เปิดตัวและเริ่มวางจำหน่ายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับมือถือรุ่นใหม่ที่ Microsoft ใช้คำสำหรับการประชาสัมพันธ์ว่าเป็น Affordable Flagship หรือมือถือเรือธงในราคาที่เราสัมผัสได้ ซึ่งจากคำที่ Microsoft ว่ามา เรามาดูกันครับว่าเจ้า Nokia Lumia 830 นี้จะเป็นมือถือเรือธงแบบที่ Microsoft ว่ามาหรือไม่
เบื้องต้นต้องบอกว่าจากที่ได้อยู่ด้วยกันมา Lumia 830 ไม่ใช่เรือธงในความหมายที่เราเข้าใจกันแน่นอน ทำไม? ลองมาอ่านกันดูครับ
รีวิวนี้จะประกอบไปด้วยหัวข้อต่างๆได้แก่
- แกะกล่อง
- แรกสัมผัสและการออกแบบ
- สเปคและผลการทดสอบ
- หน้าจอ
- เฟิร์มแวร์ล่าสุดกับ Lumia Denim และระบบปฏิบัติการ Windows phone 8.1 update
- กล้องและผลการถ่ายภาพ
- ความบันเทิง การเล่นเกมส์และดูหนังฟังเพลง
- แบตเตอร์รี่
- ข้อด้อย
- สรุปผล
[box_info]แกะกล่อง[/box_info]
สำหรับการแกะกล่อง คุณ Noppinij ก็ได้ทำวิดีโอแกะกล่องมาให้เราได้ดูกันแล้วเช่นเคยครับ เพราะฉะนั้นผมสามารถอู้ในส่วนของการแกะกล่องได้ เอ้ยไม่ใช้ ประหยัดเนื้อที่ในการเขียนรีวิวได้ ซึ่งเพื่อนๆสามารถดูคลิปรีวิวแกะกล่องได้จากที่นี่ครับ
แต่ขอแถมภาพกล่องและอุปกรณ์ในชุดจัดจำหน่ายให้ดูกันนะครับ
โดยชุดจัดจำหน่ายของ Lumia 830 มีตามรูปคือ ตัวเครื่อง Nokia Lumia 830, หูฟังแบบ in-ear แบบที่แถมมาในมือถือรุ่นราคาเกิน 10,000 บาทขึ้นไปในตระกูล Lumia ซึ่งคุณภาพเสียงยังแค่พอฟังได้ แต่หวังผลอะไรไม่ได้สำหรับคนที่ต้องการหูฟังดีๆสักอันเหมือนเดิม, สาย USB พร้อมหัวเสียบเพื่อใช้เป็น wall charge และคู่มือฉบับเล็กๆ
ตัวกล่องคราวนี้มาแปลกกว่าเดิมเล็กน้อย เพราะหน้ากล่องแสดงสีเครื่องแค่สีเดียวคือสีเขียว (จะซื้อสีไหนก็ได้หน้ากล่องสีนี้เหมือนกันหมดนะครับ ไม่ต้องตกใจ) ผิดกับก่อนหน้านี้ที่หน้ากล่องของมือถือ Nokia Lumia จะแสดงรูปมือถือแทบครบทุกสีที่วางจำหน่าย
[divider]
[box_info]แรกสัมผัสและการออกแบบ[/box_info]
จุดเด่นแรกของ Lumia 830 คือวัสดุและการออกแบบซึ่งใช้แนวทางการออกแบบ (Design language) ที่คล้ายกับที่เคยใช้มาแล้วใน Lumia 930 พอสมควร อาจจะไม่ถึงขั้นเหมือน แต่ก็คล้ายมากๆ
สิ่งที่ขัดเจนขึ้นอีกคือเรื่องของขนาดและความบาง ซึ่งถึงแม้เจ้า Lumia 830 จะมาพร้อมหน้าจอขนาด 5 นิ้วเท่ากับ Lumia 930 แต่ว่าตัวเครื่องกลับใหญ่กว่า (ยาวกว่า) Lumia 930 อยู่เล็กน้อย แต่ที่เด่นกว่าคือความเบาครับ
Lumia 830 | Lumia 930 | Lumia 1520 | Lumia 920 | Lumia 925 | Lumia 1020 | |
กว้าง (มม.) | 70.7 | 71 | 85.4 | 70.8 | 70.6 | 71.4 |
ยาว (มม.) | 139.4 | 137 | 162.8 | 130.3 | 129 | 130.4 |
หนา (มม.) | 8.5 | 9.8 | 8.7 | 10.7 | 8.5 | 10.4 |
น้ำหนัก (กรัม) | 150 | 167 | 209 | 185 | 139 | 158 |
จากรูปด้านบนต้องบอกว่า ด้วยตำแหน่งการจัดวางปุ่มใน Lumia 830 ที่ตำแหน่งของปุ่มชัตเตอร์อยู่ต่ำกว่า ทำให้ส่วนตัวผมรู้สึกว่าสะดวกมากในการใช้ถ่ายรูปแบบ Selfie ได้ถนัดขึ้น…เพียงแต่กล้องหน้าของเจ้า Lumia 830 เองก็ยังไม่อยู่ในพิสัยที่จะถ่ายกล้องหน้าแบบจริงจังได้เท่านั้นเอง
จากสเปคต้องบอกว่า Lumia 830 นั้นยาว แต่บาง และเบากว่ารุ่นอื่นๆพอสมควร ซึ่งทำให้การใช้งานนั้นค่อนข้างกระชับมือ ให้ความรู้สึกเหมาะมือสำหรับผม
ผิวสัมผัสส่วนขอบที่เป็นอลูมิเนียม ในครั้งแรกที่จับต้องบอกว่าเหมือนงานเพิ่งทำเสร็จความรู้สึกของอลูมิเนียมจะสากๆมือแบบบอกไม่ถูก และทำให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมของขอบอลูมิเนียมลดลงไป แต่พอใช้งานไปได้ 2-3 วัน ซึ่งส่วนตัวผมรู้สึกว่าเหมือนกับพื้นผิวของอลูมิเนียมเข้าที่แล้ว ทำให้ความรู้สึกในการสัมผัสดีขึ้น สากมือน้อยลง และใกล้เคียงกับพื้นผิวของ Lumia 930 อยู่เหมือนกัน (หรือจะเพราะความเคยชิน ?)
ใครที่ลองจับครั้งแรกแล้วรู้สึกว่ามันไม่พรีเมี่ยม หรือเหมือนพลาสติกพ่นสีเคลือบ ถ้าได้ลองใช้งานต่อเนื่องสัก 2-3 วัน ความรู้สึกนั้นอาจจะหายไปเหมือนผมครับ
งานประกอบอื่นๆไม่มีอะไรให้ติ หน้าจอที่เป็นกระจกโค้งเล็กน้อย สวยงามและเข้ากับตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี ภาพตัวเครื่องในมุมต่างๆ มีดังนี้ครับ
ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีพอร์ตหรือปุ่มใดๆ
ด้านล่างของตัวเครื่องเองก็เช่นกัน ไม่มีปุ่มหรือพอร์ตใดๆ
ด้านขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่มมาตรฐาน (เดิม) ของ Windows phone คือปุ่มเพิ่มเสียง ลดเสียง ปุ่ม power และปุ่มชัตเตอร์กล้องถ่ายรูป
ด้านบนของตัวเครื่องมีพอร์ต USB สำหรับการชาร์จแบบปกติและช่องสำหรับเสียบหูฟัง
ซึ่งส่วนตัวผมชอบการที่ Microsoft ย้ายพอร์ต USB มาไว้ด้านบนแบบนี้มากกว่าการเอาไว้ในตำแหน่งด้านล่างเครื่องเหมือนรุ่นก่อนหน้า เพราะมันทำให้การชาร์จไฟไป ท่องเว็บไปหรือใช้โทรศัพท์ไปทำได้อย่างสะดวก ไม่ต้องกังวลเรื่องสายกวนใจ
ด้านบนของหน้าจอมีกล้องหน้าความละเอียด 0.9MP ที่ใช้ได้แบบไม่หวังผลอะไรเท่าไหร่นักอยู่ รวมถึงเซ็นเซอร์วัดแสง (Ambient light sensor) และเซ็นเซอร์วัดระยะห่างจากหน้าจอ (Proximity sensor) ด้วย
ส่วนด้านหลังเป็นโมดูลกล้อง และด้านล่างเป็นช่องลำโพงครับ
สิ่งที่ต่างออกไปสำหรับ Lumia 830 จากรุ่นพี่อย่าง Lumia 930 คือรุ่นนี้สามารถถอดฝาหลังได้ และฝาหลังยังทำออกมาให้รองรับการชาร์จแบบไร้สายได้ด้วยในตัว ทำให้มันเป็นมือถือ Nokia Lumia ที่รองรับการชาร์จไร้สายในตัวที่ราคาถูกที่สุดที่ Nokia เคยทำมา ส่วนหนึ่งน่าจะเพราะเทคโนโลยีที่ถูกลงกว่าเดิมแล้ว
ฝาหลังของเจ้า Lumia 830 เป็นพลาสติกอ่อนตัวพอสมควร สามารถจับงอได้ ข้อติของฝาหลังของ Lumia 830 คือความบางที่ดูเหมือนจะหักง่าย (ซึ่งผมยังไม่ได้ลองหักดูนะครับ…ไม่กล้า) รวมถึงการถอดฝาหลังที่ต้องใช้แรงแงะกันพอสมควร
และนั่นทำให้ส่วนตัวผมกลัวเหลือเกินที่สลักที่ล็อกฝาหลังกับตัวเครื่อง ที่เป็นพลาสติกที่มีความหนาไม่มากจะหักเอา และทำให้ฝาหลังจะล็อกไม่ได้อีก
(การถอดฝาหลังทำได้ โดยการงัดที่ร่องด้านล่างของตัวเครื่อง ใกล้กับลำโพง)
แต่ทั้งนี้ต้องบอกว่า เป็นแค่ความกลัวส่วนตัวเท่านั้นครับ ความเป็นจริงมันอาจจะไม่ได้หักง่ายแบบที่ผมกังวลก็ได้ และจุดเด่นของการเปลี่ยนฝาหลังได้คือ เราสามารถเปลี่ยนสีฝาหลัง (ซึ่งก็คือการเปลี่ยนสีทั้งเครื่องแล้ว) ของเจ้า Lumia 830 ได้บ่อยเท่าที่ต้องการเลยทีเดียว (แต่ก็ต้องซื้อฝาหลังมาเปลี่ยนเอง ซึ่งมีทั้งสิ้น 4 สีได้แก่ เขียวสด ส้มสด ขาว และดำ)
ถึงแม้ฝาหลังจะถอดได้ แต่ตอนใส่กลับเข้าไปก็เรียบสนิทติดกับตัวเครื่องในระดับที่ตอนแรกคนที่ไม่รู้มาก่อนจะไม่คิดว่ามันถอดฝาหลังได้เหมือนกันนะครับ (แต่ตอนใส่กลับต้องไล่บีบฝาหลังให้ลงล็อกให้ดีเท่านั้นเอง)
นอกจากนี้ Microsoft ยังทำอุปกรณ์เสริมที่เป็นฝาหลังพร้อมฟลิปเคสในตัว (แบบเดียวกับที่เราเคยเห็นกับมือถือยี่ห้ออื่นๆ) แต่จุดเด่นของฝาหลังนี้คือมันก็รองรับการชาร์จไร้สายด้วยเช่นกันครับ แต่ก็มาในราคาที่แรงพอสมควรคือ 1,239 บาท
และด้วยความที่มันถอดฝาหลังได้ ทำให้มันสามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ได้ด้วยเช่นกัน โดยแบตเตอร์รี่ของ Lumia 830 นั้น Microsoft ให้มาที่ 2,200 mAh ซึ่งถือว่าน้อยไปซักนิดแต่ก็ไม่ขี้เหร่
ด้านในตัวเครื่องเมื่อถอดฝาหลังออกมาแล้ว จะเจอกับช่องเสียบ SD Card ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องปิดเครื่องหรือถอดแบตเตอร์รี การใส่-ถอด SD Card ก็ทำได้ไม่ยาก และรองรับการใช้งานหน่วยความจำแบบ Micro SD Card ความจุสูงสุดที่ 128 GB
แต่สำหรับการถอดเปลี่ยนซิมนั้น ยังไงก็ต้องปิดเครี่องเพราะต้องถอดแบตเตอร์รี่ออกก่อนถึงจะสามารถเสียบซิมได้ ซึ่งเจ้า Lumia 830 นี้ใช้ซิมแบบ Nano-sim ครับ
[divider]
[box_info]สเปคและผลการทดสอบ[/box_info]
สำหรับสเปคของ Lumia 830 นั้น คุณ Lo-Axiom เคยเขียนเอาไว้ ซึ่งเป็นสเปคที่ละเอียดครบทุกอย่างของเจ้า Liumia 830 แล้ว เพื่อไม่ให้รีวิวนี้ยาวเกินไป ผมเลยขอไม่ยกเอาสเปคมาไว้ที่นี่ แต่เพื่อนๆสามารถดูสเปคเต็มๆได้จากที่นี่ครับ
จากสเปคที่ระบุในหน้ากระดาษจะเห็นได้ชัดเจนว่าสเปคของ Lumia 830 นั้น ห่างไกลจากความเป็นเรือธงอยู่พอสมควร ซึ่งด้วยชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 400 Quadcore 1.2 GHz GPU เป็น Adreno 305 และแรม 1 GB นั้น เป็นสเปคที่จัดอยู่ในระดับกลางเท่านั้น ห่างชั้นกับเรือธงอย่าง Lumia 1520 และ Lumia 930 อยู่มาก (ว่ากันตามตรงเป็นชิปเซ็ทเดียวกับ Lumia 630 ที่เป็นมือถือระดับล่างเลย เพียงแต่แรมมากกว่า 1 เท่า)
และด้วยสเปคแบบนี้ที่ทำให้หลายๆคนมีข้อสงสัยว่า สเปคของ Lumia 830 นั้น ต่างจากรุ่นที่ใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon S4 อย่าง Lumia 920 ขนาดไหน เพราะว่าผลการทดสอบหลายๆแหล่งระบุว่าชิปเซ็ททั้ง 2 รุ่นนั้นมีประสิทธิภาพที่ไม่ต่างกันเลย และ Snapdragon S4 ยังสามารถเอาชนะได้ในบางผลการทดสอบด้วยซ้ำ
คำตอบอยู่ที่นี่ครับ (ผลการทดสอบด้วยแอพ AnTuTu Benchmark)
จากภาพผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าชิปเซ็ท Snapdragon 400 ใน Lumia 830 นั้นมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Snapdragon S4 ใน Lumia 920 มาก และห่างชั้นกับ Lumia 930 มากเช่นกัน
แต่ในแง่การใช้งานจริง ลองมาดูวิดีโอสั้นๆที่ผมถ่ายทำเปรียบเทียบการเรียกใช้งานแอพต่างๆบน Lumia 830 และ Lumia 930 กันดูครับว่าจะต่างกันมากน้อยขนาดไหน
จากวิดีโอแสดงให้เห็นว่า ประสิทธิภาพที่ต่างกันของชิปเซ็ททั้ง 2 รุ่น ส่งผลต่อการทำงานของระบบ Windows phone จริงแต่ไม่มากนัก และจากที่ผมใช้งาน Lumia 930 เป็นเครื่องหลักมาตั้งแต่วางจำหน่าย พอเปลี่ยนมาใช้งานเจ้า Lumia 830 นั้นบอกได้ว่า ประสิทธิภาพการทำงานและความไหลลื่นในการใช้งานลดลงบ้างในระดับที่รู้สึกได้ แต่เฉพาะในบางแอพเท่านั้น (สำหรับผม Twitter จะให้ความรู้สึกที่ต่างกว่าแอพอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด คือบน Lumia 830 ช้ากว่าพอสมควร)
เมื่อเทียบกับ Nokia Lumia 920 ที่มีชิปเซ็ทที่เก่ากว่าถึงประสิทธิภาพการทำงานไม่หนีกันมาก อย่างน้อย Nokia Lumia 830 เองก็มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ใหม่กว่า และทำอะไรที่ Nokia Lumia 920 ไม่สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ Living image และการใช้งานแอพแทบทั้งหมดรวมถึงเกมส์บน Nokia Lumia 830 เองก็ยังทำได้ในระดับที่ดีมากๆบน Windows phone เช่นกัน ผมไม่มีวิดีโอทดสอบเทียบกับ Lumia 920 แต่ได้ทดสอบเช่นกันเพราะมีเครื่องอยู่ บอกได้ว่าความเร็วในการใช้งานและเปิดแอพพอๆกันเลยครับ (จะอัพเดทวิดีโอเทียบกันระหว่าง 2 รุ่นนี้ต่อไป)
ซึ่งสรุปสั้นๆ ง่ายๆตรงนี้ว่า ประสิทธิภาพการทำงานอาจจะไม่โดดเด่น แต่ก็ใช้งานได้ในระดับที่ไม่ทำให้คุณหงุดหงิดและเร็วไม่แพ้เรือธงมากนัก
ทำไม่ถึงต้องเอามาชกข้ามรุ่น? เพราะว่า Microsoft บอกว่าเจ้า Lumia 830 คือ Affordable flagship มาตลอด เราเลยต้องลองเทียบกับ flagship หรือเรือธงจริงๆ แต่คำว่า flagship ของ Microsoft ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงผลการทดสอบประสิทธิภาพแน่นอน ส่วนจะหมายถึงอะไร ในรีวิวนี้จะกล่าวถึงต่อไปครับ
[divider]
[box_info]หน้าจอ[/box_info]
หน้าจอของเจ้า Lumia 830 ก็เป็นอะไรที่น่าพูดถึงครับ เพราะหน้าจอขนาด 5 นิ้ว แบบ IPS LCD ที่ยังจัดเต็มด้วยเทคโนโลยีหน้าจอของ Microsoft ไม่ว่าจะเป็น Clear Black ทำให้สีหน้าจอดำสนิทไม่ด่าง, Super-sensitive touch ที่ช่วยให้เราปรับการตอบสนองต่อการสัมผัสให้ดีขึ้น, Lumia Color & Brightness profile ที่ให้เราปรับแต่งสีและความสว่างได้ดังใจ หรือกระจก Corning Gorilla Glass 3 ก็มาด้วย
และที่สำคัญด้วยการที่มันเป็น IPS LCD แบบมีหน่วยความจำภายใน ทำให้เจ้า Lumia 830 รองรับการใช้งาน Glance screen หรือหน้าจอ แสดงข้อมูลขณะปิดหน้าจอด้วย (ซึ่งขาดหายไปใน Lumia 930 และรุ่นที่ออกมาพร้อมกันอย่าง Lumia 730 ก็ไม่มีคุณสมบัตินี้เช่นกันเพราะทั้ง 2 รุ่นนั้นใช้จอแบบ OLED ที่ไม่มีหน่วยความจำ)
แต่ด้วยราคาที่ไม่สูงมาก และในระดับราคานี้ แน่นอนว่าทำให้จอของเจ้า Lumia 830 มาพร้อมความละเอียดที่ HD 720p (1280 x 720 พิกเซล) เท่านั้น แต่จะใช้คำว่า “เท่านั้น” ก็ไม่ถูกนักเพราะด้วยความหนาแน่นของพิกเซลต่อตารางนิ้วที่ 296 PPI ทำให้หน้าจอของ Lumia 830 แสดงผลออกมาได้ดีในระดับที่น่าพอใจ สวยงามแบบที่มองใกล้ๆก็ไม่ต่างกับ Lumia 930 เลยทีเดียว
จุดที่ต่างคือเรื่องของสีสันหน้าจอ ที่ Lumia 830 ให้สีสันที่เป็นธรรมชาติกว่า และสีขาวในหน้าจอจะไม่ขาวโอโม่แบบบน Lumia 930 รวมถึงสีดำ ถ้าจับมาเทียบกันข้างๆ แน่นอนว่า จอ OLED ของ Lumia 930 ดำสนิทกว่า
ถ้าให้วัดตามความรู้สึกที่ใช้ทั้ง 2 เครื่องต้องบอกว่า ไม่ต่างกันในแง่ความละเอียดแบบเห็นได้ชัดเจนถ้าใช้งานทั่วไป ซึ่งถือว่า Microsoft ทำออกมาได้ดี
ส่วนตัว….ผมชอบหน้าจอของ Lumia 830 มากกว่า เพราะมันสบายตากว่า และความต่างแค่นี้แต่ได้หน้าจอ Glance screen กลับมา ส่วนตัวผมว่าเป็นอะไรที่ผมยอมแลกครับ…. อ่าห์ ของใหม่อะไรก็ดีเนอะ
แต่สำหรับคนชอบหน้าจอสีสดๆ ต้องบอกว่า Lumia 830 จะไม่เป็นแบบนั้นครับ เรื่องความสดของสีบนหน้าจอถ้าเป็นค่ามาตรฐานจากโรงงาน จะสดน้อยกว่า Lumia 1520 ที่เป็นจอแบบ IPS LCD เหมือนกันด้วยซ้ำไป เรื่องนี้เป็นอะไรที่ต้องทดสอบด้วยตาตัวเองและความชอบส่วนตัวครับ
การใช้งานหน้าจอกลางแจ้ง เป็นอีกจุดที่ต้องพูดถึง Microsoft ยังคงทำหน้าจอของเจ้า Lumia 830 ออกมาได้ดี การใช้งานกลางแจ้งเมื่อเราเปิดฟังก์ชั่น Sunlight readability หรือความคมชัดกลางแจ้งและเปิดความสว่างหน้าจอเอาไว้แบบออโต้ การอ่านตัวหนังสือต่างๆบนหน้าจอยังทำได้ดีอยู่ มองเห็นไม่ลำบากและมุมมองการมองเห็นยังกว้างอีกด้วย
แต่ถึงแม้จะไม่เปิดโหมด sunlight readability ก็ตาม แต่การมองเห็นหน้าจอก็ยังอยู่ในระดับที่อ่านได้สบายๆไม่ต้องเพ่ง
ถือว่าไม่มีข้อติอะไรสำหรับการใช้งานหน้าจอกลางแจ้ง
สรุปเรื่องหน้าจอ ถึงแม้หน้าจอของ Lumia 830 จะไม่ใช่หน้าจอที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นหน้าจอความละเอียด 720p ที่ดีไม่แพ้ใครในตลาด เทียบชั้นจอ Full HD หลายๆรุ่นได้สบาย
[divider]
[box_info]เฟิร์มแวร์ล่าสุดกับ Lumia Denim และระบบปฏิบัติการ Windows phone 8.1 update[/box_info]
Nokia Lumia 830 เป็น 1 ในมือถือรุ่นแรกที่มาพร้อมกับเฟิร์มแวร์ระบบตัวใหม่จาก Microsoft และระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุดอย่าง Windows phone 8.1 update
ในแง่ของคุณสมบัติต่างๆของ windows phone 8.1 update และเฟิร์มแวร์ Lumia Denim คงต้องขอให้ทุกท่านอ่านจากบทความเก่าที่เราเคยเขียนไปแล้ว ที่นี่ครับ
ถ้าพูดแบบตรงๆ Windows phone 8.1 update มีอะไรที่เพิ่มจาก Windows phone 8.1 ไม่มากนักในแง่ของคุณสมบัติที่จับต้องได้ แต่ก็เป็นอัพเดทที่มีคุณสมบัติที่หลายๆคนรอคอยอย่าง Live folder รวมถึงการรองรับ VPN แบบ L2TP รวมถึง Cortana ที่ก็มีให้ใช้งานกันบน Windows phone ทุกรุ่น
แต่สำหรับเฟิร์มแวร์ Lumia Denim ที่เน้นเรื่องการปรับปรุงเรื่องการถ่ายภาพ แต่ต้องใช้งานร่วมกับ Lumia Camera เวอร์ชั่นล่าสุด (ที่ยังไม่ปล่อยออกมาในตอนนี้ และ Lumia 830 ยังมาพร้อมกับแอพ Nokia Camera เวอร์ชั่นที่มีอยู่ใน store ปกติ) ทำให้ตอนนี้ยังมองไม่เห็นความต่างอะไรบน Lumia 830 มากนัก ต้องรอแอพ Lumia Camera เวอร์ชั่นใหม่ปล่อยออกมาน่าจะได้เห็นความต่างที่ชัดเจนขึ้นครับ
[divider]
[box_info]กล้อง มาพร้อมเทคโนโลยี PureView ในราคาที่ถูกที่สุด[/box_info]
ด้วยราคาที่ไม่สูงมาก ทำให้เจ้า Lumia 830 เป็นมือถือที่มาพร้อมเทคโนโลยี PureView ที่เปิดตัวมาราคาต่ำที่สุด แต่สเปคด้านกล้องก็ไม่ได้ต่ำตาม ตรงกันข้ามกลับสูงพอสมควรเมื่อเทียบกับระดับราคานี้
กล้องของ Lumia 830 มาพร้อมชิ้นเลนส์จาก Zeiss ถึง 6 ชิ้น ความละเอียดระดับ 10MP และระบบกันสั่น OIS ที่ช่วยให้การถ่ายวิดีโอไม่สั่นมาก รวมถึงช่วยในการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยด้วย f/2.2 และปรับตั้งค่า ISO ได้สูงสุดที่ 3200 และชัตเตอร์สปีดที่ 4 วินาที
สิ่งที่ผมกังวลสำหรับโมดูลกล้องของ Lumia 830 คือวัสดุครอบเลนส์ที่ทำจากวัสดุที่ไม่แน่ใจว่าเป็นกระจกเคลือบแบบ Lumia 1020 หรือว่าเป็นพลาสติกธรรมดา ซึ่งเรายังไม่รู้ชัดว่ามันทนทานรอยขีดข่วนระดับไหน ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆหากมันเป็นรอยขึ้นมา และด้วยวัสดุที่เป็นรอยนิ้วมือง่ายแบบนี้ครอบอยู่ที่หน้าเลนส์ ทำให้เราอาจต้องเช็ดเลนส์บ่อยกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อเทียบกับกล้องในรุ่นอื่นๆ
ก็นับว่าเป็นดีไซน์ที่แลกมากับความกังวลก็แล้วกันนะครับ
[box_info]การถ่ายภาพนิ่ง[/box_info]
บน Lumia 830 นั้นเราจะไม่สามารถเลือกบันทึกภาพแบบ 2 ความละเอียดได้แบบรุ่นใหญ่ แต่จะบันทึกภาพที่ความละเอียด 8.2MP สำหรับภาพอัตราส่วน 16:9 และความละเอียด 9.3 MP ที่อัตราส่วน 4:3 และมีขนาดไฟล์รูปละราวๆ 2-2.5 MB
คุณภาพของภาพอาจจะไม่ได้ตื่นใจนักหากเทียบกับ Lumia 1020 หรือ 930 แต่ด้วยเฟิร์มแวร์ Lumia Denim หรืออะไรก็ไม่ทราบ ทำให้ส่วนตัวผมคิดว่าภาพถ่ายที่ได้จาก Lumia 830 และ 930 นั้นออกมาใกล้เคียงกันมาก และสำหรับภาพในสภาวะแสงน้อยบางภาพ Lumia 830 จะทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำไป
ลองมาดูตัวอย่างภาพถ่ายจาก Lumia 830 กันครับ (คุณ Lo-Axiom เองก็เคยลงภาพถ่ายสวยๆของเจ้ารุ่นนี้ไปแล้ว ดูเพิ่มเติมได้จากที่นี่ครับ)
ภาพทั้งหมดถูกลดความละเอียดลงนะครับ แต่ทุกท่านสามารถดูภาพต้นฉบับได้จากที่นี่ครับ
*** อย่างไรก็ดี ภาพถ่ายที่ได้จาก Lumia 830 นี้น่าจะยังเรียกว่าได้เต็มความสามารถกล้องเท่าไหร่ เพราะ Microsoft เองยังไม่ปล่อยแอพ Lumia Camera เวอร์ชั่นใหม่ที่จะทำงานร่วมกับเฟิร์มแวร์ Lumia Denim ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งนั่นทำให้การทดสอบกล้องของ Lumia 830 เองยังต้องมีการทดสอบอีกครั้งหลังจากที่ Microsoft ปล่อยเฟิร์มแวร์ตัวใหม่ออกมาอีกครั้ง เพราะตอนนี้เท่าที่เห็นปัญหา White balance เพี้ยนเองก็ยังมีอยู่ แต่อาจจะไม่มากเหมือนเมื่อก่อนและจะพบตอนที่มีสภาวะแสงหลาๆหลายในภาพ ซึ่งตรงนี้ผมสอบถามไปทาง Microsoft แล้ว ก็ได้ความว่าน่าจะได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมในการอัพเดทต่อๆไป
ภาพในสภาวะแสงปกติ
ภาพในสภาวะในร่มและแสงน้อย
ภาพในสภาวะแสงน้อยมาก
นอกจากนี้ Nokia Lumia 830 ยังรองรับลูกเล่น Living image หรือการบันทึกวิดีโอก่อนถ่ายภาพซึ่งเป็นลูกเล่นที่ผมประทับใจตั้งแต่บน Lumia 930 แล้ว และ Microsoft ก็นำลูกเล่นนี้มาใส่ใน Lumia 830 ด้วย ซึ่งเมื่อรวมกับแอพ Lumia Story Teller แล้ว เราก็สามารถสร้างวิดีโอน่ารักๆที่นำภาพของเรามาร้อยต่อกันเป็นเรื่องราวได้ แบบนี้นั่นเอง
กล้องหน้า
ด้วยความละเอียดระดับ 0.9 MP คงไม่มีอะไรให้พูดถึงมากนัก คุณภาพเหมาะสำหรับการใช้ video call และถ่ายแบบขำๆเท่านั้นครับ
วิดีโอ
สำหรับการถ่ายวิดีโอ ด้วยสเปคที่จัดเต็มทั้งระบบกันสั่น OIS และไมโครโฟนแบบ HAAC ถึง 3 ตัวช่วยให้การบันทึกเสียงถ่ายวิดีโอด้วยเทคโนโลยี Rich capture รวมถึงสามารถบันทีกเสียงวิดีโอแบบ Dolby Digital Plus 5.1 ได้แบบเดียวกับ Lumia 930 ด้วย นั่นทำให้การถ่ายวิดีโอบน Lumia 830 ทำออกมาได้ดีไม่แพ้รุ่นเรือธงเลยทีเดียว
ระบบ continuous focus ที่เพิ่มมาใน Windows phone 8.1 ก็ทำหน้าที่ได้ดีครับ ปรับโฟกัสได้เร็วพอสมควรสำหรับการถ่ายวิดีโอ
ลองมาดูตัวอย่างกันครับ
อัพเดทเพิ่มวิดีโอในสภาวะแสงน้อยและฟังก์ชั่นการบันทึกเสียงแบบ Rich audio recording ของ Lumia 830 ครับ เสียงรบกวนอาจจะเยอะหน่อยแต่ว่าก็ใช้งานได้ดีครับ (แนะนำให้ใช้หูฟังต่อในการฟัง และเปิดดูที่ความละะเอียดได้สูงสุดที่ 1080p ครับ)
[divider]
[box_info]ความบันเทิง การเล่นเกมส์และดูหนังฟังเพลง[/box_info]
ในด้านความบันเทิงนั้น Lumia 830 ก็ตอบสนองได้ในระดับที่น่าพอใจ ในเรื่องของการเล่นเกมส์เอง ด้วยสเปคที่ถึงแม้จะไม่สูงมากแต่ด้วยแรม 1GB ที่ให้มาทำให้เล่นเกมส์ได้ทุกเกมส์ที่มีอยู่ใน windows phone store ตอนนี้
เกมส์กราฟิคหนักๆ อย่าง Asphalt 8 Airborne เองก็ทำออกมาได้ดี อาจจะมีเฟรมเรตร่วงบ้างตอนที่มีกราฟิกเยอะๆ รวมถึงเกมส์อย่าง Spider-Man Unlimited เองก็เล่นได้ลื่นไหล ไม่สะดุดครับ
เรียกว่าอาจจะไม่สมบูรณ์แบบเท่าเรือธง แต่เล่นได้ในระดับที่น่าพอใจเลย และด้วยหน้าจอที่สวยอยู่แล้ว ภาพที่ได้จากเกมส์ถึงแม้จะสีไม่สดนัก แต่ก็สวยในแบบของมันเอง (แต่อย่าเข้าใจผิดว่าหน้าจอซีดนะครับ สดตามแบบหน้าจอ LCD คุณภาพดีทั่วไปเท่านั้นเอง)
การดูหนัง
ด้วยหน้าจอที่สวย ถึงแม้จะไม่ระดับ Full-HD แต่ด้วยหน้าจอ 5 นิ้ว 720p 296ppi ก็ตอบสนองความต้องการได้ในระดับที่น่าพอใจ จะดูคลิปแบบ Full-HD ก็ได้ แต่การแสดงผลจะออกมาแค่ 720p เท่านั้น
จะว่าแค่ได้มั้ย? เพราะด้วยขนาดหน้าจอ 5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD 720p เองก็ถือว่าละเอียดพอตัวแล้วครับ
สิ่งที่เด่นอีกอย่างหนึ่งของ Lumia 830 ด้วยความที่ลำโพงเองอยู่ในตำแหน่งที่เป็นส่วนโค้งของฝาหลังพอดี ทำให้เสียงที่ได้ตอนที่เราวางเครื่องแนบไปกับพื้น ความดังไม่ลดลงมาก ซึ่งเป็นข้อดีที่มีมาตั้งแต่บน Lumia 1520 แล้ว
แต่ในแง่มิติเสียงยังคงเรียบแบนเหมือนเดิมซึ่งยังเป็นแอเรียที่ Microsoft ยังสามารถพัฒนาเพิ่มขึ้นได้เช่นกันสำหรับข้อนี้ แต่มีจุดเด่นคือเสียงลำโพงดังเอามากๆเลยครับ
การฟังเพลง
Lumia 830 มาพร้อมกับระบบ Dolby Virtual Surround Sound แบบเดียวกับ Lumia 930 ที่ให้ประสบการณ์ฟังเพลงที่ดีหากใช้คู่กับหูฟังดีๆซักตัว ซึ่งผู้ชื่นชอบการฟังเพลง (เช่นผม) น่าจะถูกใจครับ (อย่าลืมเปิดฟังก์ชั่นนี้กันนะครับ)
นอกจากนี้ก็ยังมีบริการ Mix Radio ของ Microsoft ที่หลายๆคนชื่นชอบติดมาด้วยเช่นกัน
การท่องเว็บ และการอ่านเอกสาร
ไม่มีอะไรให้ต้องติ ด้วยคุณภาพหน้าจอที่เหลือเฟือสำหรับการท่องเว็บแบบนี้ครับ การอ่านเว็บไซต์ทำได้อย่างไม่มีปัญหาตัวอักษรคมชัดตามที่ควรเป็น รวมถึงการอ่านเอกสาร Microsoft Office ที่เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของระบบ Windows phone ก็ทำได้อย่างไม่ติดขัด
แต่ก็เช่นเคย Microsoft Office บน Windows phone ยังทำหน้าที่ได้ดีในมุมมองการอ่านเอกสารและแก้ไขเล็กน้อย แต่ไม่ได้สามารถทำงานแทนโปรแกรม Microsoft Office บนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างแน่นอนครับ
ระบบแผนที่นำทาง
เป็นอะไรที่เจ็บปวดที่ต้องเขียนถึง (ว่าไปนั่น) เพราะความเป็น exclusive ของระบบ HERE Maps บน Windows phone ก็หายไปแล้ว (หากเพื่อนๆได้ตามข่าวกัน) แต่ก็ยังถือว่าระบบ HERE Maps บน Lumia 830 ก็ยังทำงานได้ดีไม่มีปัญหา การจับสัญญาณ GPS เร็วและแอพ HERE Maps รวมถึงแอพอื่นๆในตระกูล HERE ก็ทำงานได้รวดเร็วดี
[box_info]การใช้งานในฐานะโทรศัพท์[/box_info]
Nokia Lumia 830 เองเป็นรุ่นที่รองรับการใช้งานการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE CAT A ซึ่งรองรับแทบจะทุกเครือข่ายในบ้านเราตอนนี้ นั่นทำให้มันสามารถรองรับการใช้งานได้ยาวๆสำหรับคนที่จะรอใช้อินเตอร์เน็ตแบบ 4G ในบ้านเรา
ส่วนเรื่องการใช้งานเป็นโทรศัพท์ทั่วไป คุณภาพเสียงสนทนายังคงดีตามมาตรฐาน Microsoft / Nokia เสียงชัดเจนและไม่มีปัญหาครับ (ขึ้นกับสัญญาณโทรศัพท์ด้วยนะครับ)
การเชื่อมต่อ WiFi เท่าที่ผมทดสอบมา ไม่มีปัญหาการเชื่อมต่อยากแบบที่หลายคนเจอตอนอัพเดทเป็น Windows phone 8.1 ซึ่งน่าจะเพราะเป็นเฟิร์มแวร์ใหม่อย่าง Lumia Denim นั่นเอง
[box_info]แบตเตอร์รี่ น่าประทับใจเมื่อเทียบกับ Nokia Lumia ด้วยกัน[/box_info]
ที่บอกแบบนี้เพราะว่า ต้องออกตัวก่อนเลยคือผมเป็นคนที่ใช้งานมือถือระบบ Windows phone เป็นเครื่องหลักในชีวิตประจำวันมาตลอด 2-3 ปีนี้ ส่วนมือถือระบบอื่นๆเป็นมือถือสำรองเวลาต้องการเล่นอะไรบางอย่างที่ไม่มีบนระบบนี้เท่านั้น เพราะฉะนั้นประสบการณ์ใช้งานด้านแบตเตอร์รี่แบบใช้ทั้งวัน อาจจะเอาไปวัดกับระบบอื่นๆไม่ได้นะครับ
ทั้งนี้ การใช้งานของผม ก็เหมือนกับตอนที่ใช้งานมือถือทุกรุ่น (เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน) จากที่ผมได้ใช้งานและตั้งค่าเครื่องแบบเดียวกับที่เคยตั้งตอนใช้งานกับ Nokia Lumia ที่ผมทดสอบทุกรุ่น คือ
- ปิด NFC, Bluetooth, Super Sensitive Touch งานเบื้องหลังที่ไม่จำเป็นทั้งหมด
- เปิดงานเบื้องหลังเหล่านี้เอาไว้ Facebook beta, Line, Email อีก 3 ฉบับ, Internet Explorer, Store, Battery Saver, Whatsapp, Music,OneDrive,
- เปิด 3G, WiFi GPS ไว้ตลอดเวลา
- ตั้งค่าความสว่างเป็น Auto,
- เปิดคุณสมบัติการปรับภาพหน้าจอให้คมชัดกลางแจ้ง (Sunlight readability) ไว้ด้วยเพื่อทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอ
การใช้งานเน้นที่การโทรศัพท์ อ่านข่าวบนรถไฟฟ้ารวมถึงดูแล Fan page นอกจากนี้ก็เล่น Social network อย่าง Line, Facebook รวมถึง Twitter และ Instagram เป็นปกติ อาจจะไม่หนักเท่าคนที่เล่นเยอะๆ แต่ก็ไม่น้อย
ผลการทดสอบก็ออกมาตามนี้ครับ
จากการใช้งานเป็นเครื่องหลัก 3 วันเต็มๆ ต้องบอกว่าแบตเตอร์รี่ของ Lumia 830 ที่มาพร้อมขนาด 2,200 mAh นั้นน่าพอใจ สามารถอยู่ได้จากเช้าถึงเย็นๆค่ำๆ คือราว 9-12 ชั่วโมงสำหรับการใช้งานของผม ที่ยังให้ช่วงการใช้งานกว้างอยู่ เพราะว่ายังทดสอบไม่นานมาก และจะมาอัพเดทข้อมูลเพิ่มเติมให้อีกครั้งเมื่อใช้งานไปซักพักครับ
ที่น่าสนใจคือ อัตราการใช้งานแบตเตอร์รี่ของ Lumia 830 ในโหมด Stand by ที่ส่วนตัวผมมองว่า Lumia 830 ทำออกมาได้ดี คือถ้าเราไม่ใด้เปิดหน้าจอมันขึ้นมาเลย (แต่มีเมลเข้า ไลน์เข้า หรือการแจ้งเตือนต่างๆเข้ามาตามปกติ) อัตราการใช้งานแบตเตอร์รี่จะอยู่ที่ช่วง 2-3% ต่อ 1 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นตอนกลางคืนที่ไม่มีคนทักไลน์มาเลย และเมลไม่ค่อยเข้ารวมถึง Social network ต่างไม่เตือนอุตลุต ผมสังเกตได้ว่า Lumia 830 จะมีอัตราการใช้พลังงานที่ราว 1-2% ต่อชั่วโมงเท่านั้น
ถือว่าน่าประทับใจพอสมควรเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Lumia 930 และด้วยความที่แบตเตอร์รี่สามารถถอดเปลี่ยนได้….การซื้อแบตเตอร์รี่อีกก้อนแทนการใช้ power bank ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจครับ
[divider]
[box_info]ปัญหาความร้อน: สบายใจได้ ไม่มีให้กวนใจ[/box_info]
ส่วนปัญหาความร้อนที่หลายๆคนกังวลว่าจะมีแบบตอน Lumia 930 ที่ใช้งานวัสดุแบบเดียวกันหรือไม่? ต้องตอบว่าจากที่ใช้งานมาส่วนที่ร้อนที่สุดจะเป็นหน้าจอ ซึ่งเมื่อเรากำลังเล่นเกมส์หรือ social network ต่างๆอย่างเมามัน และมีคนโทรเข้ามาในจังหวะนั้น….หน้าเราที่สัมผัสกับจอจะได้รับความอบอุ่นจากปลายสายได้ดีทีเดียว
แต่ต้องบอกว่าแค่อุ่นนะครับไม่ร้อนจนทนไม่ได้ และไม่ร้อนต่อเนื่องถึงแม้จะโทรศัพท์นาน เพราะความร้อนมันเกิดขึ้นจากตอนที่เราใช้งานหน้าจอต่อเนื่องเป็นเวลานานเท่านั้น
ส่วนอื่นๆของเครื่องอย่างขอบอลูมิเนียมและฝาหลัง จากการใช้งานในรูปแบบที่ผมว่ามาต้องบอกว่ายังไม่เจอปัญหาความร้อนครับ และการทดสอบเล่นเกมส์ 10 นาที ก็ไม่ทำให้เครื่องร้อนอย่างรู้สึกได้มากเท่ากับบน Lumia 930
เรียกว่าสบายใจกันได้ครับ เพราะส่วนหนึ่งน่าจะเป็นด้วยชิปเซ็ทที่ไม่ได้แรงเท่ากับ Lumia 930 นั่นเอง
[divider]
[box_info]ข้อด้อย[/box_info]
ข้อด้อยใหญ่ๆของ Lumia 830 ก็คือชิปเซ็ทที่อาจจะน้อยไปซักหน่อย กับระดับราคา เพราะด้วยชิปเซ็ทตัวเดียวกับทีอยู่ใน Nokia Lumia 630 ที่ราคาต่างกันเกือบหมื่น ทำให้อาจจะทำใจยากซักหน่อยถ้าวัดกันที่ตรงจุดนี้
แต่ Microsoft เองก็พยายามกลบจุดด้อยนี้ด้วยฟังก์ชั่นต่างๆที่ให้มาเต็มที่
แต่จุด้อยที่มีอยู่บน Nokia Lumia และ Windows phone คือเรื่องของระบบ ecosystem ด้านแอพพลิเคขั่นที่แน่นอนว่าตามหลังระบบอื่นๆอยู่อีกเยอะ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่จุดด้อยของตัวเครื่องแต่ก็จำเป็นที่จะต้องพูดถึง ด้วยระดับราคาที่เทียบเท่ากับมือถือระดับกลางแบรนด์อื่นๆ สเปคอาจจะไม่หนีกันมาก แต่ด้วยระบบนิวเวศน์ของแอพพลิเคชั่นที่ต่างกันมากพอสมคววร ทำให้ถ้าสำหรับคนที่ต้องการใช้แอพเหมือนระบบอื่นๆอาจต้องคิดหนักกันหน่อย
ในแง่ของตัวระบบปฏิบัติการ Windows phone 8.1 เอง ถึงจะได้รับการพัฒนาไปเยอะพอสมควรแต่ก็ยังมีฟังก์ชั่นที่ต้องการการปรับปรุงอีกหลายอย่าง ถึงแม้จะไม่มากเท่าด้านระบบนิเวศน์ แต่ก็ยังมีช่องว่างให้ปรับปรุง
ซึ่งตรงนี้ก็เช่นเคยครับ เป็นการบ้านของ Microsoft ที่ต้องทำงานกันต่อไปครับ
ปล. หวังว่า Microsoft จะปรับปรุงเรื่องนี้ได้ในเร็ววัน เพราะการที่ต้องเขียนเรื่องนี้ทุกๆรีวิว…มันเมื่อยนะครับ
อยากเขียนแบบว่า ระบบนิเวศน์ของ Windows phone เอง ไม่มีอะไรต้องพูดถึง เทียบเท่ากับระบบปฏิบัติการอื่นๆแล้ว บรรทัดเดียวจบ แบบนี้บ้าง
[divider]
[box_info]สรุปท้าย Lumia 830 จัดเต็มฟังก์ชั่นระดับเรือธง ในราคาที่ไม่สูงนัก[/box_info]
น่าจะเป็นคำนิยามที่ Microsoft ตั้งใจจะสื่อ เพราะด้วยสเปคในหน้ากระดาษล้วนๆ อาจจะไม่สามารถพูดได้ว่า Lumia 830 เป็นเรือธงได้อย่างเต็มปาก
แต่ด้วยฟังก์ชั่นที่ Microsoft ใส่เข้ามาใน Lumia 830 แบบจัดเต็ม ทั้งหน้าจอ Clear Black ที่สวยงามตามเคย, Gorilla Glass 3, วัสดุที่หรูหราแบบเดียวกับ Lumia 930 ฟังก์ชั่นต่างๆที่ครบทั้งรองรับ NFC รวมถึง การชาร์จไร้สาย เทคโนโลยี Miracast ระบบเสียง Dolby virtual surround sound รวมถึงกล้องที่ความละเอียดอาจไม่สูงเท่าเรือธงอื่นๆ แต่ระดับ 10MP และมาพร้อมเทคโนโลยี PureView รวมถึงระบบกันสั่น OIS และไมโครโฟนแบบ HAAC ถึง 3 ตัวช่วยให้การบันทึกเสียงถ่ายวิดีโอด้วยเทคโนโลยี Rich capture รวมถึงสามารถบันทีกเสียงวิดีโอแบบ Dolby Digital Plus 5.1 ได้แบบเดียวกับ Lumia 930 ด้วย
เท่านี้ก็บอกได้แค่ว่า Lumia 830 มาพร้อมเทคโนโลยี และฟังก์ชั่นระดับเรือธงของ Microsoft ในราคาที่ไม่สูงมากแล้วครับ (ขาดก็แต่ชิปเซ็ทที่ด้อยกว่าพอสมควรเท่านั้นในแง่สเปค ถ้าราคานี้แต่มาพร้อมกับชิปเซ็ท Snapdragon 600 นี่ Microsoft น่าจะได้ใจแฟนๆไปมากกว่านี้อีกโข)
แต่เท่านี้ก็ถือว่าอัดเทคโนโลยีมาแน่นปึ๊ก
แต่ข้อด้อยของ Lumia 830 ก็อย่างที่บอกไป ด้วยราคานี้กหากเทียบสเปคกับมือถือระบบปฏิบัติการอื่นๆอย่าง Android เอง Lumia 830 ก็มีคู่แข่งที่น่ากลัวอยู่พอสมควร ซึ่งจุดเด่นด้านกล้องและงานประกอบเพียงอย่างเดียว อาจจะไม่ช่วยให้ Lumia 830 ชนะใจผู้ใช้ทั่วไปที่เน้นสเปคที่คุ้มเงินได้
รวมถึงระบบ ecosystem ของแอพที่น้อย เมื่อเทียบกับระบบอื่นๆ การที่คนทั่วไปจะเลือก Nokia Lumia 830 เป็นมือถือเครื่องหลักซักเครื่องอาจจะเป็นเรื่องยากอยู่ซักหน่อย
Microsoft ทำการบ้านมาได้ดีขึ้นในแง่ของสเปคและราคาแต่ยังอาจจะดีไม่พอ Snapdragon 400 อาจจะพอดีแล้วสำหรับการใช้งานระบบ Windows phone แต่ไม่ดีพอสำหรับเรื่องความรู้สึกของคนจ่ายเงินหลายๆคน ถ้าขยับมาใช้ชิปเซ็ทที่ดีขึ้นกว่านี้น่าจะได้ใจคนทั่วไปอีกเยอะ หรือหากยืนยันจะใช้สเปคนี้ ราคาที่ถูกกว่านี้อีก 1-2 พันบาทจะช่วยให้การตัดสินใจของผู้ใช้งานง่ายขึ้นกว่านี้อีกเยอะ
รวมถึงจุดเด่นของระบบปฏิบัติการและตัวเครื่องที่ Microsoft อาจจะต้องมองหาจุดเด่นที่มากกว่าที่เป็นอยู่อย่างการชูแค่เรื่องกล้อง รวมถึงการเพิ่ม ลดสเปคสำหรับมือถือที่จะออกใหม่ๆอย่างเดียวที่อาจจะไม่เพียงพอแล้วสำหรับการแข่งขันในตอนนี้ จุดเด่นอื่นๆที่จะเรียกความสนใจของผู้ใช้งานให้หันมามองได้มากกว่าแค่เรื่องกล้อง เป็นอะไรที่ Microsoft ควรจะเริ่มทำแล้วสำหรับมือถือเรือธงตัวต่อไป
แต่สำหรับคนที่ใช้งานระบบ Windows phone อยู่แล้ว การขยับมาที่ Nokia Lumia 830 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และจะไม่ทำให้คุณผิดหวังครับ
[gradeB]