ASUS ปล่อยสมาร์ทโฟนชุดใหม่ที่ต่อยอดพัฒนามาจาก ASUS Zenfone 2 ออกมาสามรุ่นครับ นั้นคือ ASUS Zenfone Laser, Deluxe และ Zenfone Selfie ซึ่งดูๆ ไปแล้ว เจ้า Zenfone Selfie ตัวนี้จะเป็นตัวหลักที่น่าสนใจที่สุดครับ
สเปคเครื่องของ Zenfone Selfie มาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ หน่วยประมวลผล Snapdragon 615 กับแรม 3GB ตัวบอดี้ใช้รูปทรงที่คล้ายกับ Zenfone 2 ตัวเดิมแต่ปรับเปลี่ยนตำแหน่งกล้องหน้ามาอยู่ตรงกลาง 13 ล้านพิกเซล เลนส์ใหญ่โดดเด่นมากเลยและมาพร้อมกับแฟลชทูโทน เพราะรุ่นนี่จุดขายอยู่ที่กล้องถ่ายภาพด้านหน้านี่เองครับ
ปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ด้านหลังตัวเครื่อง กล้องหลังก็ 13 ล้านพิกเซล เท่ากันทั้งกล้องหน้าและหลัง และใช้แฟลชแบบสองสีเช่นเดียวกัน ประโยชน์ของแฟลชสองสีนี่คือการให้แสงสว่างที่ไม่สว่างขาวแบบมากเกินไป
ปุ่มพาวเวอร์อยู่ด้านบนตัวเครื่องครับ ซึ่งผมว่ามันกดไม่ค่อยถนัดนัก อยู่ด้านข้างจะเอื้อมถึงได้ง่ายกว่านะครับ
รองรับการใช้งานสองซิมการ์ด ซึ่งทั้งสองสล็อตซิม รองรับ 3G และ 4G ทั้งคู่ครับ สามารถสลับใช้งานทดแทนกันได้โดยไม่ต้องถอดสลับสล็อตกัน
สเปคเครื่อง ASUS Zenfone Selfie ZD551KL
- 4G LTE, 3G 850MHz/900MHz/1900MHz/2100MHz
- รองรับการใช้งาน 2 ซิม Dual SIM Dual Stand By
- ขนาดตัวเครื่อง 156.5 x 77.2 x 10.8 มม. น้ำหนัก 170กรัม
- หน้าจอ IPS ขนาด 5.5นิ้วความละเอียด FullHD 1920×1080/403 PPI CorningGorilla Glass 4
- Android 5.0 Lollipop
- CPU Qualcomm Snapdragon 615 MSM8939
- RAM 3GB
- หน่วยความจำภายใน 32GB (เหลือให้ใช้งาน 25GB) และเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้สูงสุด 128GB
- WLAN 802.11 b/g/n/ac
- Bluetooth 4.0
- Micro USB 2.0
- GPS
- กล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล, Auto Focus, Wide View, PixelMaster
กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล, Auto Focus, PixelMaster - แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh
- ราคาเปิดตัว 8,990 บาท
อุปกรณ์ภายในกล่องก็จะมีเป็นสายดาต้า USB และที่ชาร์จ ซึ่งผมไม่เห็นชุดหุฟังใส่มาให้นะครับ
การใช้งานภายใน
หน้าตาการใช้งานต่างๆ ภายใน Zenfone Selfie จะใช้ ZEN UI ที่มีฟังชั่นการทำงานที่เยอะมากๆ ทั้งเรื่องการปรับแต่งและความสามารถที่ทาง ASUS ใส่เข้ามาให้
ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานผมรู้สึกว่ามันหน่วงกว่าที่คิดไว้นิดนึงนะครับ ด้วยประสบการที่เคยได้ใช้เครื่องอื่นๆ ที่มีชุดประมวลผลใกล้เคียงกัน เจ้า Zenfone Selfie จะมีการทำงานที่รู้สึกว่าช้ากว่าเล็กน้อยครับ โดยเฉพาะเวลาเปิดเข้าออกแอพพลิเคชั่น สลับหน้าการทำงาน แม้ตัวมันจะมาพร้อมกับแรมขนาด 3GB ก็ตาม แต่จะเป็นเฉพาะตอนเข้าๆ ออกๆ ตอนสลับเปิดปิดการใช้เท่านั้น เมื่อเข้าใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ ตามปกติแล้ว ก็ใช้งานได้สบายๆ ในแทบทุกด้านครับ
มีการปรับแต่งหน้าตา UI มากมายทีเดียว ทั้งอนิเมชั่นการสลับหน้า เปลี่ยนชุดไอคอนต่างๆ ตามสไตล์ ZEN UI เลยครับ
มีธีมการใช้งานสวยๆ อัพเดทมาให้เลือกใช้ใหม่ๆ เสมอ
หน้ารวมแอพสามารถเลือกการแสดงได้หลายแบบ ดูทั้งหมดหรือจะแยกเฉพาะที่ดาวน์โหลดมาหรือตามการใช้งานบ่อยๆ
สิ่งที่ทาง ASUS จะใส่เข้ามาในเครื่องของเขาแทบจะทุกรุ่นนั้นก็คือโหมดการใช้งานที่เหมาะสมกับคนทุกเพศทุกวัย เช่น “โหมดง่าย” สำหรับคนที่ไม่เข้าใจหรือไม่ถนัดการใช้งานในรูปแบบ Android ตามปกติ และ “โหมดเด็ก” สำหรับการควบคุมการใช้งานสำหรับเด็กๆ โดยผู้ปกครอง ที่สามารถเข้ารหัส ระบุการใช้งานเพื่อความปลอดภัยสำหรับเยาวชน
เนื่องจากเครื่อง Zenfone Selfie เป็นเครื่องแอนดรอยด์ที่รองรับการใช้งานสองซิมการ์ด แบบ Dual Stand by เราสามารถเข้าไปปรับการใช้งานได้จากในการตั้งค่าได้โดยตรงครับ ว่าต้องการให้ซิมไหนทำหน้าที่รองรับการเชื่อมต่อ 3G และ 4G ต้องการเปิดปิดการใช้งานซิมไหนบ้าง
มีฟังชั่นการใช้งานแบบ Gesture เท่ๆ เรียกใช้งานฟังชั่นต่างๆ โดยไม่ต้องเปิดหน้าจอ แค่เขียนหน้าจอเป็นสัญลักษณ์ต่างๆ ก็เป็นการเรียกใช้งานได้โดยทันที แต่จากการทดสอบใช้งาน ผมว่าเป็นฟังชั่นที่ทำให้เปลืองแบตเตอรี่มากขึ้นพอสมควรครับ เพราะบางครั้งมันทำงานเองโดยเราไม่ตั้งใจ และการเปิดการทำงานหน้าจอบ่อยๆ จะส่งผลต่อการใช้งานพลังงานได้โดยตรงครับ ถ้าไม่ได้อยากจะใช้งานในส่วนนี้ แนะนำว่าปิดดีกว่าครับ แต่ผมก็แอบชอบนะ เช่นการวาดรูปตัว S เพื่อการเปิดใช้งานกล้องหน้าเพื่อเซลฟี่ได้ทันที ^^
มีโหมดการใช้งานมือเดียวด้วยการทัชปุ่มโฺฮมสองครั้ง จะเป็นการย่อหน้าการใช้งานลงมา
ด้วยภายในเครื่อง ทาง ASUS ใส่แอพพลิเคชั่นสำหรับบริการผู้ใช้มาให้หลากหลายการทำงานมากๆ และทาง ASUS จะมีการอัพเดทความสามารถของแอพพลิเคชั่นต่างๆ อยู่เสมอ เราสามารถเข้าไปตรวจสอบการอัพเดทของแอพพลิเคชั่นการบริการต่างๆ ได้ด้วยตัวเองภายในการตั้งค่าครับ ทีการใส่เข้ามาให้เยอะมากแทบไม่ต้องดาวน์โหลดอะไนเพิ่มอีก
แบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh สามารถใช้งานได้เช้าถึงค่ำครับ แต่จะเสียพลังงานมากถ้ามีการใช้งานหน้าจอแสดงผลต่อเนื่องกันหมดได้ในเวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมงถ้าเปิดหน้าจอใช้งานแบบต่อเนือง ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในระดับธรรมดาปกติครับ
ผลทดสอบต่างๆ
ลองทดสอบการตรวจจับตำแหน่งของเครื่อง Zenfone Selfie ถือว่าจับตำแหน่งได้ในระยะเวลาปกติครับ ถ้าเปิดใช้อินเตอร์เน็ตช่วยก็สามารถใช้ในการนำทางได้เลยครับ
ภาพหน้าจอสีสันสวยครับ แสงสว่างเพียงพอต่อการใช้งาน แต่ลองเปิดแสงสุดผมถือว่าแสงไม่จ้าสักเท่าไหร่นะครับ ทดสอบการรับชมวีดีโอการเข้าเว็บไซด์ ลื่นไหลดี คมชัดดีครับ หน้าจอ 5.5 นิ้ว FullHD เพียงพอต่อการใช้งานในด้านการอ่านอยู่เหมือนกัน
ลำโพงตัวเครื่องเสียงดังดีครับ แต่ออกแหลมนิดๆ การออกแบบทำได้ดี วางหงายเสียงไม่หาย
ทดสอบการเล่นเกม HD ก็ลื่นๆ ครับ Snapdragon 615 เอาอยู่ ลองเล่นเกมดูหนังสักประมาณสามชั่วโมง เปิดหน้าจอตลอดแบตเตอรี่เหลืออยู่ 50% ครับ ถ้าใช้งานอื่นๆ ตามปกติก็อยู่ได้วันต่อวัน
การถ่ายภาพ
Zenfone Selfie ชูจุดเด่นในเรื่องของกล้องหน้าและกล้องหลังที่มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซลเท่าๆ กัน มีไฟแฟลชคู่แต่มีโมดูลกล้องที่ต่างกันอยู่นะครับ กล้องหน้า PixelMaster รูรับแสง 2.2 องศารับภาพ 140องศา ส่วนกล้องหลังจะมีระบบ Laser Focus โฟกัสอัตโนมัติในระยะใกล้ได้อย่างรวดเร็ว และรูรับแสง 2.0 สำหรับการถ่ายภาพในที่แสงน้อย
มีฟังชันการถ่ายภาพให้เราเล่นเพียบ…
ตัวอย่างภาพถ่าย
ลองถ่ายในระยะใกล้ๆ แสงน้อยๆ ก็ยังพอไหวนะครับ ได้ภาพที่มีความสว่างกว่าสถานที่จริงเล็กน้อย
กล้องถ่ายภาพด้านหน้ามาพร้อมกับหน้าตาการใช้งานแบบใหม่ ที่คนชอบการถ่ายภาพเซลฟี่น่าจะชอบครับ เพราะมีการปรับแต่งใบหน้าที่เยอะมาก และสามารถปรับระดับความฟรุ้งฟริ้งได้แบบละเอียด ทั้งผิวขาวผิวเนียน โครงหน้า รวมถึงขนาดดวงตา
เอาว่าแทบจำหน้ากันไม่ได้เลยถ้าปรับกันแบบสุดๆ 555
กล้องหน้าเลนส์กว้างดีครับ ได้รายละเอียดรอบข้าง ในที่แสงน้อยก็ยังเซลฟี่ได้นะครับ
สรุปท้ายรีวิว
ASUS Zenfone Selfie มีดีรอบตัวครับ เป็นหนึ่งเครื่องที่สเปคคุ้มสำหรับราคา 8,990 บาท รองรับสองซิมการ์ดแบบ 4G ทั้งสองซิม กล้องความละเอียดสูงและมีไฟ Flash ทั้งหน้าและหลัง สิ่งที่สะดุดใจคือความลื่นไหลในหน้าโฮมยังรู้สึกว่าถ้าอัพเดทระบบในอนาคตน่าจะทำได้ไหลลื่นมากกว่านี้โดยเฉพาะช่วงการใช้งานที่ต้องสลับแอพพลิเคชั่นไปๆ มาๆ ที่เหลือก็ถือว่าผ่านหมดครับ ใช้งานสนุกราคากำลังดี
[gradeB]
ตัวเครื่อง Asus Zenfone Selfie ล็อตสินค้าใหม่ๆ อาจจะใช้ฝาหลังที่เป็นลาย hair line ซึ่งแตกต่างกันกับล็อตแรกๆ นะครับ ถ้าไปเจอมาก็อย่าแปลกใจนะครับ