อาจจะมาช้าหน่อยแต่ก็มานะครับสำหรับมือถือเน้นกล้องหน้าหรือ Selfie phone จาก Microsoft (หรือ Nokia เดิม) ซึ่งวางจำหน่ายในช่วงเดียวกันกับรุ่นพี่เรือธงราคาไม่แรงอย่าง Nokia Lumia 830 นั่นเอง (อ่านรีวิว Nokia Lumia 830 ได้จากที่นี่ครับ)
เรามาดูกันว่า การเข้าสู่วงการ Selfie ของ Microsoft ในครั้งนี้ จะให้ผลออกมาเป็นอย่างไรครับ กับราคาค่าตัว 8,790 บาท จะคุ้มค่าหรือไม่?
[box_alert]คำเตือน:[/box_alert]
- รีวิวนี้ยาวและรูปเยอะเช่นเคยครับ เตรียมตัวก่อนอ่านนะครับผม
- รีวิวนี้ด้วยความที่เป็น Selfie phone จึงต้องมีภาพจากกล้องหน้าที่เป็นการถ่าย Selfie อยู่พอสมควร ยังไงก็ทำใจก่อนกดดูนะครับผม สัญญาว่าจะเป็นรีวิวเดียวที่มีรูปหน้าผมเยอะขนาดนี้ครับ
[divider]
รีวิวนี้จะประกอบไปด้วยหัวข้อต่างๆได้แก่
- แกะกล่อง
- แรกสัมผัสและการออกแบบ
- สเปคและผลการทดสอบ
- หน้าจอ
- เฟิร์มแวร์ล่าสุดกับ Lumia Denim และระบบปฏิบัติการ Windows phone 8.1 update
- กล้องและผลการถ่ายภาพ
- ความบันเทิง การเล่นเกมส์และดูหนังฟังเพลงและการใช้งานเป็นโทรศัพท์
- แบตเตอร์รี่
- ข้อด้อย
- สรุปผล
[divider]
[box_info]แกะกล่อง[/box_info]
เช่นเคยครับ คุณ Noppinij ได้ทำรีวิวแกะกล่องของเจ้า Nokia Lumia 730 นี้แล้ว ซึ่งเพื่อประหยัดพื้นที่และไม่ให้รีวิวยาวเกินไป ผมขอยกการแกะกล่องมาไว้ที่นี่เลยนะครับ (อ่านได้จากที่นี่ครับ)
แต่จะขอพูดถึงภาพรวมของตัวกล่องนิดหน่อยครับ
Nokia Lumia 730 รุ่นที่วางจำหน่ายในบ้านเราจะเป็นรุ่น Dual-sim ที่รองรับความเร็วในการเชื่อมต่อสูงสุดที่ 3G ซึ่งใช้งานได้ทุกเครือข่ายในบ้านเราครับ ซึ่งความสามารถด้านการจัดการซิมและเครือข่ายของซิมทั้ง 2 ซิมในระบบ จะได้กล่าวถึงในส่วนต่อไป
ส่วนรุ่นที่วางจำหน่ายในต่างประเทศอย่าง Nokia Lumia 735 นั้นจะรองรับการเชื่อมต่อที่ความเร็วสูงสุด 4G รวมถึงรองรับการเปลี่ยนฝาหลังเพื่อใช้งานคุณสมบัติชาร์จไร้สายได้ แต่น่าเสียดายที่รุ่นนั้นไม่ได้วางจำหน่ายในบ้านเราครับ แต่คุณสมบัติ NFC นั้นมีอยู่ในทั้ง 2 รุ่นนะครับ สบายใจได้
ในชุดจัดจำหน่ายของ Nokia Lumia 730 ก็เหมือนกับมือถือ Nokia Lumia รุ่นหลังๆ คือตัวเครื่อง หัวต่อ Wall charge และสาย USB ที่ใช้เป็นทั้งสายสำหรับการชาร์จไฟและสายดาต้าสำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และชุดหูฟังสเตอริโอ WH-108 ที่เป็นหูฟังคุณภาพระดับธรรมดา (มากๆ) และหวังอะไรกับคุณภาพเสียงสำหรับคนชอบฟังเพลงไม่ได้ ซึ่งเป็นปกติสำหรับชุดจัดจำหน่ายของ Nokia
แต่ถ้าหากปรับปรุงเรื่องนี้ได้บ้าง จะเป็นอะไรที่แฟนๆน่าจะได้ประโยชน์กว่านี้ครับ เพราะในเรื่องของคุณภาพด้านเสียงเพลง (ทั้งชุดหูฟัง และลำโพง) เป็นอะไรที่ Microsoft สามารถปรับปรุงได้อีกเยอะ
[divider]
[box_info]แรกสัมผัสและการออกแบบ[/box_info]
Nokia Lumia 730 เป็นมือถือรุ่นที่วางจำหน่ายในปีนี้ที่มาแปลกพอสมควรในแง่ของการออกแบบ ซึ่งการออกแบบของ Nokia Lumia 730 จะไม่ได้มีลักษณะเหมือนกับมือถือในตระกูล Lumia ที่วางจำหน่ายในปีนี้ซักเท่าไหร่ แต่จะออกเหมือนกับ Nokia Lumia 920 และ Nokia Lumia 1020 ที่วางจำหน่ายเกือบๆ 2 ปีแล้วมากกว่า
ในแง่ของมิติเครื่อง Nokia Lumia 730 ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว ต้องบอกว่าขอบเครื่องบน และล่างค่อนข้างเยอะพอสมควร (นับจากหน้าจอมายังขอบเครื่อง) เพราะมิติตัวเครื่องในแง่ความยาวจะใกล้เคียงกับ Nokia Lumia 830 และ 930 มาก ทั้งที่หน้าจอต่างกับ 0.3 นิ้ว แต่ก็ให้ความรู้สึกในการถือที่ดี กระชับมือ น้ำหนักต้องบอกว่าเบามาก (หนักกว่ามือถือรุ่นที่เบาที่สุดในตระกูล Lumia อย่าง Lumia 720 แค่ 2 กรัมเท่านั้น) ประกอบกับตัวเครื่องที่หนากำลังดีทำให้การจับในมือค่อนข้างกระชับ
สำหรับมิติเครื่องของ Nokia Lumia 730 เทียบกับรุ่นอื่นๆมีดังนี้ครับ
Lumia 730 | Lumia 830 | Lumia 930 | Lumia 920 | Lumia 925 | Lumia 1020 | |
กว้าง (มม.) | 68.5 | 70.7 | 71 | 70.8 | 70.6 | 71.4 |
ยาว (มม.) | 134.7 | 139.4 | 137 | 130.3 | 129 | 130.4 |
หนา (มม.) | 8.7 | 8.5 | 9.8 | 10.7 | 8.5 | 10.4 |
น้ำหนัก (กรัม) | 130.4 | 150 | 167 | 185 | 139 | 158 |
จะติดเรื่องเดียวคือด้วยความที่ฝาหลังของเครื่องที่ผมได้มารีวิว (เครื่องสีส้ม) เป็นวัสดุแบบพลาสติกผิวมัน ซึ่งทำให้เปื้อนรอยนิ้วมือง่ายพอสมควร ถึงแม้จะเช็ดออกไม่ยากแต่ว่าก็เห็นได้ชัดเจนเมื่อใช้ไปซักระยะ แต่ถ้าเป็นฝาหลังสีดำที่ไมไ่ด้เป็นวัสดุผิวมันก็จะไม่เจอปัญหานี้ครับ
ถึงวัสดุจะเป็นวัสดุผิวลื่น แต่จากที่ผมใช้งานมา 1 สัปดาห์กว่าๆ กลับไม่พบปัญหาลื่นหลุดจากมือขณะใช้งานนะครับ อาจเพราะขนาดและน้ำหนักที่กำลังเหมาะมือด้วยส่วนหนึ่งที่ทำให้ไม่หลุดจากมือง่ายๆ (ตรงข้าม สำหรับผม Nokia Lumia 830 ที่บางกว่าและหนักกว่ากลับลื่นหลุดจากมือผมถึง 3 ครั้งในการใช้งาน 1 สัปดาห์ T T)
[divider]
มุมมองด้านต่างๆของตัวเครื่องมีดังนี้ครับ
ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีปุ่มหรือพอร์ตการเชื่อมต่อใดๆ
ด้านบนของตัวเครื่องมีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มม.
ด้านขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่ม 3 ปุ่มตามมาตรฐานใหม่ของระบบ Windows phone ที่ Microsoft กำหนดขึ้นใหม่คือปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม power สำหรับเปิด-ปิดเครื่องเท่านั้น ไม่มีปุ่มชัตเตอร์
ด้านล่างของตัวเครื่องจะ Micro USB 2.0 สำหรับการชาร์จและเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านสาย USB
บริเวณด้านบนของตัวเครื่องจะเป็นตำแหน่งของกล้องหน้าความละเอียดสูงที่เป็นจุดเด่นของรุ่นนี้คือ 5 MP รวมถึงเซ็นเซอร์วัดแสง (Ambient light sensor) และเซ็นเซอร์วัดระยะห่างจากหน้าจอ (Proximity sensor) ที่จะอยู่ระหว่างโลโก้ Nokia และกล้องหน้า
ด้านหลังของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยกล้องหลังที่มีความละเอียด 6.7 MP ถึงแม้สเปคตามหน้ากระดาษจะระบุไว้เท่านี้แต่คุณภาพของภาพที่ได้ต้องบอกว่าน่าประทับใจสำหรับมือถือที่ไม่ได้มาพร้อมเทคโนโลยี PureView ครับ ส่วนรายละเอียดด้านการถ่ายภาพจะได้พูดถึงต่อไป ส่วนด้านซ้ายของโมดูลกล้องจะเป็นแฟลชแบบ LED และช่องไมโครโฟนสำหรับบันทึกเสียงตอนถ่ายวิดีโอ และบริเวณส่วนล่างของด้านหลังจะเป็นที่อยู่ของลำโพง
สิ่งที่น่าสนใจของเจ้า Lumia 730 คือตัวเครื่องที่ดูเหมือนและให้สัมผัสเหมือนกับเป็นเครื่องแบบ Unibody หรือเครื่องแบบถอดฝาหลังไม่ได้ แต่ว่าความเป็นจริงฝาหลังของเจ้า Lumia 730 สามารถถอดได้และการถอดฝาหลังทำได้ไม่ยาก เพราะตอนที่ซื้อเครื่องมาด้านหลังจะมีสติกเกอร์แนะนำวิธีการถอดฝาหลังเอาไว้แล้วครับ
** อย่างไรก็ดี ในการถอดฝาหลังครั้งแรกอาจจะลำบากนิดหน่อยเพราะไม่ชิน แต่หากได้ถอดบ่อยๆ ก็น่าจะไม่มีปัญหาเท่าไหร่แล้วครับ
งานประกอบยังคงมาตรฐานของ Microsoft ฝาหลังถึงแม้จะถอดได้ แต่เมื่อประกอบเข้ากับตัวเครื่องแล้วก็ยังเรียบสนิทเหมือนกับเครื่องที่เป็น Unibody ยังไงยังงั้น
เมื่อถอดฝาหลังออกมาเราก็จะเป็นลักษณะดังรูปครับ โดยตัวฝาหลังจะไม่รองรับการชาร์จไร้สายด้วยเหตุผลที่ระบุไปข้างต้น ฝาหลังเองเป็นพลาสติก (Polycarbonate) ที่แข็งแรง ข้อดีอีกอย่างของการถอดฝาหลังได้คือ เราสามารถซื้อฝาหลังมาเปลี่ยน เพื่อเปลี่ยนสีเครื่องได้ตามที่เราต้องการในอนาคต
เมื่อถอดฝาหลังออกมาแล้ว เราจะเจอแบตเตอร์รี่ขนาด 2,220 mAh (ที่มากกว่า Lumia 830 อยู่ 20 mAh) ซึ่งผลการทดสอบเรื่องแบตเตอร์รี่จะได้พูดถึงต่อไปครับ
นอกจากนี้ด้านในเครื่องจะมีช่องเสียบซิม 2 ช่องตามแบบ Dual-sim รวมถึงช่องเสียบการ์ด Micro-SD น่าเสียดายที่การเปลี่ยนซิม 1 และ Micro-SD การ์ดนั้นจะต้องถอดแบตเตอร์รี่ก่อนเท่านั้นถึงจะเปลี่ยนได้ นับเป็นข้อด้อยเล็กๆของรุ่นนี้ครับ
ข้อควรระวังอีกอย่างของ Lumia 730 คือ รุ่นนี้ใช้ซิมแบบ Micro sim แบบเดียวกับมือถือรุ่นเล็กนะครับ ไม่ใช่ nano sim แบบมือถือรุ่นใหญ่
[divider]
[box_info]สเปคและผลการทดสอบ[/box_info]
เช่นเดิมครับ สำหรับสเปคของ Lumia 730 นั้น คุณ Lo-Axiom เคยเขียนเอาไว้ ซึ่งเป็นสเปคที่ละเอียดครบทุกอย่างของเจ้า Liumia 730 แล้ว เพื่อไม่ให้รีวิวนี้ยาวเกินไป ผมเลยขอไม่ยกเอาสเปคมาไว้ที่นี่ แต่เพื่อนๆสามารถดูสเปคเต็มๆได้จากที่นี่
สเปคของ Lumia 730 นั้นในแง่ชิปเซ็ทและแรมแล้ว จะเหมือนกับ Lumia 830 แบบไม่ผิดเพี้ยน ด้วยชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 400 Quadcore 1.2 GHz GPU เป็น Adreno 305 และแรม 1 GB นั้น เป็นสเปคที่จัดอยู่ในระดับกลางแต่ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานระบบ Windows phone ได้แบบลื่นไหล
เช่นเดียวกับ Nokia Lumia 830 ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 400 ที่ใช้ใน Lumia 730 นั้นมีประสิทธิภาพที่ไม่ต่างกับ Qualcomm Snapdragon S4 ที่ใช้ใน Lumia 920 มากนักและผลการทดสอบสเปคเทียบระหว่าง Nokia Lumia 730, 830 และ 920 มีดังนี้ครับ
ซึ่งตัวเลขที่ออกมาถึงจะไม่สูงมาก แต่อย่างที่เกริ่นไปครับว่าในแง่การใช้งานจริง ต้องบอกว่าประสิทธิภาพในการใช้งานแอพทั่วๆไปในชีวิตประจำวันก็ถือว่าลื่นไหล และใช้งานได้ในระดับที่น่าพอใจ (ซึ่งผลการทดสอบชิปเซ็ท Snapdragon 400 เทียบกับ Snapdragon 800 บน Lumia 930 นั้นผมเคยลงเอาไว้แล้วในรีวิว Nokia Lumia 830 ที่นี่ครับ)
ส่วนผลการทดสอบเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่าง Lumia 730 และ Lumia 920 นั้นอยู่ในวิดีโอด้านล่างครับ
เช่นเคย ด้วยชิปเซ็ทที่ใหม่กว่าทำให้ Lumia 730 ได้รับคุณสมบัติที่รุ่นก่อนหน้าอย่าง Lumia 920 ไม่มี เช่น Living image เป็นต้นถึงประสิทธิภาพจะไม่ต่างแต่ว่าคุณสมบัติใหม่ๆที่ได้มาก็นับว่าเป็นข้อได้เปรียบ
ส่วนผลการทดสอบเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่าง Lumia 730 และ 830 นั้นอยู่ในวิดีโอด้านล่าง
สรุปสั้นๆ ประสิทธิภาพการทำงานของชิปเซ็ทและแรมที่ให้มาและระบบ Windows phone ที่ไม่กินทรัพยากรเครื่องสูงนัก ทำให้การใช้งานเจ้า Lumia 730 ลื่นไหล ไม่แพ้มือถือเรือธงเท่าไหร่นัก
[divider]
[box_info]หน้าจอ[/box_info]
เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ต้องพูดถึงของเจ้า Lumia 730 ครับ ด้วยหน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD 720p (1280 x 720 พิกเซล) ความหนาแน่นพิกเซลต่อตารางนิ้วอยู่ที่ 316 ppi ที่เมื่อเทียบกับระดับราคานี้แล้วหน้าจอของเจ้า Lumia 730 ถือว่าเด่นไม่แพ้ใคร และด้วยเทคโนโลยีหน้าจอที่เป็นจุดเด่นของ Microsoft ไม่ว่าจะเป็น Clear Black ที่ให้สีดำดำสนิท และเมื่อประกอบหน้าจอแบบ OLED ที่ให้สีดำ ดำสนิทกว่าจอแบบ LCD แล้ว ทำให้หน้าจอของ Lumia 730 แสดงผลออกมาได้สด และดำสนิทดีมาก
ความละเอียดถึงจะแค่ 720p แต่ก็ต้องบอกว่าความละเอียดเท่านี้เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปแล้ว ตัวหนังสือและภาพบนหน้าจอคมชัด ถ้าไม่มองแบบเพ่งลงไปจริงๆ ก็ต้องบอกว่าเนียนตาดี
นอกจากนั้นเทคโนโลยีหน้าจออื่นๆของ Microsoft เองก็จัดเต็มมาให้ไม่แพ้รุ่นใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติ Super-sensitive touch ที่ช่วยให้เราปรับการตอบสนองต่อการสัมผัสให้ดีขึ้น, Lumia Color & Brightness profile ที่ให้เราปรับแต่งสีและความสว่างได้ดังใจ หรือกระจก Corning Gorilla Glass 3 ก็มาด้วย
มุมมองหน้าจอของ Lumia 730 ก็ยังไม่มีอะไรให้ต้องติ มุมมองกว้างเช่นรุ่นใหญ่ รวมถึงมุมมองกลางแจ้งสำหรับหน้าจอของ Lumia 730 นั้นก็ยังให้ผลที่น่าพอใจ การอ่านตัวหนังสือและใช้งานกลางแจ้งเรียกได้ว่าไม่มีปัญหา
ข้อด้อยเรื่องหน้าจอของ Lumia 730 สำหรับผมคือ
ด้วยหน้าจอที่สีสดมากๆ เรียกว่าอาจจะมากกว่าหน้าจอ OLED ทั่วๆไป ถึงจะดีต่อการดูหนังหรือเล่นเกมส์ที่ภาพจะสวยกว่าปกติ (ซึ่งสำหรับคนที่ไม่ชอบสีสันสดๆ ก็อาจจะไม่ชอบได้)
แต่สำหรับการดูผลภาพถ่ายแล้ว จะพบว่าหน้าจอที่สีสดเกินไปแบบนี้จะทำให้ภาพที่เราถ่ายด้วยกล้องบน Lumia 730 อาจจะสวยกว่าความเป็นจริง ซึ่งผลที่ได้เมื่อดูไฟล์ภาพนั้นบนคอมพิวเตอร์หรือหน้าจอมือถือรุ่นอื่นๆ อาจจะให้ภาพที่สีสันด้อยกว่าบนหน้าจอ Lumia 730 แต่ตรงกับความเป็นจริงมากกว่า
เพราะฉะนั้นจะบอกว่า เราอาจเชื่อถือสีของภาพถ่ายที่ได้จากกล้องของเจ้า Lumia 730 บนหน้าจอมือถือไม่ได้ 100%
อย่างไรก็ดีต้องบอกว่าปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง โดยการปรับแต่งหน้าจอด้วยคุณสมบัติโปรไฟล์สีที่มีอยู่ใน Nokia Lumia แทบทุกรุ่น
ข้อด้อยอีกเรื่องคือ ด้วยหน้าจอที่เป็นแบบ Pentile ทำให้ถึงแม้สเปคหน้าจอที่ความละเอียดสูงถึง 316 ppi เอง ก็ยังมีเม็ด pixel ให้เห็น เมื่อเราเพ่งมองเข้าไปในบางจุด (ดังภาพด้านล่าง)
แต่อย่างที่บอกไปครับ ถ้าไม่เพ่งลงไปจริงๆก็ไม่เห็น และการใช้งานทั่วไปก็ให้ผลที่น่าพอใจดีอยู่แล้ว
จุดด้อยสุดท้ายคือด้วยหน้าจอ OLED แบบไม่มีหน่วยความจำในตัว ทำให้เจ้า Lumia 730 ไม่รองรับคุณสมบัติ Glance screen หรือฟังก์ชั่นแสดงข้อมูลขณะปิดหน้าจอ ไปอย่างน่าเสียดาย
ปุ่มบนหน้าจอหรือ On screen button
ด้วยระบบ Windows phone 8.1 เป็นต้นมา Microsoft ได้เพิ่มตัวเลือกสำหรับการสร้างมือถือ Windows phone แบบที่ไม่จำเป็นต้องมีปุ่ม 3 ปุ่มด้านล่างของหน้าจออีก และ Lumia 730 เองก็สร้างมาแบบนั้น
ค่ามาตรฐานของ Lumia 730 จะกำหนดให้ปุ่มบนหน้าจอซ่อนเองอัตโนมัติเมื่อเราใช้งานแอพพลิเคชั่นบางอย่างที่ต้องการแสดงผลแบบเต็มหน้าจอ เช่นการถ่ายภาพหรือการดูวิดีโอรวมถึงการเล่นเกมส์ แต่เราก็สามารถปรับแต่งการทำงานของแถบนำทางหรือ navigation bar นี้ได้จากส่วนการตั้งค่า เพื่อให้ปุ่ม 3 ปุ่มแบบ on screen button นี้แสดงตลอดเวลาก็ได้ (แต่ก็จะกินพื้นที่การแสดงผลในหน้าจอไปราวๆ 50 พิกเซล)
[divider]
[box_info]เฟิร์มแวร์ล่าสุดกับ Lumia Denim และระบบปฏิบัติการ Windows phone 8.1 update[/box_info]
อย่างที่เกริ่นเอาไว้ในรีวิว Nokia Lumia 830 ครับ Lumia 730 เองก็เป็นหนึ่งในมือถือรุ่นแรกๆที่มาพร้อมกับเฟิร์มแวร์ใหม่อย่าง Lumia Denim พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows phone 8.1 update ซึ่งรายละเอียดของคุณสมบัติใหม่ๆที่มีอยู่ในเฟิร์มแวร์และระบบปฏิบัติการใหม่นี้ อ่านได้จากที่นี่ครับ
ถ้าพูดแบบตรงๆ Windows phone 8.1 update มีอะไรที่เพิ่มจาก Windows phone 8.1 ไม่มากนักในแง่ของคุณสมบัติที่จับต้องได้ แต่ก็เป็นอัพเดทที่มีคุณสมบัติที่หลายๆคนรอคอยอย่าง Live folder รวมถึงการรองรับ VPN แบบ L2TP รวมถึง Cortana ที่ก็มีให้ใช้งานกันบน Windows phone ทุกรุ่น
[divider]
[box_info]กล้อง จุดเด่นหลักของ Nokia Lumia มาช้านาน[/box_info]
ปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดเด่นใหญ่ของมือถือในตระกูล Lumia ระดับกลางถึงบนขึ้นไป จุดหนึ่งคือคุณภาพของกล้องถ่ายภาพ ซึ่งถึงแม้ Microsoft จะเน้นโปรโมทที่กล้องหน้าของ Nokia Lumia 730 เท่านั้น แต่ต้องบอกว่าจากที่ได้ทดสอบใช้งานมา กล้องของ Lumia 730 ไม่ได้มีดีแค่กล้องหน้า
เพราะกล้องหลังความละเอียด 6.7MP พร้อมเลนส์ ZEISS, f/1.9 และเซ็นเซอร์ขนาด 1/3.4” ที่ให้ภาพถ่ายที่น่าประทับใจทั้งการถ่ายภาพกลางวันในสภาะแสงปกติ และภาพกลางคืนในสภาวะแสงน้อย
ภาพถ่ายที่ได้จาก Nokia Lumia 730 จะมีขนาดภาพราว 1.3 – 2 MB ตัวอย่างภาพภ่ายของกล้องหลักของ Nokia Lumia 730 นั้นมีดังนี้ครับ
** ภาพทั้งหมดถูกลดความละเอียดลงนะครับ แต่ทุกท่านสามารถดูภาพต้นฉบับได้จากที่นี่ครับ
ภาพถ่ายแสงปกติ
ภาพถ่ายแสงน้อย
ด้วยค่า f/1.9 และระบบ BIS ถึงแม้จะไม่มีคุณสมบัติ PureView แต่การถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยของ Lumia 730 ทำได้น่าประทับใจ คุณภาพที่ได้ไม่แพ้กับรุ่นใหญ่เลยทีเดียวครับ
แต่ด้วยความที่เจ้า Lumia 730 ไม่มีระบบกันสั่นหรือ OIS มาด้วย ทำให้การถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยที่มือต้องนิ่งนั้น อาจจะทำได้ลำบากกว่ารุ่นใหญ่อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไป (อาจต้องลองผิดลองถูก 1-2 ครั้ง แต่ถ้าจับจุดได้ก็สบายครับ)
การถ่ายวิดีโอ
การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลักของ Lumia 730 นั้นสามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดระดับ 1080p ที่ 30 fps ด้านภาพไม่มีอะไรให้ติครับ เพราะความละเอียดระดับ Full-HD ภาพที่ได้อยู่ในระดับที่ไม่แพ้ใคร ระบบ continuous focus หรือการโฟกัสต่อเนื่องก็มีมาในรุ่นนี้เช่นกัน
สิ่งที่ขาดหายไปคือระบบกันสั่น OIS ด้วยเหตุผลทางด้านราคาและระดับของรุ่นนี้ที่วางไว้ในแง่การตลาด ทำให้การถ่ายวิดีโอบน Nokia Lumia 730 อาจต้องอาศัยความนิ่งของมือที่มากกว่ารุ่นใหญ่อยู่บ้าง
และด้วยไมโครโฟนแบบ HAAC แค่ 2 ตัวคือด้านหน้าและด้านหลังเครื่องใกล้โมดูลกล้อง ทำให้คุณภาพเสียงที่บันทึกได้จากวิดีโอบน Lumia 730 ไม่มีมิติแบบรุ่นพี่ รวมถึงไม่มีระบบการบันทึกเสียงแบบ Dolby surround แบบใน Lumia 830 ทำให้คุณภาพเสียงที่ได้อาจจะด้อยกว่ารุ่นใหญ่สักหน่อย แต่ก็อยู่ในระดับที่ดี มีมิติซ้ายขวาให้ได้ยินกันอยู่
ตัวอย่างวิดีโอในสภาวะแสงปกติ
ตัวอย่างวิดีโอในสภาวะแสงน้อย
กล้องหน้า มือถือ Lumia ที่กล้องหน้าดีที่สุดในตอนนี้
จุดขายของ Lumia 730 คือกล้องหน้า ที่ Microsoft โปรโมทว่าเป็นมือถือ Selfie phone ตัวแรกในตระกูลนี้ ด้วยกล้องหน้าความละเอียดถึง 5MP มุมมองกว้างและรูรับแสง f/2.4 ทำให้ภาพที่ได้ออกมาน่าพอใจและดีมากๆในสภาวะแสงปกติ รวมถึงมุมมองที่กว้างจริงตามแบบที่ Microsoft อ้างไว้ ตรงนี้ไม่มีข้อโต้แย้งครับ ดูได้จากภาพถ่ายที่นอกจากจะเห็นหน้าเราแล้ว ยังเห็นวิวฉากหลังในมุมกว้างอีกด้วย
** ภาพทั้งหมดลดความละเอียดลงเพื่อใช้แสดงผลบนเว็บไซต์ แต่ทุกท่านสามารถดูไฟล์ต้นฉบับได้จากที่นี่ครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายในสภาวะแสงปกติ (ภาพทั้งหมดไม่ได้ใช้แอพแต่งรูปนะครับ เป็นภาพสดๆจากกล้องครับ)
อย่างไรก็ดี การถ่ายภาพด้วยกล้องหน้าของ Lumia 730 นั้นจะให้ภาพที่ออกมา “คมชัดและจริง” กว่ากล้องหน้าของมือถือยี่ห้ออื่นๆ ด้วย ซึ่งนั่นทำให้หลายๆคนอาจจะไม่ชอบเพราะว่ากล้องหน้าไม่ได้ให้ภาพที่เนียนหรือที่เราเรียกกันว่า “ฟรุ๊งฟริ๊ง” เท่าไหร่นัก
เพราะฉะนั้นการใช้แอพช่วยจึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ซึ่ง Microsoft เองก็ปล่อยแอพ Lumia Selfie ที่ช่วยในการแต่งภาพจากกล้องหน้าที่ดู “จริง” เกินไป ให้ออกมา “ฟรุ๊งฟริ๊ง” ได้เหมือนกัน
แต่ข้อด้อยที่ Microsoft ต้องปรับปรุงอย่างเร่งด่วนคือ ความเร็วในการประมวลผลภาพด้วยแอพอย่าง Lumia Selfie นั้นถือว่าช้าเอามากๆเมื่อเทียบกับแอพอื่นๆหรือการถ่ายภาพด้วยกล้องหน้าของมือถือยี่ห้ออื่นๆ และฟิลเตอร์รวมถึงคุณสมบัติในการปรับแต่งที่ค่อนข้างน้อยอยู่ นั่นทำให้ Microsoft ควรปรับปรุงหรือออกแอพพลิเคชั่นที่จะช่วยให้การใช้งานกล้องหน้าของเจ้า Lumia 730 ได้เต็มที่และถูกใจผู้ใช้ที่ชอบกล้องหน้า โดยเฉพาะกลุ่มสาวๆได้ดีกว่านี้
บางครั้งความชัดอย่างเดียว ก็ไม่ใช่จุดขายสำหรับกล้องหน้าครับ
หรือจะใช้แอพ Camera 360 เข้าช่วย เพราะคุณภาพของไฟล์ต้นทางดีอยู่แล้ว จะใช้แอพแต่งภาพหลังก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ
และข้อเสียอีกอย่างคือกล้องหน้าไม่มีระบบ Auto focus นะครับ (หรืออาจจะมีแต่ว่าผมสังเกตไม่เห็น) แต่ว่าไม่มีปัญหาเรื่องภาพ out-focus จะมีก็เพราะมือเราสั่นซึ่งจะทำให้ภาพเบลอเท่านั้น การโฟกัสพลาดยังไม่มีให้เห็น
กล้องหน้าในสภาวะแสงน้อย
คำถามที่ตามมาสำหรับหลายๆคนคือ กล้องหน้าของเจ้า Lumia 730 สามารถใช้งานได้ดีในสภาวะแสงน้อยด้วยหรือไม่?
คำตอบคือ “พอได้” ครับ เพราะด้วยค่า f/2.4 นั่นไม่ทำให้กล้องหน้าของเจ้า Lumia 730 ใช้งานในสภาวะแสงน้อยได้ แต่ต้องมือนิ่งพอสมควร รวมถึง noise ที่จะมีมาเยือนแน่นอนในสภาวะแสงที่น้อยมากๆ
แต่นั่นก็ยังถือว่าคุณภาพของกล้องหน้าก็อยู่ในระดับที่เหนือกว่าคู่แข่งหลายๆแบรนด์พอสมควรแล้ว
ภาพถ่ายสภาวะแสงน้อยนั้น ผมขอแบ่งออกเป็น 2 หมวด คือภาพแบบ indoor ที่แสงน้อยกว่ากลางแจ้งพอสมควรซึ่งเริ่มมี noise ให้เห็นบ้าง และภาพถ่ายในสภาวะแสงน้อยมาก ซึ่งแน่นอนครับว่า noise มาให้เห็นเพียบ รวมถึงอัตราการถ่ายพลาดและภาพเบลอ (เพราะไม่มีระบบกันสั่นช่วย) ก็มีสูงพอสมควร เรียกได้ว่าอยู่ในระดับ hit or miss เลยครับ (แต่ถ้าคุณเป็นคนมือนิ่งมากๆ หรือใช้การหน่วงเวลาและวางไว้บนพื้นผิวเรียบก็จะช่วยได้)
ภาพถ่ายจากกล้องหน้าแบบ indoor (ภาพทั้งหมดไม่ได้ใช้แอพแต่งรูปนะครับ เป็นภาพสดๆจากกล้องครับ)
ภาพถ่ายจากกล้องหน้าในสภาวะแสงน้อยถึงน้อยมาก
*** ข้อแนะนำสำหรับการถ่ายภาพด้วยกล้องหน้าของ Lumia 730 คือ เมื่อเราเริ่มตั้งกล้องถ่ายและอยู่ในมุมที่พอใจแล้ว ให้ถือมือถือนิ่งๆรอสัก 1-2 วินาที ซึ่งระหว่างนั้นระบบจะปรับแสงและ white balance ให้เราใหม่ จะแก้ปัญหาเรื่องถ่ายภาพแล้ว white balance เพี้ยนไปได้อย่างมาก ซึ่งจุดนี้ต้องรอการอัพเดทแก้ไขจาก Microsoft ในภายหลัง แต่ระหว่างนี้เราสามารถใช้เทคนิคนี้ในการถ่ายภาพอย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ได้ครับ
แต่สำหรับปัญหาเรื่องของภาพที่ได้ออกมาติดโทนแดงเกินไป ส่วนหนึงเป็นเพราะเฟิร์มแวร์ที่ Microsoft จะแก้ไขในอัพเดทต่อๆไป ส่วนตัวผมเจอปัญหานี้บ้างในบางรูปแต่ไม่มากครับ
นอกจากเรื่องการถ่ายภาพนิ่งแล้ว Lumia 730 เองก็มาพร้อมกับความสามารถในการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าได้ที่ความละเอียดระดับ Full-HD 1080p 30 fps ได้เป็นรุ่นแรกของมือถือตระกูล Lumia แต่การขาดคุณสมบัติ Auto focus ไปทำให้การใช้งานอาจจะไม่สามารถใช้ถ่ายแบบจริงจังได้เท่าไหร่นัก แต่ถือว่าเพียงพอสำหรับการถ่ายวิดีโออัพขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์คแบบชัดแจ๋วได้แล้ว
[divider]
[box_info]ความบันเทิงอื่นๆ[/box_info]
การฟังเพลง
จุดเด่นเรื่องการฟังเพลงบน Lumia 730 ยังคงเหมือนกับมือถือ Nokia Lumia รุ่นอื่นๆ เพียงแต่สำหรับผมที่ฟังเพลงเป็นประจำผมรู้สึกว่าคุณภาพเสียงที่ได้จากหูฟังเดียวกัน และปรับ equalizer แบบเดียวกัน เมื่อเทียบกับ Lumia 830 เสียงที่ได้จาก Lumia 730 นั้นให้เสียงที่กังวานกว่าแต่ว่าก็ก้องกว่าเช่นกัน
แต่เรื่องนี้ก็ขึ้นกับความชอบของแต่ละบุคคลครับ แต่โดยรวมคุณภาพด้านการฟังเพลงด้วยหูฟังนั้นไม่มีอะไรให้ติ เพียงแต่เรื่องของลำโพงเท่านั้นที่เช่นเคยครับ มือถือในตระกูล Lumia เองยังคงมาตรฐานที่ค่อนข้างแย่ในเรื่องของมิติเสียงจากลำโพง ซึ่ง Lumia 730 ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น (เผลอๆจะแย่กว่าเดิม)
ด้วยเสียงที่ค่อนข้างแหลมและเบา รวมถึงเสียงที่เมื่อเร่งความดังมากๆจะมีเสียงเหมือนเสียงแตกเล็กน้อยด้วย ทำให้ลำโพงจากเจ้า Lumia 730 นั้นไม่ใช่อะไรที่สามารถใช้งานแบบหวังผลได้เท่าใดนัก
การเล่นไฟล์วิดีโอ
ด้วยหน้าจอที่สดแบบที่กล่าวถึงไปแล้ว รวมถึงหน้าจอ Clear Black ถึงแม้จะมีความละเอียดแค่ 720p แต่ว่าก็ดูไฟล์หนังแบบ HD ได้แบบคมชัด ด้วยผลของความหนาแน่นของพิกเซลต่อตารางนิ้วที่ 316 ppi แถมมีข้อได้เปรียบที่สีสันสวยสดด้วย ทำให้การดูหนังหรือคลิปต่างๆสำหรับผม ได้ภาพที่น่าพอใจ (แต่ถ้าใครไม่ชอบสีสันที่สดเกินไป ก็อาจจะไม่ชอบได้ครับ)
แต่ข้อด้อยของหน้าจอแบบ Pentile ก็ยังมีให้เห็น เพราะเมื่อมองใกล้ๆแล้วเราจะเห็นเม็ดสีที่ค่อนข้างชัด แต่นั้นก็เมื่อเราเพ่งเข้าไปเท่านั้นนะครับ ขึ้นกับผู้ใช้งานแต่ละท่านแล้วว่าจะสังเกตหน้าจอมากน้อยแค่ไหนครับ
การเล่นเกมส์
สำหรับประสบการณ์เล่นเกมส์บน Lumia 730 ด้วยสเปคที่อยู่ในมาตรฐานที่เล่นเกมส์และแอพทั้งหมดบน Windows phone store ในปัจจุบันได้ทั้งมดอยู่แล้ว
ด้วยชิปเซ็ท Snapdragon 400 และ GPU Adreno 305 และแรม 1GB ทำให้การเล่นเกมส์บน Lumia 730 เองก็ทำได้ลื่นไหล อาจจะมีเฟรมเรตตกบ้างสำหรับเกมส์ที่ต้องการทรัพยากรเครื่องในระดับสูงๆอย่าง Asphalt 8: Airborne แต่ภาพที่ได้และประสบการณ์เล่นเกมส์โดยรวมก็ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ส่วนการใช้งานด้านอื่นๆอย่าง Microsoft Office รวมถึงการท่องเว็บไซต์ก็ใช้งานได้ไม่มีปัญหา ส่วนตัวผมอาจจะเคยชินกับการใช้งานมือถือหน้าจอใหญ่มานาน พอมาเจอกับหน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว ด้วยความที่ไม่ชินนักทำให้รู้สึกแปลกๆอยู่บ้าง แต่ถ้าใครที่ไม่มีปัญหากับการใช้งานหน้าจอขนาดเท่านี้ก็ไม่มีประเด็นอะไรครับ
นอกจากนี้ระบบแผนที่นำทางอย่างแอพตระกูล Here ที่ไม่ได้เป็น exclusive อีกแล้ว (ย้ำเข้าไป) ก็ยังใช้งานได้ดี ไม่มีปัญหาเช่นเดิม การจับสัญญาณ GPS เร็วเช่นเคยครับ
[divider]
[box_info]การใช้งานในฐานะโทรศัพท์[/box_info]
ด้วยไมโครโฟนแบบ HAAC ที่ Microsoft ใช้งานในมือถือ Nokia Lumia แทบทุกรุ่น ความชัดเจนในแง่เสียงสนทนาไม่มีประเด็นอะไร การใช้งานในการเป็นโทรศัพท์เครื่องหนึ่งไม่มีปัญหาให้พูดถึง (ขึ้นกับความแรงของสัญญาณโทรศัพท์ด้วย)
การเชื่อมต่อ WiFi เท่าที่ผมทดสอบมา ไม่มีปัญหาการเชื่อมต่อยากแบบที่หลายคนเจอตอนอัพเดทเป็น Windows phone 8.1 ซึ่งน่าจะเพราะเป็นเฟิร์มแวร์ใหม่อย่าง Lumia Denim นั่นเอง
สิ่งที่น่าพูดถึงคือ ความที่เจ้า Lumia 730 รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิม หรือ Dual-sim และระบบ Smart dual-sim ของ Nokia Lumia ก็ใช้งานได้ดี ซึ่งเราสามารถใช้งานมือถือทั้ง 2 ซิมได้แบบ Dual standby ซึ่งสามารถเลือกโอนสายจากเบอร์หนึ่งไปยังอีกเบอร์หนึ่งได้ทันที รวมถึงเลือกซิมการ์ดที่จะใช้งานการเชื่อมต่อแบบ 3G ซึ่งเราสามารถสลับการทำงานได้ตลอดเวลาเช่นกัน
[divider]
[box_info]อายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ ไม่หนีไปจากรุ่นที่ออกมาพร้อมกันอย่าง Nokia Lumia 830[/box_info]
อย่างที่ระบุเอาไว้ในหัวข้อเลยครับ ด้วยสเปคที่เหมือนกัน แบตเตอร์รี่ขนาดไม่ต่างกัน (Lumia 730 มากกว่าของ Lumia 830 แค่ 20 mAh เท่านั้น) ทำให้จากการทดสอบใช้งานผมไม่พบความต่างอย่างมีนัยยะสำคัญสำหรับอายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ของทั้ง 2 รุ่น
ทั้งนี้ การใช้งานของผม ก็เหมือนกับตอนที่ใช้งานมือถือทุกรุ่น (เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน) จากที่ผมได้ใช้งานและตั้งค่าเครื่องแบบเดียวกับที่เคยตั้งตอนใช้งานกับ Nokia Lumia ที่ผมทดสอบทุกรุ่น คือ
- ปิด NFC, Bluetooth, Super Sensitive Touch งานเบื้องหลังที่ไม่จำเป็นทั้งหมด
- เปิดงานเบื้องหลังเหล่านี้เอาไว้ Facebook beta, Line, Email อีก 3 ฉบับ, Internet Explorer, Store, Battery Saver, Whatsapp, Music,OneDrive,
- เปิด 3G, WiFi GPS ไว้ตลอดเวลา
- ตั้งค่าความสว่างเป็น Auto,
- เปิดคุณสมบัติการปรับภาพหน้าจอให้คมชัดกลางแจ้ง (Sunlight readability) ไว้ด้วยเพื่อทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอ
การใช้งานเน้นที่การโทรศัพท์ อ่านข่าวบนรถไฟฟ้ารวมถึงดูแล Fan page นอกจากนี้ก็เล่น Social network อย่าง Line, Facebook รวมถึง Twitter และ Instagram เป็นปกติ อาจจะไม่หนักเท่าคนที่เล่นเยอะๆ แต่ก็ไม่น้อย
ผลการใช้งานที่ได้จากการใช้งานเป็นโทรศัพท์เครื่องหลักของผม อยู่ที่ราว 9-12 ชั่วโมงขึ้นกับปริมาณการใช้งานในแต่ละวันครับ แต่ถ้าคุณเป็นคนเล่นมือถือหนักกว่าผม และเล่นเกมส์ด้วยแน่นอนว่าอายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ของคุณก็จะลดลงกว่านี้แน่นอน
แต่ทั้งนี้ ตอนที่ไปต่างประเทศ ทำให้ได้ลองเปิดโหมดเครื่องบินสำหรับการใช้งานมันเป็นกล้องถ่ายรูปเพียงอย่างเดียว และเชื่อมต่อกับเครือข่าย WiFi บ้างเพื่ออัพโหลดรูปและเล่นอินเตอร์เน็ตพบว่าแบตเตอร์รี่ของเจ้า Lumia 730 สามารถอยู่ได้ข้ามวันเลยทีเดียว
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของ Lumia 730 ที่ผมเจอมาคือ ไม่พบปัญหาด้านความร้อนจากการใช้งานเลยครับ น่าจะด้วยสเปคที่ไม่สูงมากและตัวเครื่องที่ทำจาก Polycarbonate ที่ระบายความร้อนได้ดี
[divider]
[box_info]ข้อด้อย[/box_info]
ข้อด้อยหลักๆนอกเหนือจากเรื่องระบบนิเวศน์ของแอพที่น้อยกว่าคู่แข่ง และคุณสมบัติของระบบ Windows phone 8.1 update ที่ยังตามหลังคู่แข่งอยู่บ้าง สำหรับผมแล้วจากการใช้งาน Lumia 730 มาขอสรุปดังนี้ครับ
- พื้นที่หน่วยความจำภายในที่ให้มาเพียง 8GB ที่ถึงแม้จะยังไม่ได้ลงแอพมากมายนัก (จากภาพด้านล่างผมลงแอพขนาดรวมกันแค่ 1.5 GB เท่านั้น) แต่นั่นก็ทำให้พื้นที่ในเครื่องเหลือเท่าที่เห็น
โชคดีที่ระบบ Windows phone 8.1 สามารถให้เราติดตั้งแอพพลิเคชั่นลงใน SD Card ได้ แต่ว่าก็น่าเสียดายที่พื้นที่ในเครื่องให้มาน้อยไปนิดครับ
- ข้อด้อยอีกข้อคือเรื่องการหายไปของปุ่มชัตเตอร์ ที่ทำให้การถ่ายภาพ Selfie สำหรับผมค่อนข้างลำบากกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งเมื่อมองในแง่ของการเป็นมือถือเน้นการถ่ายภาพ การขาดหายไปของปุ่มชัตเตอร์เป็นอะไรที่ผมรู้สึกแปลกพอสมควร และเราไม่สามารถใช้งานปุ่มอื่นๆแทนปุ่มชัตเตอร์ได้ ทำให้ถ้าคนที่ไม่ชินและนิ้วไม่ยาวพอ อาจจะประสบปัญหาด้านการถ่ายภาพได้ถ้ามีปุ่มชัตเตอร์เพิ่มเข้ามา ส่วนตัวผมมองว่าน่าจะให้ประสบการณ์ใช้งานด้านการถ่ายรูปที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ครับ
- สุดท้ายคือเรื่องที่กล่าวเอาไว้ในตอนต้นของรีวิวนี้ ทั้งเรื่องของหน้าจอที่สีสันอาจจะสดเกินความเป็นจริงไปหน่อยและหน้าจอแบบ Pentile ที่เพ่งแล้วเห็นเม็ดสีบ้าง ลำโพงที่เบาและให้เสียงที่แบนและแตกในบางสถานการณ์ รวมถึงความเพี้ยนของ White balance ในกล้องหน้าและหลังที่ยังมีให้เห็น
[divider]
[box_info]สรุป[/box_info]
จากที่เขียนมาทั้งหมด Nokia Lumia 730 เป็นมือถือที่ไม่ได้เด่นแค่เรื่องของการทำ Selfie แต่ยังมีดีที่กล้องหลังและสเปคที่อยู่ในระดับเดียวกับ Nokia Lumia 830 ที่ราคาสูงกว่าหลายพันบาท ทำให้ถ้ามองถึงในแง่ของความคุ้มค่าแล้ว สำหรับผู้ที่ไม่ได้ต้องการฟังก์ชั่นระดับเรือธงแบบใน Lumia 830 แล้ว Lumia 730 ก็เป็นตัวเลือกที่ใช้งานได้ในระดับที่ไม่ผิดหวัง พร้อมส่วนต่างราคาที่ต่ำกว่าอยู่ราว 5,000 บาท แลกกับสิ่งที่หายไปอย่าง
- ระบบการชาร์จแบบไร้สาย
- ฟังก์ชั่นกล้องระดับเรือธงอย่าง OIS, ความละเอียดกล้อง 10MP, Rich audio recording,
- ฟังก์ชั่น Miracast
- ปุ่มชัตเตอร์
- ระบบเสียงแบบ Dolby surround
กับสิ่งที่ได้มาอย่าง
- กล้องหน้าที่ชัดจริงและมุมมองกว้าง
- กล้องหลังที่ถึงจะไม่ได้มาพร้อมเทคโนโลยี PureView แต่ก็ใช้งานได้ไม่ด้อยกว่านัก
- สเปคที่เทียบเท่า Lumia 830
- รองรับการใช้งาน Dual-sim และมีเทคโนโลยี NFC มาด้วย
เมื่อหักลบกับข้อด้อยที่ระบุเอาไว้เบื้องต้น และข้อดีที่ได้มา รวมถึงอะไรที่ขาดหายไปอย่างที่ผมระบุเอาไว้ด้านบน สำหรับผมถือว่าเจ้า Lumia 730 ทำออกมาได้คุ้มราคา 8,790 บาท
ถึงแม้จะยังมีคู่แข่งที่สเปคไม่หนีจากกันมากในราคานี้ (หรืออาจจะดีกว่า) แต่ว่าข้อเด่นที่ได้มาและความลื่นไหลด้านการใช้งาน Windows phone นั้นก็ยังทำให้เจ้า Lumia 730 น่าสนใจอยู่ครับ
[gradeB]