MediaTek ได้ประกาศเปิดตัวชิปเซ็ตระดับกลางรุ่นล่าสุด Dimensity 8400 แม้ว่าจะไม่ใช่ชิปเซ็ตเรือธงของบริษัท แต่ MediaTek ก็ได้ทำการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ที่จะมาเขย่าตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางได้เต็มตัว
เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เทรนด์การออกแบบชิปที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจะเป็นการออกแบบที่เรียกว่า big.LITTLE ซึ่งเป็นการรวมคอร์ “ประสิทธิภาพสูง” เข้ากับคอร์ที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าแต่ “ใช้พลังงานน้อย” เป็นสองมาตรฐานที่เข้ามาทำงานร่วมกัน แนวคิดคือตัวคอร์ประสิทธิภาพจะเริ่มทำงานก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นในการใช้งาน ส่วนคอร์ที่ใช้พลังงานน้อยกว่าจะรับหน้าที่ทำงานอื่นๆ ทั้งหมดเพื่อการประหยัดพลังงานและลดความร้อน
แต่ใน MediaTek Dimensity 8400 ตัวใหม่! ท้าทายการออกแบบดั้งเดิมดังกล่าว เพราะได้ละทิ้งคอร์ “ขนาดเล็ก ใช้พลังานน้อย” ไปสู่การออกแบบที่เรียกว่า All-Big-Core แทน ซึ่งหมายความว่าแทนที่จะใช้คอร์แบบผสมผสานแบบดั้งเดิม ในรุ่นนี้ทาง MediaTek จะใช้คอร์ Arm Cortex-A725 ที่เป็นคอร์ใหญ่ทรงพลังใส่เข้ามาทั้ง 8 คอร์แทน ซึ่งเป็นการออกแบบที่ได้รับการตอบรับอย่างมากในรุ่นเรือธง Dimensity 9400 ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้
Dimensity 8400 จะติดตั้งคอร์ประสิทธิภาพสูง Cortex-A725 จำนวน 1 คอร์ที่ความเร็ว 3.25GHz, คอร์ Cortex-A725 อีก 3 คอร์ที่ความเร็ว 3.0GHz และ Cortex-A520 จำนวน 4 คอร์ที่ความเร็ว 2.1GHz จะเห็นว่าไม่มีคอร์ไหนเลยที่จะวิ่งต่ำกว่าความเร็ว 2.0GHz
ตามที่บริษัทระบุ การเปลี่ยนแปลงการออกแบบของ Dimensity 8400 จะส่งผลให้ประสิทธิภาพมัลติคอร์เพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบกับ Dimensity 8300 แต่กลับจะลดการใช้พลังงานลงได้ถึง 44% ด้วยเทคโนโลยีการผลิตล่าสุด
Dimensity 8400 ถูกผลิตมาในมาตรฐานระดับ 4 นาโนเมตร มาพร้อมกับ MediaTek NPU 880 เพื่อช่วยในการทำงานด้าน AI ที่เร็วขึ้นกว่าตัวเดิม 20% และมาพร้อมกับ GPU Arm Mali-G720 MC7 ซึ่งเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่จาก Mali-G615 MC6 และช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพสูงสุดได้ 24% ควบคู่ไปการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 42%
ชิปเซ็ตนี้ยังใช้ ISP Imagiq 1080 ของ MediaTek ที่รองรับเซ็นเซอร์กล้องขนาดสูงสุดที่ 320MP และการบันทึกวิดีโอ HDR ได้ในทุกระยะการซูม ใช้โมเด็ม 5G-Advanced ที่รองรับความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุด 5.17Gbps และรองรับจอแสดงผล WQHD+ ที่มีอัตราการรีเฟรชสูงสุด 144Hz สามารถใช้งานร่วมกับแรม LPDDR5X และหน่วยความจำชนิด UFS 4.0, รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6E, และ Bluetooth 5.4. เรียกได้ว่าเป็นมือถือระดับกลางที่ทรงพลังแทบจะไม่ต่างกับเครื่องเรือธงในปัจจุบัน
ซึ่งทันที่ที่เปิดตัว เชื่อว่า Dimensity 8400 จะกลายเป็นตัวที่แรงมากที่สุดสำหรับชิประดับกลางบนในตลาดช่วงต้นปี 2025 ได้เลยครับ