[Disqus Discuss : เราชวนคุย ]Facebook ทำให้พวกเราได้เจอกัน….
บอกก่อนว่า ตัวผมเองเป็นคนที่ไม่ค่อยได้สนใจในการใช้ Facebook มากนักครับ หน้าฟีดช่างว่างเปล่า ทุกวันนี้มันมีเอาไว้แค่เพียงพูดคุยติดต่องานกับใครแค่บางคนเท่านั้นจริงๆ ประวัติที่เคยกรอกไว้ ก็เพียงตามมารยาทที่ทาง Facebook เคยรณรงค์ให้ใช้งานข้อมูลจริงนั้นเอง ไม่ได่เคยคิดว่ามีประโยชน์ มองเห็นแต่โทษและความเสี่ยง
ประวัติที่กรอกไว้จึงเลี่ยงข้อมูลจริงไปเล็กน้อย และไม่เคยใส่ใจมันมาโดยตลอด
เพื่อนสองร้อยคน ส่วนใหญ่เป็นคนที่ผมไม่รู้จัก Add มา ชื่นใจก็รับ Add ไป ก็หวังไว้สักวันเราอาจจะรู้จักกัน
เรื่องราวต่างๆในวันนี้ที่ผมเจอและพบเห็นจากใน Social แห่งนี้ ในส่วนดีๆ ก็เป็นการแชร์เรื่องราวเพื่อสังคม เชิดชูคนดี ประจานคนชั่ว วีดีโอหรือภาพน่ารักๆที่่จะทำให้ยิ้มได้ทุกครั้งที่พบเห็น และเรื่องที่ดีที่สุด คือข่าวคราวและเรื่องราวจากสิ่งที่ผมสนใจ
ในส่วนร้ายๆ ที่ช่างบังเอิญว่่าผมมักจะพบเห็นได้บ่อยกว่า มันจะเต็มไปด้วยวิวาทะทางการเมือง การเสียดสี เหน็บแหนม ความคิดต่างที่ไร้การยอมรับ เรื่องราวครอบครัวของใครสักคนที่เราไม่อยากรู้ ข่าวลือจากมโนของคนบางคน ซึ่งอยากให้มันเป็นจริง และเริ่มสร้างจากจินตนาการตัวเอง
[quote] “มันช่างไร้ค่า Facebook …..มีไปทำไม” [/quote]
จู่ๆ ความรู้สึกใหม่ก็เริ่มเข้ามาแทนที่ เริ่มต้นจากคำเตือนการร้องขอเป็นเพื่อน ที่มาจากคนคุ้นชื่อ ที่ต้องพิจารณาถึงจะรู้สึกว่าคุ้นหน้า นั้นคือหนึ่งในกลุ่มเพื่อนซี้จากสมัยอดีต ที่ชั่วแวบหนึ่งในชีวิตเกือบเจ็ดปีที่ผ่านมา เกือบลืมไปแล้วว่า เราเคยอยู่ตรงไหนในวัยที่เรายังไม่มีครอบครัว
“หายไปเลยนะ” คำแรกที่ทักทายเข้ามาสั้นๆ แค่นั้นก็ทำให้ความรู้สึกเก่าๆกลับมา และความห่างเหินกับบุคคลคนนั้นมันหายวับไป ซึ่งมันใช้เวลาไม่นานเลยครับ ในการรื้อฟื้นอารมณ์เก่าๆให้กลับมาอีกครั้ง ทันทีที่เราจำมันได้ก็ไม่เกี่ยวแล้วว่า มันจะผ่านมานานแค่ไหน
ต่อจากคำทักทายสั้นๆจากเพื่อนหนึ่งคน ใช้เวลาเพียงสองวัน ในการตามหาอดีต รวมกลุ่ม และนัดพบกัน กลุ่มเพื่อนฝูงใหญ่ที่ห่างกันไปได้กลับมารวมกันอีกครั้ง
“ทั้งหมดนั้นมันง่าย เพราะวันนี้ เรามี Facebook นั้นเอง”
แค่เพียงคนๆนั้น มีความทรงจำร่วมกันกับเรา เรียนที่เดียวกัน เล่นกีฬาด้วยกัน เคยดูหนังเรื่องเดียวกัน หรือจดจำชื่อจริงของกันและกันได้ ในวันนี้ เพื่อนเก่าของเราจะอยู่สักที่หนึ่งบน Social Network อย่างแน่นอนครับ แม้อาจจะไม่ใช่ทุกๆคนที่เราจะหากันเจอ แต่ก็มากพอที่จะเชื่อมโยงกันเป็นกลุ่มก้อน และช่วยกันตามหาส่วนที่เหลือกลับมาได้ไม่ยากเลย
เพื่อนเก่า กับเรื่องราวใหม่ๆ ชีวิตที่เปลี่ยนไป กับพุงและรอยเหี่ยวบนหน้าที่มากขึ้น สมัยที่เราเจอกันทุกวัน ยังมีเรื่องมาคุยกันทุกวัน ในสมัยที่เรากลับมาเจอกัน เรามีเรื่องคุยกันมากกว่าเก่า และ คิดถึงกันมากกว่าเก่า ซึ่งสำหรับผม ไม่ได้คิดเลยว่า ผมจะคิดถึงพวกมันได้มากขนาดนี้ก่อนที่จะกลับมาเจอกันอีกครั้ง
เหมือนเราดูละครที่อดดูตอนช่วงกลางเรื่อง โผล่มาอีกที เพื่อนที่เคยเปิดร้านขายข้าวสารก็กลายเป็นโปรกอลฟ เพื่อนที่เคยไปเฝ้าบ่อนชายแดนก็กลับกลายมาเป็นอาจารย์วิทยาลัย
ทุกวันนี้ Facebook เป็นสิ่งทึ่ผมสนุกขึ้นเป็๋นร้อยเท่า แต่ละวันเข้ามาดูสิ่งที่เพื่อนเราแชร์เพื่อนเราชอบ ส่วนที่น่ารังเกียจบนสังคมที่พบใน Social แบบเดิมๆแม้จะยังอยู่ ก็ดูเป็นแค่เรื่องเล็กๆ
แน่นอน มาถึงตรงนี้ มันทำให้ผมสรุป มันผิดที่ตัวผมเอง ที่ใช้มันและมองมันอย่างไม่เหมาะสมเสมอมา มองหาสิ่งที่เป็นประโยชน์ผิดที่ผิดเวลาและใช้งานไม่เป็น
และผมเชื่อว่า อีกหลายๆคนที่เข้ามาอยู่ในสังคม Network แบบหลงเข้ามาอยู่ในกระแสโดยไม่รู้ตัวแบบผม อาจจะยังงงๆ กับโลกสังคมดิจิตอลยุคปัจจุปัน
วันนี้เลยอยากจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้
จริงๆแล้ว มันไม่มีอะไรต่างออกไป แค่สังคมรูปแบบใหม่ เราอยู่ด้วยกันได้ “ไกล” กว่าเดิมเท่านั้นแหละครับ
ผมอาจจะรู้ประโยชน์มันช้าไป แต่รู้แล้วว่า Facebook ทำไม ถึงต้องการให้ผู้ใช้ใส่ประวัติบุคคลของตัวเราเองจริงๆ