หลังจากที่องค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ได้เชิญชวนชาวพุทธร่วมลงชื่อผ่านเว็บไซต์ change.org คัดค้านการจำหน่ายสติ๊กเกอร์ลายพระพุทธเจ้า ของแอพพลิเคชั่นสนทนาชื่อดัง Line ได้แก่ลาย The Mask Revolution, BUDDHA, Various faces of hand-drawn buddha, Favor luck of Hotoke, Konaka & Obito และ Ojizousan and little bird เนื่องจากเห็นว่าเป็นการลบหลู่ และไม่เป็นการเคารพศาสดาของศาสนาพุทธ ซึ่งในเวลาต่อมา บริษัท ไลน์ ประเทศไทย ก็ได้ประกาศระงับการขายสติ๊กเกอร์ลายพระพุทธเจ้าเซตดังกล่าวในทันที
แต่ล่าสุดมีการเปิดแคมเปญรณรงค์ “นำสติ๊กเกอร์ Line set พระพุทธเจ้า กลับมาขาย” เพราะผู้เปิดแคมเปญเห็นว่าการจำหน่ายสติ๊กเกอร์ลายพระพุทธเจ้าไม่ถือว่าเป็นการลบหลู่ และไม่เป็นการเคารพศาสดาของศาสนาพุทธแต่อย่างใด ซึ่งแคมเปญดังกล่าวได้อธิบายเพิ่มเติมไว้ว่า
[quote]
เนื่องจากได้มีการนำ สติ๊กเกอร์ Line set พระพุทธเจ้าออกไปจาก store ของแอพลิเคชั่น Line ด้วยข้อกล่าวหาว่าสติ๊กเกอร์ Line set พระพุทธเจ้าคือการลบหลู่ และไม่เป็นการเคารพศาสดาของศาสนาพุทธ
ซึ่งไม่เป็นดังความจริงแต่อย่างใด จาก พุทธวจนะของพระศาสดา
“อานนท์ ! ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดา ของพวกเธอทั้งหลาย โดยกาล ล่วงไปแห่งเรา อานนท์ ! ในกาลบัดนี้ก็ดี ในกาลล่วงไปแห่งเราก็ดี ใครก็ตามจักต้องมีตน เป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ; มีธรรมเป็นประทีป มีธรรม เป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่น เป็นสรณะ เป็นอยู่”
ซึ่งจากพุทธวจนะนั้น ได้กล่าวความนัยว่าหลังจากที่พระศาสดาได้ดับขันธ์ปรินิพพานลง สิ่งที่เหลือเป็นสรณะนั้นคือพระธรรม มิใช่สิ่งอื่นใด
ซึ่งการกระทำที่กล่าวอ้างว่า สติ๊กเกอร์ Line set พระพุทธเจ้าเป็นการลบหลู่พระศาสดานั้น จึงนับว่าเป็นการยึดถือสติ๊กเกอร์ Line สูงส่งกว่าพระธรรม ซึ่งขัดกับหลักพระพุทธวจนะที่มีมา ซึ่งนับว่าเป็นการลบหลู่และไม่เคารพพระศาสดาอย่างแท้จริง
ดังนั้นจึงอยากขอให้ทาง Line ประเทศไทยนำสติ๊กเกอร์ชุดดังกล่าวกลับมาวางขายเหมือนเดิม เนื่องจากไม่ได้เป็นการลบหลู่พระศาสดาแต่อย่างใด จึงขอมาเพื่อพิจารณา
[/quote]
สำหรับแคมเปญ “คัดค้านสติ๊กเกอร์ LINE พระพุทธเจ้า [[ Stop Buddha LINE Sticker ]]” นั้น แม้ทาง บริษัท ไลน์ ประเทศไทย จะถอดสติ๊กเกอร์ดังกล่าวออกไปแล้ว แต่ตอนนี้มีผู้ร่วมลงชื่อ 7,444 คน ส่วนแคมเปญ “นำสติ๊กเกอร์ Line set พระพุทธเจ้า กลับมาขาย” ตอนนี้มีผู้ร่วมลงชื่อ 311 คน จากเป้าหมายที่ผู้เปิดแคมเปญ 7,000 คน
ที่มา change.org