของเราได้ แน่นอนว่าผลประโยชน์จะอยู่ที่ผู้ใช้งาน แต่สำหรับคนทำงานที่เกี่ยวกับโฆษณา แน่นอนว่าต้องไม่ชอบใจนัก
App Tracking Transparency มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถรักษาความเป็นส่วนตัวของตัวเองขณะใช้งานบนโลกออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ปัญหาสำหรับนักการตลาดคือเมื่อไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้งานได้ก็เป็นการยากที่จะยิงโฆษณาให้ตรงใจ ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับโฆษณาเริ่มหันไปลงทุนในระบบปฏิบัติการ Android มากขึ้นกว่าเดิม
อ้างอิงจากตัวเลขของบริษัทวิเคราะห์โฆษณา Tenjin ที่เผยแพร่โดย Wall Street Journal ชี้ให้เห็นว่า การใช้จ่ายบนแพลตฟอร์มโฆษณา iOS ลดลงมากประมาณหนึ่งในสามระหว่างช่วงต้นเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม ในขณะเดียวกัน การโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Android กลับมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นประมาณ 10% นับในช่วงเวลาเดียวกัน
ในกรณีของเอเจนซี่โฆษณา Tinuiti ผู้โฆษณาไม่สามารถเสนอราคาสำหรับโฆษณาที่กำหนดเป้าหมายบนผู้ใช้ iOS หลังจากฟีเจอร์ ATT ถูกใช้งานอย่างจริงจัง การเปลี่ยนแปลงดังทำให้ความต้องการโฆษณาที่ตรงเป้าหมาย (Target ads) บนอุปกรณ์ Android เพิ่มขึ้น โดยเติบโตขึ้น 46% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ปัจจุบันโฆษณาแบบตรงเป้าหมายใน Android นั้นมีราคาสูงขึ้นถึง 30% หากเทียบกับโฆษณาที่ยิงใน iOS