ขอสวัสดีเพื่อนชาว Windows Phone ทุกคนนะครับ ไม่ว่าจะเป็น Nokia Lumia ทุกรุ่น HTC หรือ Samsung ATIV S ก็ตาม เพื่อนพวกเราได้ใช้งาน Windows Phone มาพอสมควร ก็จะทราบว่า หากเราพบกับปัญหาต่างๆแล้วหาทางแก้ไม่ได้ เราก็จะมีไม้ตายอย่างหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขได้ทุกอย่างก็คือ Hard Reset นั่นเอง ซึ่งวิธีการ Hard Reset ก็คือ
[box_info]Hard Reset: Setting >> about >> reset your phone[/box_info]
ซึ่งจะใช้ในกรณีต้องการเปลี่ยน Microsoft Account หรือเครื่องมีปัญหาหนัก รวน หาวิธีแก้ไขด้วยอย่างอื่นไม่ได้แล้ว ถือเป็นวิธีสุดท้ายที่เราจะแนะนำในการแก้ปัญหา เพราะว่าหากเรา Hard Reset จะทำให้ข้อมูลของเราหายจากเครื่อง ก่อนทำก็ต้องสำรองข้อมมูลต่างๆให้เรียบร้อยก่อน [วิธีสำรองข้อมูล] ข้อเสียของการ Hard Reset มากกว่านี้ก็ไม่ค่อยเห็นครับ ดังนั้นหากจำเป็นและไม่กังวลเรื่องข้อมูลที่จะหายไป ก็ทำได้เลย ไม่มีปัญหาอะไรครับ
ก่อนทำการ Hard Reset
แต่จะทำการ Hard Reset นั้นเราต้องชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนเสมอ เพื่อป้องกันการ Brick และการ Hard Reset ไม่สำเร็จ
- การ Hard Reset ไม่สำเร็จ อาการของมันคือ ในขั้นตอนการ Hard Reset จะมีรูปฟันเฟืองหมุนไม่หยุด หรือใช้เวลานาน
- อาการ Brick บางคนมีรูปสายฟ้าเกิดขึ้นในขั้นตอน ซึ่งเราเรียกอาการแบบนี้ว่า Brick ซึ่งจะทำให้มีผลเสียต่อเครื่องอย่างใหญ่หลวงเลยครับ
[box_info]หมายเหตุ วิธีการต่อไปนี้ เป็นแนวทางการแก้ปัญหา การ Hard Reset ไม่สำเร็จ หรือฟันเฟืองหมุนไม่หยุดเท่านั้น หากเพื่อนๆเกิดอาการ Brick แล้วรอดูอาการไม่หายสักที ควรนำเครื่องเข้าศูนย์เพื่อลงเฟิร์มแวร์ใหม่[/box_info]
สาเหตุที่ฟันเฟืองหมุนไม่หยุด
ตัว Firmware ก่อนจะ Restore จะทำการ restart เข้าสู่ Test Mode ซึ่งใน Test Mode นี้เองที่ Firmware จะรายงานค่าสถานะแบตเตอรี่ที่ผิดพลาดไปยังตัวระบบ SoC ซึ่งควบคุมการทำงานใน Mode นี้ โดย Firmware จะส่งค่าเป็น 0 ไป ซึ่งหมายความแบตเตอรี่เหลือน้อย ทำให้ระบบ SoC ไม่ยอมทำงานต่อ เพราะถ้า Restore เกิดแบตฯหมดขึ้นมาจริงๆ อันนี้คือเครื่องพังบู๊ตไม่ได้แน่ๆ มันจึงค้างที่หน้าฟันเฟืองไว้อย่างนั้น รอให้ดับหรือเราปิดไป
วิธีแก้ไขฟันเฟืองหมุนไม่หยุด
ถ้าเครื่องค้างที่ฟันเฟืองนานเกิน 20 นาที ให้กดปุ่ม ลดเสียง กับ ปุ่มเปิด/ปิด ค้างไว้พร้อมๆกันประมาณ 10-15 วินาที พอเครื่องสั่น ระบบก็จะ restart แล้วกลับเข้าสู่ Test Mode (ฟันเฟืองหมุน) อีกครั้ง ซึ่งคราวนี้จะต่างจากคราวก่อน เพราะระบบจะสามารถทำการ restore ได้แล้ว รอไม่เกิน 10 นาทีก็น่าจะเสร็จแล้วครับ ไม่ต้องกังวลใจ หรือเอาไป Nokia Care ให้เสียเวลา เขาก็แก้ให้แบบนี้แหล่ะครับ
ที่มา Pantip.com