สำหรับ Samsung Galaxy S5 แบรนด์ที่เรียกได้ว่าเป็นเจ้าตลาดทางฝั่ง Android กลับมาคราวนี้กับโทรศัพท์มือถือเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด Samsung Galaxy S5 ซึ่งถ้าพูดถึงตระกูล Galaxy S ก็ต้องยอมรับครับว่ามันไม่ใช่รุ่นที่ทุกคนจะรอคอยที่สุดของ Samsung อีกแล้วถึงทาง Samsung จะตอกย้ำมาตลอดว่าตระกูล Galaxy S5 คือที่สุดของแบรนด์ แต่เอาเข้าจริงๆตระกูล Galaxy Note กลับเป้นรุ่นเรือะงที่ทุกคนให้การยอมรับว่ามันคือขีดสุดของ Samsung ตัวจริงต่างหาก ซึ่งสำหรับ Samsung Galaxy S5 นอกจากจะแข่งกับมือถือเรือธงของแบรนด์อื่นๆแล้ว ยังต้องแข่งกับพี่น้องร่วมค่ายกันเองอีกด้วยครับ โดยเฉพาะราคาเปิดตัวที่ค่อนข้างสูงกว่าตระกูล Galaxy S ในอดีตนั่นคือเปิดตัวมาด้วยราคา 23800 บาทซึ่งมันไปใกล้เคียงกับ Samsung Galaxy Note 3 LTE ที่เปิดตัวในไทยก่อนหน้านี้ไม่นานที่ราคา 24900 บาทมากๆเลยละครับ สำหรับปีนี้ Samsung ไม่เน้นเรื่องสเปคครับแต่มาพร้อมการใช้งานในชีวิตประจำวันทั้ง Fingerprint sensor, IP67 certified ทนต่อฝุ่นละอองและน้ำ และเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ รวมทั้งกล้องที่มีคุณภาพและลูกเล่นดีที่สุดที่ Samsung เคยทำมา^^
ไปอ่านรีวิว Samsung Galaxy S5 โดยทีม AppDisqus ตอนจบได้ที่นี่เลยครับ ผมปั่นให้อ่านกันเรียบร้อย พร้อมคลิปวีดีโอรีวิวแบบจัดเต็ม ลงน้ำจริงอะไรจริง อิอิ
รีวิว Samsung Galaxy S5 โดยทีม AppDisqus ตอนจบ
สำหรับสปคของ Samsung Galaxy S5 ที่วางจำหน่ายในบ้านเราก็ชื่นใจได้เลยครับเพราะมาพร้อม Snapdragon 801 รองรับ 4G LTE ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้บ้านเราเรียกร้องมาตลอดว่าต้องการชิบของ Qualcomm ไม่อยากโดนปฏิบัติแบบ 2 มาตราฐานซึ่ง Samsung ประเทศไทยก็จัดให้ตามนั้นเลย^^เรามาดูสเปคของ Samsung Galaxy S5 กันครับ
สเปคของ Samsung Galaxy S5
3G HSDPA 850 / 900 / 1900 / 2100
4G LTE
ขนาดตัวเครื่อง 142 x 72.5 x 8.1 มม. น้ำหนัก 145 กรัม
Fingerprint sensor (PayPal certified)
IP67 certified ทนต่อฝุ่นละอองและน้ำ
สามารถจมลงในน้ำระดับ 1 เมตรได้นาน 30 นาที
Heart Rate ในตัว (อยู่ด้านหลังข้างๆไฟแฟลช LED)
หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 5.1 นิ้วความละเอียด Full HD 1080P (432ppi) กระจก Gorilla Glass 3
Android 4.4.2 KitKat
ชิบเซ็ต Qualcomm MSM8974AC Snapdragon 801
CPU Quad-core 2.5 GHz Krait 400
GPU Adreno 330
RAM 2GB
หน่วยความจำภายใน 16GB (เหลือให้ใช้ประมาณ 11GB) และสามารถเพิ่มได้สูงสุด 128GB
Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, DLNA, Wi-Fi Direct, Wi-Fi hotspot
Bluetooth 4.0 with A2DP, EDR, LE, NFC, Infrared port, microUSB v3.0 (MHL 2), USB On-the-go, USB Host
GPS รองรับ GLONASS
กล้องความละเอียด 16MP, 1/2.6” sensor size, Dual Shot, Simultaneous HD video and image recording, geo-tagging, touch focus, face and smile detection, image stabilization, HDR
บันทึกวีดีโอความละเอียด 4K 2160P 30fps, Full HD 1080P 60fps, HDR, video stabilization, dual-video rec.
กล้องหน้าความละเอียด 2MP, บันทึกวีดีโอ 1080P 60fps, dual video call
แบตเตอรี่ความจุ 2800 mAh
มีให้เลือก 4 สีได้แก่สีดำ, ขาว, ฟ้า และสีทอง
วางจำหน่ายวันที่ 11 เมษายน 2014
ราคาเปิดตัว 23800 บาท
สำหรับ Design ของเจ้า Samsung Galaxy S5 ก็อย่างที่ผมเคยบอกในบทความที่ผมเขียนขึ้นเนื่องจากไปร่วมงานเปิดตัวในไทย คือมันเหมือนเอา Samsung Galaxy Note 3 มาดัดแปลงครับ โดยออกแบบฝาหลังให้ดู Modern มากขึ้นเป็นพลาสติคลายเลียนแบบหนังที่มีลวดลายดูแฟชั่น และเลือกใช้โทนสีกึ่งเงาๆแบบ Metallic ซึ่งพอได้จับตัวจริงผมว่ามันสวยกว่าที่เห็นในคลิปงานเปิดตัวเยอะเลยครับ สำหรับคราวนี้ผมได้ยิมมาเป็นสีดำ ด้านหน้าเป็นกระจกสีออกโทนสีชาเรียบๆไม่มีลวดลาย และสังเกตุขอบตัวเครื่องจะมีรอยสูญญากาศซึ่งก็เพราะ Samsung Galaxy S5 รุ่นนี้กันน้ำครับ แต่ก้ทำให้ขอบจอบางมากไม่ได้ แต่รวมๆก็ยังดูบางใช้ได้อยู่ดีครับ
หน้าจอมีขนาด 5.1 นิ้วความละเอียด Full HD 1080P (432ppi) เป็นหน้าจอแบบ Super AMOLED ซึ่งสีสดมากๆ และดูคมกริบเลยครับ ถึงจะไม่ได้มาพร้อมหน้าจอความละเอียดระดับ 2K อย่างที่หลายๆคนหวัง แต่แน่นอนครับว่าหน้าจอมันสวยมากๆ (แต่ส่วนตัวผมก้ยังหวังหน้าจอ 2K นะไม่งั้นก็ไม่ค่อยรู้สึกว่าซื้อรุ่นใหม่ที่แตกต่างจากเรือธงปลายปีที่แล้วเท่าไหร่เลยอ่ะครับ)
ด้านบนลำโพงสนทนาก็มีซีนด้วยยางครับกันน้ำๆ ซึ่งเสียงสนทนาดังชัดเจนดีครับไม่มีปัญหาถัดมาก็เป็นเซนเซอร์ และกล้องหน้าความละเอียด 2MP, บันทึกวีดีโอ 1080P 60fps ซึ่งขอชมครับกล้องของ Samsung Galaxy S5 มีมุมมองที่กว้างมากๆ เหมาะแก่การถ่ายรูปหมู่ (แบบในภาพ Selfie สุดดังของ Ellen Degeneres และผองเพื่อนในงาน Oscars ที่ผ่านมาซึ่งถ่ายโดย Samsung Galaxy S5 นี่แหละ) พอได้ลองจริงๆรู้สึกเลยครับว่าเป็นกล้องหน้าที่มีมุมมองกว้างมากๆจริงๆ
ด้านล่างจะปรับกอบด้วยปุ่มสัมผัส Recent App และ Back ส่วนตรงกลางจะเป็นปุ่ม Home แบบ Hard Button และเป็น Fingerprint sensor อีกด้วย (ได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก PayPal ให้มีระดับการรักษาความปลอดภัยสูงกว่า iPhone 5s)
ที่ผมชอบมากๆเลยก็คือ UI ตัวใหม่ของ Samsung ครับสวยมากๆเลย คล้ายๆเดิมแต่พัฒนาให้น่าใช้มากยิ่งขึ้น ส่วนตัวผมใช้แล้วติดใจ UI ตัวนี้มากครับ ผมว่าใครได้ลองก็น่าจะชอบแหงมๆสวยจริงๆ เปลี่ยนไปถึงการตั้งค่าเลยละครับ แต่ก็ใช้ไม่ยากนะฮะเข้าใจง่ายสำหรับมือใหม่ยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก^^ ใว้จะแนะนำอีกทีในรีวิวตอนจบครับ
ขั้นตอนการแสกนนิ้วมือให้เราลากนิ้วผ่าน Fingerprint sensor หลายๆมุมครับมันจะได้จดจำได้ทั่วทั้งนิ้ว และเราสามารถตั้งลายนิ้วมือได้สูงสุด 3 นิ้วนะครับ
พอตั้งค่าลายนิ้วมือเรียบร้อยก็ไปที่การตั้งค่าล็อคหน้าจอ จะมีคำสั่งลายนิ้วมือขึ้นมาให้เราเลือกใช้
เป็นอันเรียบร้อยครับ ซึ่งถ้าเราแสกนรอยนิ้วมือไม่ผ่านก็สามารถใช้รหัสผ่านที่เราตั้งใว้สำรองได้เลยครับ สำหรับความแม่นยำเมื่อเทียบกับ iPhone 5s แล้วผมว่า iPhone 5s สะดวกกว่าเพราะแค่แตะ และเมื่อเทียบกับ HTC One Max ที่ใช้วิธีปาดนิ้วเหมือนๆกันจะพบว่า Samsung Galaxy S5 แม่นยำกว่าครับ ผมแสกนพลาดน้อยกว่าเยอะเลย^__^
ด้านหลัง Modern ที่ว่าครับ อิอิ ดูในรูปอาจจะไม่ค่อยชอบกันแต่จริงๆมันสวยนะ และด้านๆครับไม่เหนียวๆติดฝุ่นง่ายแบบใน Samsung Galaxy Note 3 และเป็นรอยขีดข่วนยากมากๆเลย แต่เครื่องทดสอบที่มาถึงผมมีรอยแหะ กระจกก็มีรอย….คนที่เอาเครื่องไปทดสอบก่อนผมนี่ไม่ถนอมเครื่องเลยนะเนี่ย^^
ลายที่ด้านหลังมีหลายคนถามผมว่าฝุ่นจะเข้าไปอุดตันหรือเปล่า มันไม่อุดตันหรอกครับมันแค่เป็นลายตื้นๆเฉยๆเอง และผิวมันจะด้านๆเงาๆเป้นรอยยากและทำความสะอาดได้ง่าย ด้านบนเป็นกล้องความละเอียด 16MP ถัดลงมาเป็นไฟแฟลช LED และจุดเด่นของ Samsung Galaxy S5 อีกหนึ่งจุดนั่นก็คือ Heart Rate ครับซึ่งผมลองแล้วแม่นยำแหะ ตอนสบายๆกับตอนเหนื่อยๆวัดออกมาให้ค่าต่างกันเลยครับ วิธีก็ง่ายๆดังต่อไปนี้^^
เปิดโปรแกรม S Health ขึ้นมาครับมันจะมีในส่วนวัดอัตราการเต้นของหัวใจ เราก็เปิดใช้งานเลยครับ
จากนั้นก็เอานิ้วไปแตะที่ Heart Rate จะมีไฟสีแดงขึ้นมา แตะใว้ซักพักอย่าขยับครับให้นื่งๆเข้าใว้ครู่เดียวก็วัดเสร็จครับ
อันนี้คือค่าที่ผมวัดได้หลังจากวิ่งมาประมาณ 20 นาทีครับ (กำลังเหนื่อยเลย เหอ เหอ ลงทุนวิ่งเพื่อแฟนๆ AppDisqus วิ้วๆ) พอวัดตอนสบายๆจะอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 67 bpm ครับ
ด้านข้างของ Samsung Galaxy S5 จะเรียกว่าหมูน้อย 3 ชั้นก็ได้นะเนี่ย เพราะมันจะเป็นปล้องอ้วนๆ 3 ชั้นครับซึ่งผมว่าสวยดีนะ ขอบตัวเครื่องยังเหมือนเดิมครับเป็นพลาสติคชุบโครเมี่ยม ด้านบนประกอบด้วยช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. และไมค์ตัดเสียงรบกวนและ Infrared port สำหรับใช้งาน Samsung Galaxy S5 แทนรีโมทเครื่องใช้ไฟฟ้าได้
ด้านล่างเนื่องจากกันน้ำและฝุ่นละอองจึงมีที่ปิด microUSB v3.0 (MHL 2) เรียบร้อยเท่าลองแกะๆดูแล้วทนทานดีครับ ไม่น่าจะชำรุดง่ายๆเวลาลงน้ำต้องระวังเลยนะครับถ้าปิดไม่แน่น น้ำเข้าแน่นอน
ด้านซ้ายเป็นปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านขวาเป็นปุ่ม Power และไม่สามารถใช้ถ่ายภาพใต้น้ำได้นะครับ เพราะไม่มีปุ่ม Shutter มาให้เหมือนทาง Sony จริงๆพวกกันน้ำผมว่าเอาใว้เผื่อพลาดดีกว่า เพราะถ้าน้ำเข้าขึ้นมาประกันหลุดนะครับ ทุกแบรนด์เลย
ถึงแม้ว่า Samsung Galaxy S5 จะเป็นโทรศัพท์มือถือที่รองรับมาตราฐาน IP67 ทนต่อฝุ่นละอองและน้ำ แต่ก็สามารถแกะฝาหลังเองได้ครับ ซึ่งแกะได้ง่ายๆไม่ต่างจาก Galaxy รุ่นอื่นๆเลยละ
จุดแตกต่างก็คือ Samsung Galaxy S5 ฝาหลังจะมียางซีนกันน้ำอยู่ครับ ซึ่งเวลาใส่ฝาหลังจะมีคำเตือนเด้งขึ้นมาเป็น Pop Up ว่าให้เราใส่ฝาหลังให้เรียบร้อยครับ
เนื่องจากผมได้ยืม Samsung Galaxy S5 มาแค่ 2 วันกว่าๆเองครับ (Samsung บอกว่าลืมส่งอ่ะ ซิก ซิก) ก็เลยยังไม่ได้ลองจับเจ้า Samsung Galaxy S5 ลงน้ำกับมือเลย5555 กะว่าจะเล่นแผลงๆซะหน่อย แต่ในงานเปิดตัวก็พิสูจน์มาเรียบร้อยแล้วครับ น้ำไม่เข้าจริงๆขนาดจุ่มลงไปนานพอสมควรนะเนี่ย ซึ่งตามมาตราฐานคือสามารถจมลงในน้ำระดับ 1 เมตรได้นาน 30 นาทีครับ
และเนื่องจากได้ยืมมาแค่ 2 วันกว่าๆก็เลยขอจบรีวิว Samsung Galaxy S5 ตอนแรกแต่เพียงเท่านี้ก่อนครับ เอาใว้ทาง Samsung ส่งมาให้ทางเรา AppDisqus ยืมเครื่องมาทดสอบอีกครั้งผมจะจัดเต็มรีวิวตอนจบให้แฟนๆ AppDisqus อ่านกันให้สะใจเลยครับ ใว้พบกันใหม่ในตอนจบนะครับ^__^
[gradeA]