Dead Island 2 - เกมภาคต่อที่รอคอยมานานถึง 8 ปี
ถ้าจะให้สรุปแล้ว Dead Island 2 ทำออกมาได้ไม่เลวถึงเนื้อเรื่องจะไม่ได้น่าสนใจขนาดนั้น แต่มันยังไปต่อได้ถ้าหากจะมีส่วนเสริมหรือเกมภาคใหม่ออกมาในอนาคต เพราะทำให้เราอยากว่าเรื่องราวนี้มันจะไปจบที่ตรงไหน ถ้าหากคุณเป็นคนที่ชอบ Dead Island ภาคก่อนบอกเลยว่า Dead Island 2 จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน
The Good
- เกมเพลย์ดุเดือดสะใจสมกับเป็น Dead Island
- นำระบบของเก่ามาปรับปรุงได้ดีขึ้น
- องค์ประกอบศิลป์และงานออกแบบสวยงาม
The Bad
- เนื้อเรื่องสั้นและรู้สึกว่าจบไวเกินไป
- เกมเพลย์ขาดความหลากหลายเมื่อเทียบกับเกมแนวเดียวกัน
เมื่อพูดถึงเกมแนวซอมบี้ชื่อของ Dead Island จะต้องติดอยู่ในอันดับต้น ๆ เป็นอย่างแน่นอน หลังจาก Techland พัฒนา Dead Island: Riptide เกมภาค Spin-off เสร็จสิ้นและวางจำหน่ายในปี 2013 ทีมงานก็ทิ้งซีรีส์ Dead Island ไว้เพื่อไปสร้างผลงานใหม่อย่าง Dying Light ขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตามชะตากรรมของ Dead Island 2 ค่อนข้างน่าเป็นห่วงเพราะเกมประสบปัญหาหลายอย่างจนสุดท้ายหน้าที่ในการพัฒนาเกมก็ตกเป็นของ Dambuster Studios และจัดจำหน่ายโดย Deep Silver รวมถึงขอบพระคุณทาง Deep Silver เป็นอย่างสูงที่ส่งเกมนี้มาให้เราได้ลองเล่นกัน สำหรับ Dead Island 2 จะคุ้มค่ากับการรอคอยหรือไม่เราลองมาติดตามกันในรีวิวนี้ได้เลย
เรื่องราวของ Dead Island 2 จะเริ่มต้นขึ้นเมื่อหนึ่งในตัวละครที่ผู้เล่นเลือกขึ้นเครื่องบินอพยพเกิดการระบาดขึ้นจนทำให้เครื่องบินตกลงใน Los Angeles แต่ถึงจะรอดออกมาได้แต่ตัวละครเอกก็ถูกซอมบี้กัดเข้าจนได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายของเขาไม่ได้กลายเป็นซอมบี้และพบว่าตัวเองมีภูมิคุ้มกัน จากนั้นเขาก็ได้รับการติดต่อจาก Dr. Reed ให้ไปหาเขาที่ Santa Monica เพื่อนำเลือดของตัวละครเอกไปสร้างวัคซีนสำหรับรักษาคนที่ติดเชื้อได้นั่นเอง
เนื้อหาหลักของ Dead Island 2 เป็นการระบาดครั้งใหม่ที่ย้ายจากเกาะมาเป็นเมืองใหญ่ ถึงแม้จะมี Sam. B ตัวละครหลักจากภาคแรกเข้ามาร่วมอยู่ด้วย แต่ก็ไม่มีการกล่าวถึงเกมภาคแรกแม้แต่น้อย หลัก ๆ แล้วเกมภาคนี้มีความแฟนตาซีมากขึ้นกว่าเกมภาคก่อนหลายเท่าเลยทั้งในแง่เนื้อหาและเกมเพลย์ แต่ก็เป็นอะไรเดิม ๆ ที่เราเคยสัมผัสมาก่อนในเกมแนวนี้ แล้วไปหักมุมหนัก ๆ ในช่วงท้ายเกม Dead Island 2 นี้ใช้เวลาเล่นจนจบประมาณ 18-20 ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าหากต้องการเก็บทุกสิ่งทุกอย่างในเกมให้ครบหมด 100% อาจต้องใช้เวลาเล่นถึง 30-40 ชั่วโมง
ส่วนภารกิจเสริมของเกมนี้มีบางส่วนที่ทำออกมาได้น่าติดตามแต่ส่วนใหญ่ไม่น่าสนใจสักเท่าไร เพราะคุณจะวนเวียนอยู่กับการออกตามหาของ ตามหาคนหาย ซึ่งมันค่อนข้างซ้ำซากพอสมควรจนชวนให้ง่วงเลยล่ะ ภารกิจเสริมของ Dead Island 2 คุณไม่จำเป็นต้องเล่นเลยก็ได้แต่ภารกิจเสริมเหล่านี้จะมอบไอเทมหรือ Blueprint พิเศษที่ทำให้การเล่นของคุณสบายมากขึ้น
เกมเพลย์ของ Dead Island 2 แทบจะยกเกมเพลย์ของภาคเก่ามาทั้งหมดเลย แต่มีการปรับปรุงยกระดับใส่ระบบใหม่เข้าไปหลายอย่างเช่นในภาคก่อนจะใช้ระบบ Skill-Tree ในการเพิ่มความสามารถตัวละครแต่ในภาคนี้ใช้ระบบ Skill Deck ที่ให้ผู้เล่นปรับแต่งความสามารถของตัวละครได้อย่างอิสระและปรับเปลี่ยนตอนไหนก็ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งตัวละครทั้งหมด 6 ตัวที่เกมมีให้เลือกก็จะมีค่าสถานะและสกิลที่เป็นจุดเด่นต่างกันออกไป รวมถึงอาวุธในเกมนี้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นอาวุธระยะประชิดหรือระยะไกลสามารถปรับแต่งได้โดยการใส่ Mod เพื่อให้เวลาโจมตีอาวุธมีสถานะต่าง ๆ เช่นไฟ, ไฟฟ้า หรือยาพิษ รวมการใส่ Perk ที่ช่วยให้อาวุธของคุณมีประสิทธิภาพในการโจมตีมากยิ่งขึ้น
ระบบที่ชอบมากในภาคนี้คือ Mod ต่าง ๆ ที่คุณใช้นั้นสามารถนำมาใช้ต่อสู้ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นเช่นหากในบริเวณนั้นมีน้ำอยู่คุณสามารถนำอาวุธที่ใส่ Mod สายฟ้าเข้าโจมตีใส่ศัตรูที่อยู่ในน้ำหรือเอาอาวุธฟาดลงกับน้ำในบริเวณนั้นจะทำให้ศัตรูโดนไฟฟ้าช็อตได้รุนแรงมากขึ้นกว่าโจมตีปกติ แถมโดนดาเมจกันเป็นกลุ่มอีกด้วย อาวุธที่เป็นสถานะไฟหรือพิษก็ทำแบบนี้ได้เช่นกัน
ด้วยความที่ตัวละครของคุณติดเชื้อซอมบี้อยู่ในตัวฉนั้นคุณก็ต้องมีพลังแฝงบางอย่าง ในเกมนี้ได้ใส่ Fury Mode เข้ามาโดยตัวละครของคุณจะสามารถใช้พลังของซอมบี้ได้ในเวลาสั้น ๆ ด้วยการโจมตีที่รุนแรง รวมถึงยังสามารถใช้ท่าไม้ตายของ Screamer, Crusher หรือ Slobber ได้ด้วย และสิ่งที่อาจทำให้คุณผิดหวังเล็กน้อยก็คือ Dead Island 2 ไม่ใช่เกม Open-Wolrd เหมือนกับ Dead Island และ Dead Island: Riptide นี่คือเกมที่แบ่งพื้นที่ของเกมออกเป็นโซน ๆ โดยจะปลดล็อกออกมาตามเนื้อเรื่อง แต่ก็คุณก็ยังคงย้อนกลับไปยังพื้นที่ก่อนหน้านี้ของเกมได้
Dead Island 2 บนเครื่อง PlayStation 5 มีการ Optimized มาได้ดีไม่มีอาการหลุดเลยสักครั้ง แต่ก็มีบางครั้งที่เกมมีอาการติดบั๊กบ้าง ยังดีที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้เล่นแต่เกิดขึ้นกับแอนิเมชันของพวกซอมบี้เสียมากกว่า แต่คิดว่าปัญหาเหล่านี้คงถูกแก้ไขใน Patch วันแรก ด้วยขุมพลังของ Unreal Engine 4 ที่ใช้พัฒนาเกมถูกขัดเกลามาเป็นอย่างดีเกมเลยสามารถเล่นได้ 60 FPS โดยไม่มีอาการเฟรมเรตตกเลยแม้แต่น้อย แถมกราฟิกก็ยังโอเคอยู่มาก ๆ ไม่ได้รู้สึกตกยุคเหมือนกับหลายเกมที่ใช้ Unreal Engine 4 แล้วต้องลงให้กับคอนโซลยุคก่อนทั้ง PlayStation 4 และ Xbox One
ถ้าจะให้สรุปแล้ว Dead Island 2 ทำออกมาได้ไม่เลวถึงเนื้อเรื่องจะไม่ได้น่าสนใจขนาดนั้น แต่มันยังไปต่อได้ถ้าหากจะมีส่วนเสริมหรือเกมภาคใหม่ออกมาในอนาคต เพราะทำให้เราอยากว่าเรื่องราวนี้มันจะไปจบที่ตรงไหน ถ้าหากคุณเป็นคนที่ชอบ Dead Island ภาคก่อนบอกเลยว่า Dead Island 2 จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน