เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. ประเวศ แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 2 คน หนึ่งในกลุ่มโจรกรรมเงินฝากผ่าน “E-Banking” โดยการสวมรอยผู้ใช้และหลอกผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ จนเหยื่อคนล่าสุดสูญเงินไปกว่า 1.8 ล้านบาท ซึ่งวิธิการโดยละเอียด ก็คือ
กลุ่มผู้ต้องหาจะแบ่งหน้าที่กันทำงาน คนแรกจะนำสำเนาบัตรประชาชนของเราที่เขาหามาได้ ไปแจ้งผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ที่เราใช้บริการอยู่ เพื่อขอซิมใหม่ ซึ่งทางผู้ให้บริการเครือข่ายก็ออกซิมการ์ดให้ใหม่โดยง่าย ข้อสังเกตสำคัญคือ ซิมการ์ดของเจ้าของเบอร์ตัวจริงจะใช้งานไม่ได้ในช่วงนี้ จากนั้นก็ใช้ User และ Password ที่อีกคนไปหามาเข้าสู่ระบบ E-Banking ขอรหัส OTP ส่งเขาเบอร์ที่ไปแอบอ้างมา จากนั้นทำการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ต้องหาอีกคนที่พร้อมกดเงินหน้าตู้เอทีเอ็มแล้วก็หลบหนี
ซึ่งถือว่าเป็นช่องโหว่ของการยืนยันตัวบุคคลทั้งของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์และทางธนาคาร สิ่งที่เราระมัดระวังได้ด้วยตัวเอง ก็คือ หากเราพบว่าซิมการ์ดใช้งานไม่ได้ โดยไม่ทราบสาเหตุ ก็ควรติดต่อผู้ให้บริการเครือข่ายโดยด่วนที่สุด และการใช้สำเนาบัตรประชาชนทุกครั้งควรเขียนกำกับไว้ด้วยว่าใช้เพื่อกรณีใด ส่วนความผิดพลาดในกระบวนการยืนยันตัวบุคคลของผู้ให้บริการเครือข่ายหรือทางธนาคาร เราก็ยังไม่ได้รับคำยืนยันหรือมาตรการการแก้ไขใดๆ ออกมาเลยครับ
และนอกจากวิธีการนี้ก็ยังมีลูกไม้อื่นๆ อีกมากมายที่เราต้องระมัดระวังให้มาก ซึ่งมีแม้กระแท้ปลอมเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ E-Banking เลยก็มีครับ ด้านล่างนี้ก็เป็นคำเตือนต่างๆ ที่ทางธนาคารกสิกรไทย ประกาศเตือนผู้ใช้ในหน้าเว็บไซต์ E-Banking ของตัวเองนะครับ
ที่มา ThaiPBS