ถ้าพูดถึงเกมบน Xbox Series X ในปีนี้ที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจมากที่สุด และยกให้เป็น Best Of The Year สำหรับเครื่อง XBOX ในปี 2023 คงหนีไม่พ้น Starfield ผลงานสุดทะเยอทะยานจาก Bethesda Game Studio กำกับโดยคุณ Todd Howard ที่เคยมีผลงานการสร้างเกมซีรีส์ Fallout มาก่อน Starfield เปิดตัวครั้งแรกในงาน E3 2018 ด้วยทีเซอร์สั้น ๆ พร้อมกับมีการประกาศกลางเวทีโดยคุณ Todd Howard ว่าตัวเกมจะมีการใช้ Creation Engine 2 เอนจินเวอร์ชันใหม่ที่ถูกปรับปรุงสำหรับการสร้างเกมระดับ Next-Gen โดยเฉพาะ
จนกระทั่งเวลาผ่านล่วงเลยไป 3 ปี Bethesda ประกาศเตรียมวางจำหน่าย Starfiled ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2022 บน PC และ Xbox Series X|S เท่านั้น เพราะหลังจากการเข้าซื้อกิจการ ZiniMax Media inc. บริษัทแม่ของ Bethesda Softwork ในปี 2021 ทำให้ Starfield กลายเป็นเกม Console Exclusive หมายความว่าลงเฉพาะคอนโซลเครื่องใดเครื่องหนึ่งเท่านั้น ในที่นี้ก็คือลงให้เฉพาะ Xbox Series X|S เท่านั้น แต่ไม่ลงให้ PlayStation 5
อย่างไรก็ตามตัวเกมประกาศเลื่อนวางจำหน่ายหลายครั้งเนื่องจากประสิทธิภาพของตัวเกมไม่เป็นดั่งที่หวังทีมงานเลยต้องการเวลาขัดเกลาเพิ่ม แต่ในที่สุด Starfiled ก็วางจำหน่ายและเปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 กันยายน 2023
หลังจากที่ผมได้สัมผัส Starfiled เกมสวมบทบาทในจักรวาลอันกว้างใหญ่ก็พบว่าเกมเพลย์ของมันไม่ได้เป็นแบบที่ผมหวัง ตัวเกมมาพร้อมกับดวงดาวน้อยใหญ่นับพันดวง แต่ด้วยความที่เกมมีฉากโหลดคั่นกลางเยอะและไม่ได้อิสระแบบที่มันควรจะเป็น Starfiled เลยสอบตกเป็นอย่างมากในแง่ของความอิสระของการเดินทางในอวกาศ แต่สิ่งที่ทำให้ผมติดหนึบกับเกมก็คือการนำเสนอเรื่องที่น่าติดตาม คือถ้าชอบเสพ Lore ของเกม Starfield มีแน่นมาก ๆ
จุดแข็งของ Starfield ก็คือเนื้อหาที่เน้นให้ผู้เล่นมีส่วนร่วมกับเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่การมีทางเลือกให้ผู้เล่นหลายทางเช่นสายเปย์หนักจ่ายส่วยทุกสถานการณ์ หรือจะเป็นสายประนีประนอมโน้มน้าวตัวละครในเกม ส่วนตัวผมชอบการโน้มน้าวมากที่สุดแล้ว ในช่วงของการโน้มน้าว NPC ผู้เล่นมีเวลาอยู่ทั้งหมด 3 เทิร์นด้วยกัน แต่ละตัวเลือกก็จะมีแต้มของมันยิ่งแต้มเยอะโอกาสล้มเหลวก็ยิ่งเยอะ ถ้าตัวเลือกไหนถูกใจ NPC แต้มอันนี้จะไปเพิ่มหลอด Persuation ถ้าหลอดเต็มเมื่อไรก็แปลว่าคุณโน้มน้าว NPC ได้สำเร็จ แต่ถ้าล้มเหลวคุณก็อาจต้องหาวิธีอื่นแทน ส่วนใหญ่มักจะจบลงที่การฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง
ถ้าพูดถึงเกมเพลย์ในช่วงระหว่างต่อสู้ถ้าพูดให้เข้าใจง่าย ๆ มันก็คือ Fallout อวกาศนั่นแหละในเกม Fallout มีอะไร Starfiled ก็มีเหมือนกันหมดแค่ถูกอัปเกรดให้ดีขึ้นไปกว่าเดิม Starfiled ถ้าไม่คิดอะไรมากมันก็เกมดีเกมหนึ่งที่ดันมาตกม้าตายด้วยเกมเพลย์ของตัวเอง ทั้งฉากโหลดที่ไม่ควรจะมาคั่นกลางระหว่างการเดินทางในอวกาศ ส่งผลให้ผู้เล่นอย่างเราไม่รู้สึกสนุกไปกับเกมแบบที่มันควรจะเป็น รวมไปถึงเรื่องการสำรวจดวงดาวสุดแสนน่าเบื่อขาดองค์ประกอบหลายอย่างที่ควรมีในเกมแนวนี้แถม Performance ของเกมที่มาลดความสนุกของเกมลงไปอีก