บทความที่ท่านทุกคนจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นบทความการรีวิวสมาร์ทโฟนที่ว่ากันว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่จะเข้ามาทำให้ BlackBerry ยังมีพรุ่งนี้
เกริ่นขึ้นมาก็รู้สึกโหวงๆกันเลยใช่ไหมครับ แต่ก็ต้องยอมรับครับว่าสิ่งที่กล่าวไปในข้างต้นนั้นเป็นเรื่องจริง สำหรับสมาร์ทโฟนอย่าง BlackBerry Priv สมาร์ทโฟนตัวแรกของ BlackBerry ที่รันระบบปฏิบัติการ Android และมันก็อาจเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องสุดท้ายของบริษัทอีกด้วย จะบอกว่า BlackBerry ฝากความหวังทั้งหมดในตลาดสมาร์ทโฟนไว้กับเครื่องนี้ก็ไม่ผิดนักครับ เพราะหากว่าเจ้าสมาร์ทโฟนตัวนี้ขายได้ไม่ดีเท่าที่ควรแล้วล่ะก็ ทาง CEO ของ BlackBerry เคยกล่าวไว้ว่าจะไม่ขออยู่ในตลาดผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอีกต่อไป พูดแล้วก็แอบขนลุกนะครับ โดยทาง BlackBerry ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 5 ล้านเครื่องต่อปี ซึ่งก็ถือว่าไม่น้อยเลยนะครับ โดยเฉพาะหากนำไปเทียบกับยอดขายสมาร์ทโฟนตัวเก่าแล้ว ต้องบอกเลยว่า BlackBerry ตั้งเป้าไว้ค่อนข้างสูงทีเดียว ซึ่งเราก็หวังว่า BlackBerry Priv เครื่องนี้น่าจะสามารถทำได้ และทำให้ BlackBerry ยังอยู่กับเราต่อไป
เอาเป็นว่าพักเรื่องเศร้าๆแล้วเรามาเข้าเรื่องของเรากันเลยดีกว่าครับ กับการรีวิว BlackBerry Priv สำหรับสมาร์ทโฟนเครื่องนี้นอกจากที่มันจะมาพร้อมสิ่งใหม่ๆอย่าง Android OS แล้ว ทางบริษัทก็ยังเลือกที่จะไม่ทิ้งเอกลักษณ์เดิมของบริษัทอย่างคีย์บอร์ดแบบ QWERTY เรียกว่าเป็นฮาร์ดแวร์ที่บริษัทไม่ยอมทิ้งไปน่าจะดีกว่าครับ แต่จะดีหรือไม่ดีต้องลองอ่านต่อไปในรีวิวด้านล่างนี้ดูครับ
สำหรับคีย์บอร์ดแบบที่จับต้องได้นั้น เชื่อว่าหลายคนคงทราบกันดีว่ามันมีหน้าตาแบบไหนตามสไตล์ของ BlackBerry และนั่นล่ะครับมันถูกจับใส่มาใน BlackBerry Priv เครื่องนี้โดยมันจะถูกซ่อนไว้ใต้หน้าจอของตัวเครื่อง ซึ่งสามารถเปิดใช้ได้โดยการสไลด์หน้าจอขึ้นไปด้านบนเท่านั้น เพียงเท่านี้เราก็จะได้พบกับคีย์บอร์ด 4 แถวที่ทำจากพลาสติกหน้าตาคุ้นเคยโผล่มาให้เห็นกันแล้ว ซึ่งจากการทดสอบก็พบว่ามันทำงานได้ดีเลยทีเดียว ไม่มีความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการพิมพ์ แม้กระทั่งพิมพ์เร็วๆก็ไม่มีปัญหาเกิดขึ้นเลยครับ
นอกจากเจ้าคีย์บอร์ดตัวนี้จะสามารถทำงานได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว การออกแบบของ BlackBerry Priv เครื่องนี้ยังทำออกมาได้ดีมากๆ คือเวลาที่เปิดใช้งานคีย์บอร์ดตัวนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าส่วนใดส่วนหนึ่งของตัวเครื่องหนักหรือถ่วงครับ ค่อนข้างสมดุลย์ นอกจากนี้ตัวเครื่องยังไม่ได้ทำให้ผู้ใช้อย่างเราๆรู้สึกว่าหนาเทอะทะเพราะมีคีย์บอร์ดซ่อนอยู่อีกด้วย เรียกว่าถ้าไม่บอกก็ไม่รู้เลยว่ามีคีย์บอร์ดซ่อนอยู่จริงๆครับ ส่วนด้านหลังของตัวเครื่องก็มีกระจกที่ทำให้เราสามารถจับตัวเครื่องได้แบบกระชับ ไม่ต้องกลัวว่าพิมพ์ๆด้วยคีย์บอร์ดอยู่แล้วจะลื่นหลุดมือไป
ในส่วนของซอฟท์แวร์ที่ออกแบบมาสำหรับคีย์บอร์ดตัวนี้ก็ทำออกมาได้อย่างดีไม่แพ้กัน ต้องชื่นชม BlackBerry ที่ใส่ใจตรงส่วนนี้มาก นอกจากนี้เจ้าคีย์บอร์ดตัวนี้มันยังมาพร้อมกับ Touch-sensitive (การรับรู้การสัมผัส) ดังนั้นเราจึงสามารถสไลด์นิ้วของเรากับคีย์บอร์ดนี้ได้เลย เหมือนกับมันเป็นหน้าจอ Touchscreen ยังไงยังงั้น เวลาท่องเว็บก็ไม่ต้องไปสไลด์ที่หน้าจอก็ได้นั่นเองครับ ทั้งนี้ในส่วนของการพิมพ์ต่างๆมันยังมาพร้อมกับฟีเจอร์อย่างการเดาคำด้วย ซึ่งเพียงสไลด์นิ้วขึ้นด้านบนด้วยตัวคีย์บอร์ด เท่านี้ก็จะมีคำศัพท์โผล่มาให้เราเลือกแล้ว แต่อย่างไรซะฟีเจอร์นี้ก็ยังช่วยได้บ้างไม่ได้บ้างเหมือนเดิมครับ
ซึ่งหากถามความรู้สึกเรื่องความแตกต่างระหว่างคีย์บอร์ดบน Touchscreen กับคีย์บอร์ดแบบเก่านี้ ต้องตอบตามตรงว่ามันเหมือนกันครับ ไม่ได้ทำให้พิมพ์เร็วขึ้น หรือพิมพ์ได้แม่นยำขึ้นแต่อย่างใด เพียงแต่มันให้ความรู้สึกที่เหมือนเรากำลังพิมพ์มากขึ้น เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้สึกว่าเรากดปุ่บนคีย์บอร์ดไปแล้วมันยุบลงนั่นเองครับ ถ้าสรุปง่ายๆเลยเหมือนมีคีย์บอร์ดให้เรา 2 ชุด แต่จะชอบใช้อันไหนก็แล้วแต่เลยครับ
นอกจาก BlackBerry Priv จะมาพร้อมกับคีย์บอร์ดแล้ว แน่นอนครับมันยังมาพร้อมกับฮาร์ดแวร์อีกหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอขนาด 5.4 นิ้ว AMOLED ที่ดีไซน์ออกมาให้โค้งมน บอกเลยว่ามันทำให้เรารู้สึกถึงความหรูหรามากเลยทีเดียวเวลาที่ได้สัมผัส แต่มันก็ไม่ถึงขนาดเว่อวังอลังการนะครับ ทั้งนี้มันมีความละเอียดอยู่ที่ 2560 x 1440 ซึ่งถือว่าสูงเพียงพอแล้วครับสำหรับผู้ใช้อย่างเราๆ
ในส่วนของลำโพง BlackBerry เลือกที่จะวางตำแหน่งมันไว้บริเวณส่วนล่างของด้านหน้าครับ ทั้งนี้ปุ่มเพิ่มลดเสียงจะอยู่ด้านขวาและปุ่ม “์Mute” หรือปิดเสียงจะอยู่ตรงกลางระหว่างปุ่มเพิ่มและลดนะครับ โดยเจ้าปุ่มปิดเสียงนี้จะรวมทุกฟังก์ชั่นเรื่องเสียงไว้ที่นี่ที่เดียว อารมเดียวกับ One stop service เรื่องเสียงปุ่มนี้ปุ่มเดียวจบ
มาถึงตรงนี้แล้วต้องบอกว่า BlackBerry Priv เป็นสมาร์ทโฟนที่ยอดเยี่ยมทีเดียวนะครับ ไม่ใช่ทำออกมาชุ่ยๆแล้วก็บอกว่าจะเป็นเครื่องสุดท้ายเพื่อเรียกคะแนนสงสารจากผู้ใช้เลย
ไปต่อกันดีกว่า สำหรับ BlackBerry Priv จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ 3,410 และ Processor Snapdragon 808 จับคู่มากับ RAM 3GB และความจุภายใน 32GB ครับ ถึงใครจะบอกว่า Snapdragon 810 ดีกว่า แต่เชื่อเถอะครับว่า Snapdragon 808 ก็ไม่ใช่เบาๆ นอกจากนี้ความจุภายใน 32GB ที่ให้มาก็ไม่ถือว่าน้อยเกินไป และแน่นอนว่าเราสามารถเพิ่มความจุขึ้นไปอีกด้วย microSD ครับ
ทั้งนี้จากการทดสอบใช้งานแล้วก็พบว่าด้วยสเปคด้านบนนี้มันสามารถทำงานได้ค่อนข้างดีมากๆเลยครับ อย่างการเล่นเกมส์ก็ไม่มีปัญหาอาการกระตุกหรือค้างออกมาให้เห็น แต่จะมีบางครั้งที่ Touchscreen ทำงานพลาดไปบ้างเล็กน้อย และหลังจากที่ลองใช้งานอะไรหลายๆอย่างแล้วก็พบว่ามันสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 22.5 ชั่วโมง ซึ่งก็เป็นไปตามที่ BlackBerry ได้กล่าวไว้ว่า เราจะสามารถใช้งานเครื่องนี้ได้ทั้งวันจนกลับมาถึงบ้านแน่นอน แต่เวลาจะสั้นลงนะครับหากเราเล่นแต่เกมส์หรือวิดีโอแบบรัวๆ
มาดูอีกส่วนหนึ่งของชิ้นงานความยอดเยี่ยมของ Priv เลยดีกว่าครับ สำหรับกล้องหลังนั้นมีความละเอียดอยู่ท่ 18MP มาพร้อมกับระบบป้องกันการสั่่นไหว OIS และ Dual-LED flash พูดง่ายๆเลยว่ามันเป็นกล้องที่ดีที่สุดทีเคยมีอยู่ในสมาร์ทโฟนของ BlackBerry เลยครับ เล่นเอาพวกรุ่นก่อนหน้านี้ดับแดดิ้นไปเลย เพราะแน่นอนว่าการถ่ายภาพด้วยกล้องตัวนี้จะทำให้ได้ภาพออกมาคมชัดมากๆ และไม่หวั่นแม้จะเป็นการถ่ายในที่แสงน้อยอีกด้วย
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นกล้องที่ดีแต่ก็น่าเสียดายตรงที่มันใช้เวลาในการถ่ายค่อนข้างช้าครับ คือกดชัตเตอร์ (หรือปุ่ม Space bar) แล้วอาจจะหน่วงๆประมาณ 1 วินาที และจากการทดลองถ่ายภาพด้วยการเปิดโหมด HDR ไว้ด้วยพบว่ามันใช้เวลาในกระบวนการทั้งหมดราวๆ 4-5 วินาทีครับ ภาพถึงจะไปโผล่ที่ Gallery
นอกจากนี้อีกส่วนหนึ่งที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้นั่นก็คือในส่วนของซอฟท์แวร์ สำหรับซอฟท์แวร์ของ Priv เครื่องนี้ถูกออกแบบมาได้เข้ากับ Android เป็นอย่างดีเลยทีเดียวเชียว คือสามารถเข้าถึงสิ่งต่างๆได้อย่างง่ายดายมากๆ อย่างเช่นเพียงแค่เราสไลด์ขึ้นด้านบนจากแอพไหนก็ตามมันก็จะเข้าไปในส่วนของ Widget ที่เกี่ยวข้องได้เลย นอกจากนี้ BlackBerry ยังได้ออกแบบให้เราสามารถเข้าถึงแอพอย่าง calendar, messages, contacts, และ to-do list ได้ง่ายๆด้วยการกดที่หน้าจอบริเวณด้านขวาเท่านั้นไม่ว่าเราจะอยู่ในแอพไหนอยู่ก็ตาม ซึ่งก็ถือว่าเป็นอะไรที่สะดวกสบายมากๆเลยล่ะครับ
และแล้วก็มาถึงในส่วนของที่มาของชื่อรุ่นครับ “Priv” เป็นคำย่อมาจากคำว่า ” Privacy” ซึ่งก็แปลว่าความเป็นส่วนตัวนั่นเอง โดยความเป็นส่วนตัวดังกล่าวนี้เป็นสิ่งที่ BlackBerry เพิ่มเข้ามาให้กับ Priv ทำให้เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้มีความปลอดภัยเหนือ Android เครื่องอื่นๆ อย่างแรกเลยต้องไปดูในส่วนของ DTEK ก่อนครับ ในส่วนนี้จะสามารถทำให้เราตรวจสอบสมาร์ทโฟนในมือเราได้ตลอดเวลาว่าตอนนี้เรากำลังถูกโจมตีหรือกำลังมีอะไรคุกคามอุปกรณ์ของเราอยู่หรือไม่ ซึ่งเราสามารถปิดสิ่งเหล่านั้นทิ้งผ่าน DTEK ได้ในทันทีที่เราตรวจพบ ซึ่งถือว่าสะดวก ปลอดภัยและยอดเยี่ยมมากครับ
นอกจากนี้ BlackBerry ก็ยังมีซอฟท์แวร์ดีๆอย่าง BlackBerry Hub ที่ซึ่งเป็นแอพที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเป็นศูนย์รวมของพวก Messaging app ครับ โดยจะมีไว้จัดการอีเมล์, SMS, ทวีต รวมทั้งอีกหลายสิ่งหลายอย่างในที่นี่ที่เดียว ซึ่งเราก็จะสามารถจัดการปรับแต่งการใช้งานของ BlackBerry Hub ได้ตามแบบท่ี่เราต้องการ แบบว่าอะไรสำคัญกว่าขึ้นก่อน อันไหนไม่สำคัญก็ไม่ต้องแสดงให้เห็นก็ได้ประมาณนั้นครับ ซึ่งสามารถทำไ้ด้อย่างงายดายและรวดเร็วมากๆ
แต่ที่ลองใช้ก็พบว่าเจ้า Hub ตัวนี้กลับไม่ค่อยจะเข้าใจ Gmail เท่าไรครับ โดยตอนแรกนั้นมันไม่ยอมให้เราเลือกอีเมล์เป็น Archive เลย อย่างเดียวที่ทำได้คือลบอีเมล์นั้นทิ้งเท่านั้น แต่ก็เชื่อว่า BlackBerry คงต้องจัดการเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่อย่างไรซะเชื่อว่า Hub ก็ไม่น่าจะรองรับทุกแอพ Messaging ที่เราจะใช้ได้ครับ ทั้งนี้ยังพบว่าซอฟท์แวร์ของ BlackBerry อีกหลายตัวยังคงมี Bug อยู่ อีกทั้งบางแอพยังทำงานช้าอีกด้วย
แต่ถ้าสมมุติว่าไม่ต้องการแอพของ BlackBerry จริงๆเราก็สามารถปิดการใช้งานของมันได้ตลอดนะครับ จะเหลือไว้แต่แอพของ Android เพียวๆเลยก็ได้ และแน่นอนว่าเราสามารถโหลดแอพ Android ต่างๆได้จาก Google Play Store โดยตรง เพราะเจ้าเครื่องนี้มันเป็น Android โดยแท้เลยครับไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีแอพให้เล่น
มาถึงบทสรุปกันเลยดีกว่าครับ สำหรับ BlackBerry Priv เครื่องนี้ ขอพูดถึงเรื่องการดีไซน์ก่อนละกัน ต้องบอกว่ามันเป็นเครื่องที่สวยงามงานระดับพรีเมี่ยมครับ ขนาดว่าระหว่างนั่งรถไฟอยู่แล้วมีคนเห็นเครื่องนี้พร้อมกับโลโก้ BlackBerry ด้านหลังยังต้องเดินเข้ามาสอบถามรายละเอียดของตัวเครื่องกันเลยทีเดียว และด้วยราคาเพียงแค่ 699$ หรือประมาณ 23,000 บาทเท่านั้น ทำให้รู้สึกว่าอยากจะแนะนำว่าให้ไปหามาใช้ซะบัดเดี๋ยวนี้ซะจริงๆ แต่ความคิดนั้นก็ต้องหยุดชะงักไปก่อนครับ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าซอฟท์แวร์ของมันยังไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไร ทำได้เพียงบอกให้ใจเย็นๆเก็บเงินเข้ากระเป๋าก่อน รอให้ทาง BlackBerry ออกมาจัดการเรื่อง Bug เรื่องความอืดของซอฟท์แวร์ต่างๆให้เรียบร้อยแล้วค่อยซื้อตอนนั้นก็ไม่เสียหาย ซึ่งก็หวังไว้ว่าน่าจะอีกไม่นานนะครับที่ทาง BlackBerry จะปล่อยอัพเดทครั้งใหม่ออกมา หลังจากสิ้นเสียงการเจรจากับคนที่เข้ามาสอบถามเรียบร้อย เขาคนนั้นก็ได้แต่ยิ้มแล้วก็หันกลับไปนั่งที่ของเขาพร้อมควัก iPhone เครื่องโปรดขึ้นมาใช้ เราก็คิดในใจได้แค่ว่า BlackBerry จ๋าเวลาไม่รอใครนะ คนที่อาจกลายเป็นลูกค้าของคุณเขาหันกลับไปเล่น iPhone รอแล้วนะครับ ^^
Photography by Sean O’Kane
ที่มา : theverge