ดีลช็อกวงการที่กินเวลามาพอสมควรระหว่าง Microsoft กับ Nokia ที่มีการประกาศการเข้าซื้อกิจการส่วนผลิตมือถือและบริการ (Device & Services) เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 ซึ่งเพิ่งจะสิ้นสุดการดำเนินการด้านกฎหมายและมีผลให้การซื้อขายกิจการนี้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2557 ที่ผ่านมา
ซึ่งดีลนี้ถึงแม้จะไม่ได้เป็นการซื้อขายกิจการทั้งหมดของ Nokia แต่นั่นก็มีผลให้ Nokia ในบทบาทที่เรารู้จักกันอย่างผู้ผลิตมือถือชื่อดังของโลกจะหายไป (เป็นเวลาอย่างน้อยๆอีก 10 ปี หรือมากกว่านั้น) ถึงแม้หลังจากนี้เราจะยังเห็นมือถือรุ่นใหม่ๆที่แปะยี่ห้อ Nokia และใช้ชื่อรุ่นที่เราคุ้นเคยอย่าง Lumia, Asha แต่นั่นก็เป็นมือถือยุคที่ถูกพัฒนาภายใต้ร่มเงาของ Microsoft ภายใต้ชื่อธุรกิจ Microsoft Mobile Oy
ดังนั้น AppDisqus ของเราจึงอยากจะชวนเพื่อนๆรำลึกความหลังที่ยิ่งใหญ่นี้ไปด้วยกันครับ
** ในบทความนี้ไม่ได้แสดงรายชื่อมือถือของ Nokia ทั้งหมดนะครับ จะเป็นเฉพาะรุ่นที่เด่นๆและอยู่ในยุคของ Nokia แท้ๆ เพราะความจริงแล้ว Nokia อยู่ในธุรกิจมือถือตั้งแต่ยุค 1980’s แต่เป็นการรวมกิจการบริษัท Salora เข้ากับตัวเองและตั้งเป็นบริษัทใหม่ในนาม Nokia Mobira แต่มือถือยุคนั้นยังไม่ก้าวเข้าสู่ยุคเครือข่าย GSM **
เปิดศักราชมือถือเครือข่าย GSM แท้ๆตัวแรกจาก Nokia ด้วย Nokia 1011 [1992-1993]
Nokia 1011 เป็นมือถือจอขาวดำ ที่รองรับการใช้งานบนเครือข่าย GSM อย่างสมบูรณ์แบบเป็นตัวแรกของ Nokia (ก่อนหน้านี้ Nokia ปล่อยมือถืออีกรุ่นออกมาก่อนภายใต้ชื่อ Nokia 1000 ซึ่งใช้งานอยู่บนเครือข่าย AMPS)
ชื่อรุ่น Nokia 1011 สื่อถึงวันที่มันวางจำหน่าย ซึ่งก็คือวันที่ 10 พฤศจิกายน 1992 นั่นเอง
Nokia 1011 มาพร้อมหน้าจอ LCD ขาวดำ และมีเสาสัญญาณที่ยืดหดได้ รองรับการส่งข้อความ sms ได้ (ถึงแม้ Nokia จะระบุว่ามือถือรุ่นที่รองรับการส่ง sms คือ Nokia 2110 ก็ตาม)
มือถือรุ่นแรกที่มาพร้อมเสียงเพลง Nokia Ringtone ที่เป็นเอกลักษณ์กับ Nokia 2110 [1994-1995]
Nokia เปิดตัวเจ้า 2110 ด้วยสเปคที่ไม่มีอะไรหรูหรา รองรับการรับ-ส่งข้อความ sms (ที่ Nokia ระบุว่าเป็นมือถือรุ่นแรกของตัวเองที่รับส่ง sms ได้) สามารถแสดงผลประวัติการโทรได้เพียงอย่างละ 10 เลขหมาย
แต่สิ่งที่ทำให้มันเป็นมือถือที่น่าจดจำคือ มันเป็นมือถือรุ่นแรกที่มาพร้อมกับเสียงเรียกเข้าหรือ Nokia Tone ที่เราคุ้นเคยและเป็นตำนานบทหนึ่งในวงการมือถือ และเป็นมือถือรุ่นแรกๆที่มาพร้อมปุ่มสำหรับการนำทางเข้าสู่เมนู (Soft key) และหน้าจอการใช้งานแบบเลื่อนได้ (Scroll UI)
และหลังจากนั้น Nokia ก็ออกกรุ่นย่อยของเจ้า 2110 ออกมามากมายเพื่อเป็นการปรับปรุงเจ้า 2110 นี้ไม่ว่าจะเป็น Nokia 2110i, Nokia 2110i D2, Nokia 2110i System หรือ Nokia 2110i Wood
Nokia 2110 เป็นมือถือรุ่นที่ได้รับความนิยมพอสมควร เพราะรูปร่างและขนาดที่เล็กกว่ามือถือรุ่นอื่นๆในตลาดในตอนนั้น
Nokia 8110 รหัส Banana เจ้ากล้วยสุดเท่ โผล่แจม The Matrix (1996)
Nokia 8110 เป็นมือถือรุ่นแรกในซีรียส์ 8xxx ของ Nokia ที่ทำมาเพื่อเน้นความเป็นพรีเมี่ยม ด้วยฝาหน้าแบบสไลด์พร้อมฟังก์ชั่นการรับสายได้ทันทีหลังสไลด์ลง และวัสดุชั้นดี พร้อมขนาดที่บางและเบามากเมื่อเทียบกับมือถือในยุคนั้น หน้าจอที่แสดงผลได้ 4 แถว องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ Nokia 8110 เป็นที่นิยมอย่างมาก
และอีก 3 ปีต่อมากระแสของเจ้า Nokia 8110 ก็กลับมาดังเป็นพลุแตกอีกครั้งเมื่อมันปรากฏตัวให้เราเห็นบ่อยครั้งในหนังดังแห่งยุคนั้นอย่าง The Matrix (1999)
Nokia 8110 มีรุ่นต่อที่ได้รับการปรับปรุงและมาในชื่อ Nokia 8110i ที่มาพร้อมระบบการรับส่งข้อความแบบใหม่อย่าง SSMS (Smart SMS) ที่ช่วยให้เราส่งลิงค์สำหรับการดาวน์โหลดเสียงเรียกเข้าผ่าน SMS ได้ แต่ภายหลังเทคโนโลยีนี้ถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี WAP
Nokia ยังออกมือถือตระกูล 3xxx อย่าง Nokia 3110 ที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมภายในแบบเดียวกันกับ Nokia 8110 แต่ว่าเจ้า Nokia 3110 มาพร้อมกับ Navi-Key หรือระบบ D-Pad ที่มีปุ่มทิศทางสำหรับการเลื่อนเมนูด้วย
Nokia 9000 Communicator มือถือที่เปิดศักราชใหม่ของมือถือสำหรับธุรกิจจาก Nokia (1996)
Nokia 9000 Communicator เป็นมือถือสำหรับธุรกิจเครื่องแรกจาก Nokia มาพร้อมหน้าจอใหญ่ระดับ 4.5 นิ้ว และเจ้ามือถือรุ่นนี้เป็นความพยายามร่วมกันระหว่าง Nokia และ Intel ซึ่งเจ้า Nokia 9000 นี้มาพร้อม CPU บนพื้นฐาน i386 จาก Intel ความเร็ว 24 MHz มาพร้อมหน่วยความจำภายใน 8MB ที่ใช้งานได้จริง 4 MB
Nokia 9000 Communicator มีกระแสตอบรับดีจากนักธุรกิจ แต่ด้วยขนาดและน้ำหนักที่มากเกินไปของมัน (หนักราว 397 กรัม) ทำให้ Nokia ออกมือถือรุ่นต่อที่เป็นแวอร์ชั่นรีดน้ำหนักออกมาในนาม Nokia 9110 และเปลี่ยน CPU จาก Intel เป็น AMD
มือถือตระกูล 9xxxx นี้ Nokia สงวนชื่อเอาไว้สำหรับมือถือเน้นการใช้งานด้านธุรกิจเท่านั้น
Nokia 5110 จุดเริ่มต้นของโลกแห่งสีสันของ Nokia (1998)
Nokia 5110 ที่มีรหัสว่า Santra ถึงแม้จะไม่ได้เป็นมือถือรุ่นแรกที่มาพร้อมกับสีสันที่หลากหลายจาก Nokia (เพราะมือถือรุ่นแรกๆที่มาพร้อมสีสันที่หลากหลายคือ Nokia 252) แต่ว่า Nokia 5110 เป็นมือถือรุ่นแรกของ Nokia ที่ผู้ใช้งานสามารถถอดเปลี่ยนหน้ากาก (Face plate) ได้ด้วยตัวเอง (ซึ่งขายดีมากในบ้านเราในช่วงเวลานั้น)
ถึงแม้ว่าในแง่ของการใช้งานต่างๆของเจ้า Nokia 5110 เองไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่น แต่สีสันที่โดดเด่น, การเปลี่ยนหน้ากากได้ และอายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้มันเป็นมือถือรุ่นหนึ่งที่หลายๆคนจดจำได้ แม้ว่ามันจะถูกยกเลิกสายการผลิตในปี 2001 และมีรุ่นใหม่ที่สวยกว่าและบางกว่าเข้ามาแทนที่ก็ตาม
Nokia 8810 ก้าวแรกของตระกูล 8xxx ที่มาพร้อมกับความหรูหราและเสาสัญญาณในตัวเครื่อง (1998)
Nokia เปิดตัวมือถือ Nokia 8810 ที่มาพร้อมกับความหรูหราแบบที่ Nokia กำหนดให้เป็นสำหรับมือถือในตระกูลนี้ ด้วยวัสดุชั้นดีและฝาหน้าแบบสไลด์ลงซึ่งเป็นที่ถูกใจของสาวๆอย่างมาก นอกจากนั้นแล้วเจ้า Nokia 8110 นี้ยังนับเป็นมือถือรุ่นแรกๆของ Nokia ที่มาพร้อมกับเสาสัญญาณภายในตัวเครื่อง (Internal Antenna) ซึ่งโดดเด่นกว่ามือถือในยุคนั้นพอสมควร
Nokia 8110 แน่นอนว่ายังมีรุ่นต่อมาซึ่งเป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในบ้านเรา ทั้ง 8890, 8850 หรือ Nokia 8855
Nokia 3210 มือถือคู่ใจวัยรุ่นในยุคนั้น (1999)
เป็นมือถือที่เรียกได้ว่าสร้างปรากฏการณ์ทั้งในบ้านเราและที่เมืองนอกครับสำหรับ Nokia 3210 ด้วยความที่เจ้า Nokia 3210 มีหน้าตาที่สวยงาม ใช้เทคโนโลยี Internal Antenna แบบเดียวกับ Nokia 8810
ลูกเล่นอีกอย่างหนึ่งที่หลายๆคนจำได้สำหรับเจ้า Nokia 3210 และมือถือรุ่นต่อนี้คือ ความสามารถในการให้เราสามารถสร้างเสียงริงโทนได้เองจากแอพในตัวเครื่อง (และนั่นทำให้สมุดขายโน้ตเพลงสำหรับการสร้างเสียงเรียกเข้าเองขายดีอย่างถล่มทลายในบ้านเรา)
Nokia 8210 มือถือรุ่นที่เล็กที่สุด เบาที่สุดของ Nokia ในตอนนั้น (1999)
Nokia เปิดตัว Nokia 8210 รหัส Leonardo มือถือรุ่นที่เรียกได้ว่าเบา บางและเล็กที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด ณ ขณะนั้นออกมาในปี 1999 ซึ่งจุดขายนอกจากขนาดแล้ว เรื่องของการเปลี่ยนหน้ากากได้ด้วยตัวเองก็เป็นอีกจุดขายหนึ่งที่หลายๆคนติดใจ
Nokia 8210 มีรุ่นอัพเกรดใหม่ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันอย่าง Nokia 8250 ที่โดดเด่นด้วยหน้าจอสีฟ้า และชื่อเล่นที่หลายๆคนคุ้นหูสำหรับมือถือในตระกูลนี้คือ “ผีเสื้อ” นั่นเอง
Nokia 3310 ที่สุดแห่งตำนานที่ไม่มีคนไม่รู้จัก (2000)
เป็นมือถือรุ่นที่ไม่ต้องเขียนถึงมาก แต่มั่นใจว่าคนไทยเกิน 1 พันล้านคนต้องรู้จักเจ้ามือถือรุ่นนี้ดีครับสำหรับ Nokia 3310 ในชื่อรหัสว่า Beetle
Nokia 3310 นับเป็นมือถือที่ประสบความสำเร็จอย่างมากรุ่นหนึ่งของ Nokia ไม่ว่าจะทั้งในแง่เสียงวิจารณ์และยอดขาย ซึ่ง Nokia 3310 สามารถทำยอดขายได้ถึงกว่า 126 ล้านเครื่องทั่วโลก
นอกจากในแง่รูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ภายใน Nokia 3310 เองก็อัดแน่นไปด้วยเทคโนลยีที่ล้ำมากๆในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นการรองรับการส่ง sms ที่ยาวกว่ามือถือรุ่นอื่นๆ (เขียน sms ได้ยาวถึง 459 ตัวอักษร) ฟังก์ชั่นการเตือนความจำ หรือการรวมข้อความ sms เป็น SMS Chat และการโทรออกด้วยเสียง
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เจ้า Nokia 3310 ฮิตมากในกลุ่มวัยรุ่นสมัยนั้นคือการเปลี่ยนหน้ากาก รวมถึงเสียงเรียกเข้าที่มีมาให้จุใจ และสามารถแต่งเพิ่มได้เองอีกด้วย
สุดท้าย สิ่งที่ทำให้เจ้า 3310 ยังเป็นที่กล่าวขวัญถึงในทุกวันนี้ก็คือเรื่องของความทนทานชนิดที่เรียกว่าปาทิ้งกระจายเป็นชิ้นๆ ยังสามารถหยิบมาประกอบกลับและใช้งานต่อได้เลย
Nokia 7650 ก้าวใหม่ของ Nokia กับมือถือจอสีและกล้องถ่ายรูปพร้อมระบบปฏิบัติการ Symbian ตัวแรก (2001)
Nokia เริ่มเข้าสู่ยุคมือถือหน้าจอสีตั้งแต่ปี 2001 โดยมีมือถือหลายๆรุ่นที่เปิดตัวในช่วงเดียวกัน แต่จากข้อมูลของ Nokia เองและเว็บไซต์หลายๆแหล่ง ระบุไม่ตรงกันนักถึงเรื่องที่มือถือรุ่นใดเป็นมือถือรุ่นแรกที่มาพร้อมกับหน้าจอสีจาก Nokia เราจึงขอใช้คำว่าเจ้า Nokia 7650 นี้เป็นมือถือรุ่นแรกๆที่มาพร้อมกับหน้าจอสีจาก Nokia นะครับ
แต่ที่แน่นอนว่าเจ้า Nokia 7650 ที่มีชื่อรหัสว่า “Carlypso” มีความเป็นสิ่งแรกแน่ๆคือ เป็นมือถือรุ่นแรกที่มาพร้อมโมดูลกล้อง และมาพร้อมกับระบบปฏบัติการ Symbian S60 ที่ทำให้เจ้า Nokia 7650 เองเป็นมือถือที่ก้าวผ่านยุคของ Nokia เดิมมายังยุคใหม่อย่างเต็มภาคภูมิ
Nokia 7650 ถึงแม้จะมาพร้อมกล้องความละเอียดระดับ 3 แสนพิกเซล แต่ก็ถือว่าดีมากๆในสมัยนั้นแล้วครับ และความโด่งดังของเจ้ามือถือรุ่นนี้ก็พุ่งขึ้นด้วยการที่ Nokia ทำการตลาดร่วมกับค่ายหนังอย่าง Dreamsworks โดยเอามือถือรุ่นนี้ไปใช้ในหนังดัง อย่าง Minority Report ของทอม ครู๊ซ
Nokia 8310 รุ่นต่อจาก 8210 ที่ได้รับความนิยมมากอีกรุ่นหนึ่งในบ้านเรา (2001)
Nokia 8310 เป็นมือถือในตระกูล 8xxx รุ่นที่ต่อยอดมาจาก Nokia 8210 ด้วยการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ๆอย่างระบบ Infared เข้าไปรวมถึงระบบปฏิทินที่ใช้งานได้ดีขึ้นและการฟังวิทยุซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้หาไม่ได้ง่ายนักในมือถือในยุคเดียวกัน และแน่นอนครับว่า Nokia ไม่ลืมที่จะใส่คุณสมบัติการเปลี่ยนหน้ากากอันเป็นจุดเด่นของมือถือในยุคนั้นของตัวเองเข้ามาด้วยเช่นกัน
Nokia 8310 เองมีแฝดคนละฝาที่อยู่คนละตระกูลกันแต่สามารถใช้หน้ากากเดียวกันได้ด้วยอย่าง Nokia 6510 ที่เน้นจับตลาดกลุ่มนักธุรกิจมากกว่า 8310
Nokia 7210 มือถือ Symbian S40 ตัวแรกที่มาพร้อมกับหน้าจอสี (2002)
สิ่งที่ทำให้เจ้า Nokia 7210 ที่มีรหัสว่า “Vanessa” เป็นที่จดจำคือ มันเป็นมือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการตระกูล S40 ตัวแรกที่มาพร้อมกับหน้าจอสี รองรับการลงโปรแกรมหรือเกมส์เพิ่มได้ด้วยเทคโนโลยี J2ME (JAVA) รวมถึงรองรับการส่ง mms และมี WAP Browser ให้เราได้ใช้งานกันด้วย
ในช่วงเดียวกันนี้ Nokia ยังเปิดตัว Nokia PC Suite ที่ช่วยให้เจ้า Nokia 7210 สามารถซิงค์รายชื่อกับคอมพิวเตอร์ได้โดยไม่ต้องต่อสาย แต่ทำงานผ่านระบบ Infrared
Nokia 6800 ยุคแห่งการคิดนอกกรอบของ Nokia (2002)
ในช่วงต้นยุค 2000 Nokia มีมือถือวางจำหน่ายหลากหลายรุ่นมากครับ ซึงรุ่นที่วางจำหน่ายนั้นเป็นส่วนผสมระหว่างมือถือแบบแท่ง (Bar) แบบเดิมที่เคยเป็นมาตลอด และมือถือที่ทำออกมาเสมือนการโยนหินถามทางและเป็นมือถือที่แปลกกว่ามือถือทั่วๆไปในแง่ของการดีไซน์
โดยในปี 2002 Nokia ได้ส่งมือถือรุ่นที่มีหน้าตาแปลกตาออกมาหลายรุ่นไม่ว่าจะเป็น Nokia 3650 ที่มีขื่อรหัสว่า “Cameroon” ที่เป็นมือถือราคาไม่แรงนัก (ในตอนนั้น) ที่มาพร้อมกับแป้นคียบอร์ดที่แปลกตา
แต่รุ่นที่แปลกตามากๆในช่วงนั้นน่าจะต้องยกให้กับเจ้า Nokia 6800 ที่มีชื่อรหัสว่า “Hermes” ที่มาพร้อมกับคีย์บอร์ดที่กางออกเป็นคียบอร์ดมาเป็นคีย์บอร์ดแบบ QWERTY ได้
Nokia ตระกูล 6800 นี้เป็นต้นแบบของการพัฒนามือถือตระกูล Nokia E70 ในเวลาต่อมา
มือถืออีกรุ่นที่อยู่ในช่วงเดียวกันกับ 2 รุ่นก่อนหน้าและเป็นมือถือรุ่นเน้นการดีไซน์ของ Nokia ได้แก่ Nokia 7600 หรือที่มีชื่อรหัสว่า “Mango” ที่หน้าตาแปลกกว่ามือถือในตลาด (ไม่ว่าจะทั้งในอดีตหรือปัจจุบัน) แต่สิ่งที่หลายๆคนไม่ทราบถึงความพิเศษของเจ้า Mango นี้คือมันเป็นมือถือรุ่นแรกๆ (รุ่นที่ 2) ของ Nokia ที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ 3G (โดยรุ่นแรกคือ Nokia 6650)
Nokia N-Gage มือถือเน้นการเล่นเกมส์ตัวแรกจาก Nokia ที่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน (2003)
Nokia เปิดตัวมือถือที่เน้นเรื่องการเล่นเกมส์อย่างจริงจัง โดยจับมือกับค่ายเกมส์ชั้นนำของโลกอย่าง Sega หรือ Eidos เพื่อจะทำเกมส์ลงให้กับมือถือของตัวเองอย่าง Nokia N-Gage ซึ่งคู่แข่งโดยตรงของ N-Gage ในตอนนั้นคือเครื่องเล่นเกมส์ที่มีหน้าตาไม่ต่างกันนักอย่าง Gameboy Advance
Nokia N-Gage ใช้พื้นฐานระบบปฏิบัติการเป็น Symbian เวอร์ชั่น 60 แต่ด้วยความที่ Nokia เองไม่ประสบความสำเร็จนักในการดึงดูดให้ค่ายเกมส์ทำเกมส์มาลงให้ และประสบการณ์การเล่นเกมส์บน N-Gage ที่แย่กว่าการเล่นเกมส์บนเครื่องเล่นเกมส์โดยเฉพาะอย่าง Gameboy Advance ทำให้เจ้า N-Gage เองไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ด้วยยอดขายช่วงเปิดตัว 2 สัปดาห์แรกที่อเมริกาเพียง 5,000 เครื่อง (จากยอดส่งให้ร้านค้าที่ Nokia ระบุว่าอยู่ที่ 400,000 เครื่อง)
แต่ถึงอย่างไร Nokia ก็ออกรุ่นปรับปรุงของเจ้า N-Gage ออกมาในชื่อ N-Gage QD ซึ่งก็ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะปัญหาของตัว N-Gage เองไม่ได้มาจากตัวเครื่องแต่มาจากการขาดเกมส์ที่จะเล่นด้วยซะมากกว่า
Nokia พยายามปลุกแพล็ตฟอร์ม N-Gage ใหม่ โดยประกาศนำ N-Gage Platform ไปลงบนมือถือหลายๆรุ่นของตัวเองในปี 2005 แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักและปิดตัวไปอย่างบอบช้ำเมื่อปี 2010
ถึงอย่างไร N-Gage เองก็เป็นหนึ่งในมือถือรุ่นที่หลายๆคนจดจำได้ดีรุ่นหนึ่งของ Nokia ครับ
Nokia 7610 มือถือตัวแรกที่มาพร้อมกับกล้องความละเอียด 1 ล้านพิกเซล (2004)
Noka 7610 เป็นมือถืออีกรุ่นที่โด่งดังในบ้านเราครับ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่น รวมทั้งอีกประเด็นที่ทำให้มันเป็นมือถือที่น่าจดจำสำหรับ Nokia คือมันเป็นมือถือตัวแรกที่มาพร้อมกับโมดูลกล้องที่มาพร้อมความละเอียดระดับ 1 ล้านพิกเซล
สิ่งที่เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียของมันคือ การจัดวางคีย์บอร์ดแบบที่เน้นให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้ถนัดแม้ใช้งานเพียงมือเดียว แต่ก็มีผู้ใช้งานหลายๆคนไม่ปลื้มกับคีย์บอร์ดแบบนี้เท่าใดนัก และผู้ใช้เหล่านั้นก็มีทางเลือกเป็น Nokia 6670 ที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่เหมือนกันแต่ต่างกันที่การจัดวางคียบอร์ด
Nokia 7280 นี่โทรศัพท์นะ ไม่ใช่ลิปสติก (2004)
อย่างที่ได้เขียนไปครับว่า Nokia ในยุคต้นปี 2000 นี้เน้นการออกแบบมือถือที่เน้นทางด้านดีไซน์ด้วยเช่นกัน โดยเจ้า Nokia 7280 หรือที่มีรหัสว่า Jinx นี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของความพยายามผลักดันในด้านดีไซน์ของ Nokia ในนามโครงการ Nokia Fashion Phone
ด้วยรูปลักษณ์ที่เหมือนกับลิปสติกและมีหน้า VGA ขนาดเล็ก และการใช้งานที่ผสมผสานระหว่างการดึงตัวเครื่องและแป้นตัวเลขถูกแทนที่ด้วยหน้าปัดแบบหมุน ซึ่งเรียกได้ว่าแนวสุดๆสำหรับผู้ที่ได้เป็นเจ้าของเจ้ามือถือรุ่นนี้ครับ
Nokia 7710 ความพยายามครั้งแรกของ Nokia สำหรับตลาดมือถือหน้าจอสัมผัส (2005)
Nokia พยายามเข้าแข่งขันในตลาดมือถือหน้าจอสัมผัสเป็นครั้งแรกด้วยการนำเจ้า Nokia 7710 หรือที่มีชื่อรหัสว่า Remix เข้าสู่ตลาด โดย Nokia 7710 เป็นมือถือรุ่นต่อของ Nokia 7700 ที่ Nokia เปิดตัวเอาไว้ตั้งแต่ปี 2003 แต่ไม่ได้วางจำหน่ายจริง
Nokia 7700 เป็นมือถือรุ่นแรกและรุ่นเดียวที่ Nokia นำหน้าตาของระบบ Symbian S90 มาครอบทับบนระบบปฏิบัติการ Symbian OS
ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ และเป็นหน้าจอแบบสัมผัสทั้งหมด ทำให้บริษัทผลิตระบบนำทางในอิตาลีเห็นศักยภาพในจุดนี้ และได้ทำอุปกรณ์เสริมสำหรับเจ้า Nokia 7700 โดยเฉพาะเพื่อเป็นภาครับสัญญาณระบบนำทางผ่านดาวเทียม และนั่นทำให้เจ้า Nokia 7700 เป็นมือถือรุ่นแรกที่มาพร้อมกับความสามารถในการนำทางด้วยระบบดาวเทียม (First Satellite Navigation System on Mobile Phone)
อย่างไรก็ดี ความพยายามครั้งนี้ของ Nokia เองก็ยังไม่ประสบความสำเร็จนัก
Nokia 9300 มือถือเน้นภาคธุรกิจของ Nokia ที่ไม่ใช้คำว่า Communicator อีกต่อไป (2005)
Nokia พยายามผลักดันมือถือสำหรับภาคธุรกิจของตัวเองต่อไปด้วยการผลักดันมือถือตระกูล 9xxx ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เจ้า 9300 เองเป็นที่น่าจดจำคือ Nokia เลือกที่จะไม่ใช้ชื่อต่อท้ายรุ่นว่า Communicator กับเจ้า 9300 แล้ว
Nokia 9300 เป็นรุ่นต่อจาก Nokia 9500 Communicator ที่เล็กลงและเบาลง แต่ว่าก็ตัดความสามารถเด่นๆหลายๆตัวออกไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อ WiFi (มีเฉพาะในรุ่น 9300i) หรือการตัดโมดูลกล้อง
Nokia 9300 เป็นมือถือที่ผสานรูปแบบการใช้งานระหว่างโทรศัพท์ปกติ (ที่อาจจะหนาไปซักหน่อย) เวลาที่ไม่เปิดหน้าจอ และโหมดสำหรับการเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องเล็กเมื่อกางหน้าจอออกมา
Nokia 770 Sputnik ก้าวแรกสำหรับตลาด Tablet จาก Nokia (2005)
Nokia 770 หรือที่มีขื่อในการพัฒนาว่า Sputnik นั้น ถูกวางตำแหน่งเอาไว้เป็น Wireless Internet Tablet อย่างแท้จริง ด้วยความที่มันรองรับการเชื่อมต่อแบบ WiFi เท่านั้นสำหรับการใช้งานอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้ยังมาพร้อมความบันเทิงทั้งด้าน Internet Radio หรือการอ่าน E-Book และการอ่านข่าวผ่านทาง RSS-Feeds
ความพิเศษของ Nokia 770 อีกประการหนึ่งคือ มันเป็นอุปกรณ์ตัวแรกที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Maemo (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นระบบ Meego) ซึ่งเคยเป็นระบบปฏิบัติการที่เป็นความหวังในการสู้สึกสมาร์ทโฟนของ Nokia
Nokia N70 ก้าวแรกของ Multimedia phone ของ Nokia (2005)
Nokia N70 หรือที่มีรหัสว่า “Rolf” เป็นมือถือที่เน้นด้านความบันเทิงและการเชื่อมต่อแบบ 3G เต็มตัวครั้งแรกของ Nokia ครับ โดย Nokia N70 วางจำหน่ายในช่วงเวลาพร้อมๆกับมือถือรุ่นใหญ่อย่าง N90 และ N91 ซึ่งนับว่าเป็นมือถือรุ่นแรกๆในตระกูล N-Series เลยก็ว่าได้ (และมีรุ่นต่อๆมาอีกมากมาย)
Nokia N70 มาพร้อมกล้องความละเอียด 2 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลชและกล้องหน้าระดับ VGA ในตอนที่มันวางจำหน่ายนั้น Nokia N70 นับว่าเป็นมือถือรุ่นที่มาพร้อมหน่วยความจำภายในที่เยอะที่สุด และเจ้า Nokia N70 นี้มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Symbian 8.1a โดยมีหน้าจอการใช้งานแบบ Symbian S60 ครอบทับอีกชั้นหนึ่ง
นอกจากนี้ Nokia ก็เริ่มทำมือถือรุ่นพิเศษอย่าง Music Edition และ Xpress Music โดย Nokia N70 เองก็เป็นรุ่นแรกๆที่มีเวอร์ชั่นพิเศษของตัวเองอย่าง Nokia N70 Music Edition ตามมาภายหลัง
Nokia 5200 และ 5300 Xpress Music จุดเริ่มต้นของมือถือเน้นเสียงเพลงจาก Nokia (2006)
Nokia เปิดตัวมือถือรุ่นที่เน้นสำหรับการฟังเพลงโดยเฉพาะในนามมือถือตระกูล Xpress Music ซึ่งส่วนมากจะเป็นการนำมือถือรุ่นที่มีอยู่เดิมเข้ามาใส่ความสามารถใหม่ๆเข้าไปและนำออกวางจำหน่ายด้วยชื่อ Xpress Music
โดยมือถือ Nokia 5200 Express Music เป็นมือถือรุ่นที่วางจำหน่ายในช่วงเวลาใกล้ๆกัน และเป็นมือถือรุ่นแรกๆในตระกูล Xpress Music ก่อนที่ Nokia จะให้กำเนิดลูกหลานในตระกูลนี้ออกมาอีกมามาย
โดยรุ่นที่โดดเด่นในบ้านเราและในตลาดน่าจะต้องยกให้กับ Nokia 5800 Xpress Music ครับ ซึ่งวางจำหน่ายในปี 2008 ที่เป็นมือถือ Symbian S60 ตัวแรกที่มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัส
Nokia N93 ก้าวที่พัฒนาขึ้นในแง่ของการถ่ายภาพและวิดีโอ (2006)
Nokia N93 เป็นรุ่นที่สานต่อความสำเร็จของ Nokia N90 โดยเพิ่มขนาดเซ็นเซอร์กล้องเป็น 3.2 ล้านพิกเซล และมาพร้อมคุณสมบัติการซูมแบบ optical ได้สูง 3 เท่า (ซึ่งเป็นมือถือของ Nokia รุ่นแรกที่ทำได้) และทำให้มันเป็นมือถือที่ถ่ายรูปได้ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งในช่วงเวลานั้น
นอกจากนี้ในแง่การถ่ายวิดีโอ เจ้า Nokia N93 นั้นสามารถถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดระดับ VGA ที่เฟรมเรตถึง 30 fps (ขายถึงขนาดเอาดาราฮอลลีวูดอย่าง Gary Oldman มาเป็นพรีเซ็นเตอร์เลยทีเดียว) นอกจากนี้ยังมีช่องเสียบการ์ดเพิ่ม 2 GB พร้อมซอฟท์แวร์สำหรับตัดต่อวิดีโอจาก Adobe ซึ่งตรงนี้เป็นจุดขายหนึ่งในเวลานั้นเลยครับ
Nokia N95 หนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในขณะนั้น (2007)
Nokia สานต่อตลาดสมาร์ทโฟนของตัวเองด้วยมือถือตระกูล N-Series อย่าง N95 ที่ครบเครื่องทั้งในแง่ของรูปร่าง, สเปคของฮาร์ดแวร์และคุณสมบัติด้านอื่นๆที่ครบเครื่องทำให้มันได้รับการยกย่องจากนิตยสาร PC Magazine ในขณะนั้นว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งในประวัติศาสตร์โดยไม่แยกระบบปฏิบัติการ (One of the best smartphones in history on any platform)
Nokia N95 เป็นมือถือรุ่นแรกที่มาพร้อมกับกล้องเซ็นเซอร์ความละเอียดขนาด 5 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์แบบ Carl Zeiss และระบบออโต้โฟกัส นอกจากจุดขายเรื่องกล้องแล้ว อีก 1 อย่างที่เป็นจุดเด่นของมือถือรุ่นนี้คือระบบ GPS ที่มาพร้อมกับ Nokia maps
ไม่เพียงแต่คุณสมบัติภายในเท่านั้น แต่รูปลักษณ์ภายนอกของเจ้า Nokia N95 ก็มีความโดดเด่นเช่นกัน เริ่มจากการที่สามารถสไลด์แป้นด้านล่างหน้าจอได้ 2 ทิศทาง เพื่อวัตถุประสงค์ 2 แบบ คือปุ่มเล่นไฟล์มีเดียต่างๆ และแป้นพิมพ์ ทำให้เจ้า N95 ได้รับความนิยมมากจนมีรุ่นย่อยๆตามมาอีกเพียบ (เช่น Nokia N95 8GB, N95 NAM, N95-4 และ N95-5 สำหรับตลาดประเทศจีน เป็นต้น) นอกจากเรื่องกล้องที่โดดเด่น ความสามารถที่รอบด้าน เช่น การรองรับ 3.5G การเล่นเกมส์ การฟังเพลง ของเจ้า N95 ก็ทำให้รุ่นนี้เป็นที่จดจำของหลายๆคนครับ
Nokia N900 อีกเฮือกกับตลาดสมาร์ทโฟนของ Nokia (2009)
Nokia ยังคงพยายามอย่างต่อเนื่องสำหรับการตีตลาดสมาร์ทโฟน ภายหลังจากการมาของ iOS และ Android ซึ่งสำหรับ Nokia N900 แล้วถือว่าสิ่งที่ Nokia ทำนั้น ทำออกมาได้ดี แต่ผลลัพท์ที่ได้อาจจะไม่ได้ดีเทียบเท่ากับที่ลงแรงไป
Nokia N900 เป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Maemo 5 ที่ใช้งานครั้งแรกบน Internet Tablet อย่าง Nokia 770 และใช้ CPU ของ ARM Cortex A-8
สิ่งที่เจ้า N900 ทำได้ก็ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนทั่วไปในตลาดไม่ว่าจะเป็นการเล่นอินเตอร์เน็ต การเป็นเครื่องเล่นมัลติเมีเดีย รวมถึงการรองรับการแสดงผล Flash Player พร้อมทั้งความสามารถในการใช้งานแบบ Touch Screen ด้วยการปรับแต่งระบบ Maemo 5 ให้เหมาะกับการใช้งานกับหน้าจอ Touch screen อีกด้วย
แต่ชะตากรรมของเจ้า N900 เองก็มาถึงจุดหักเห เมื่อ Nokia ประกาศว่าจะยกเครื่องระบบปฏิบัติการ Maemo 5 ไปเป็นระบบ Meego แทนและจะสนับสนุนการอัพเดทให้กับ Nokia N900 ต่อเมื่อมีอัพเดทที่จำเป็นเท่านั้น และนั่นทำให้ความหวังของชาว N900 ที่จะได้อัพเดทเป็นระบบ Meego ต่อก็สิ้นสุดลง เหลือแต่การหวังพึ่งชุมชนนักพัฒนาภายนอกเท่านั้น
Nokia N8 (2010)
Nokia N8 เป็นมือถือรุ่นในตำนานอีกรุ่นหนึ่งครับ ความโดดเด่นในแง่ของกล้องนั้น เริ่มตั้งแต่การที่เจ้า N8 มาพร้อมกับกล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และเลนส์ Carl Zeiss แบบ 4 ชิ้นเลนส์พร้อมปุ่มชัตเตอร์จริงและแฟลชแบบซีนอน
ความโดดเด่นอีกประการของเจ้า Nokia N8 คือความสามารถในการบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดแบบ HD 720p ที่ 30 fps และสามารถซูมตอนถ่ายวิดีโอได้ถึง3 เท่าแบบไม่เสียความละเอียด ซึ่ง Nokia เองก็ชูดจุดเด่นตรงนี้ ถึงขั้นลงมือถือถ่ายหนังสั้นด้วยเจ้า N8 ที่มีดาราดังๆอย่าง Pamela Anderson, Ed Westwick, Dev Patel and Charles Dance เพื่อเอามาแสดงให้เห็นถึงความสามารถของมือถือรุ่นนี้กัน
ด้วยความคมชัดและคุณภาพของภาพระดับสูงแบบนี้ ทำให้ยังมีผู้ใช้อีกมากมายที่ยังคงใช้เจ้า Nokia N8 นี้อยู่ครับ
Nokia X7-00 รุ่นแรกของ Nokia X Series ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Symbian^3 และเป็นรุ่นสุดท้าย (2011)
Nokia X7-00 เป็นมือถือในตระกูล X-Series รุ่นแรกที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Symbian^3 โดย Nokia ได้เปลี่ยนชื่อระบบปฏิบัติการเป็น Anna และ Belle ในภายหลัง และหลังจากนั้น Nokia ก็ประกาศหยุดการสนับสนุนระบบปฏิบัติการ Symbian และทำให้ตำนานมือถือ Symbian และมือถือตระกูล X-Series จบที่เจ้า Nokia X7 นี้เช่นกัน
Nokia N9 จุดเริ่มต้นของการออกแบบมือถือที่เต็มไปด้วยสีสันและวัสดุแบบ Poly Carbonate จาก Nokia (2011)
Nokia N9 เป็นที่จดจำในฐานะมือถือที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Meego รุ่นแรกและรุ่นเดียวก่อนที่ Nokia จะล้มโครงการระบบปฏิบัติการ Meego ไป
ความจริงเจ้า N9 ไม่มีอะไรให้ต้องติในฐานะโทรศัพท์เครื่องหนึ่ง แต่ด้วยความที่มันมาช้าเกินไปเพราะใช้เวลาในการพัฒนาที่เนิ่นนานและการที่ Nokia ตัดสินใจเลือกระบบปฏิบัติการ Windows phone เป็นระบบปฏิบัติการหลักของตัวเอง ทำให้อนาคตของเจ้า Meego และ N9 นี้ต้องดับไปในเวลาอันรวดเร็ว (ถึงแม้จะมีหลายๆเสียงเห็นว่าหาก Nokia ยังจับระบบปฏิบัติการนี้ต่อ ก็อาจจะช่วยชิงตลาดสมาร์ทโฟนมาได้บ้างก็ตาม
แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้า Nokia N9 ได้มอบเอาไว้ให้กับมือถือ Nokia รุ่นหลังๆคือ การออกแบบและวัสดุที่ใช้ ซึ่งเราจะพบเห็นและคุ้นตากับอุปกรณ์ในยุคหลังๆของ Nokia แทบทั้งหมด
Nokia Lumia 800 จุดเริ่มต้นของ Nokia กับระบบปฏิบัติการ Windows phone (2011)
หลังจากที่ Nokia ตัดสินใจบอกลาระบบปฏิบัติการ Symbian และ Meego Nokia จึงร่วมมือกับ Microsoft ในการพัฒนามือถือตระกูล Windows phone 7 ในขณะนั้น โดยใช้พื้นฐานการออกแบบตัวเครื่องจาก Nokia N9 โดยการใช้วัสดุ Poly Carbonate มาเป็นต้นแบบในการพัฒนา และนั่นทำให้เราได้รู้จักกับมือถือ Windows phone 7 ตัวแรกจาก Nokia ในนาม Nokia Lumia 800 หรือที่มีรหัสในการพัฒนาว่า Sea Ray
Nokia Lumia 800 เองก็ประสบกับชะตากรรม “โดนทิ้ง” ไม่ต่างจากมือถือรุ่นก่อนหน้า เพียงแต่คราวนี้ผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วมกลายเป็น Microsoft เจ้าของระบบปฏิบัติการที่ระบุว่ามือถือที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows phone 7 จะไม่สามารถอัพเกรดเป็น Windows phone 8 ได้อันเนื่องมาจากปัจจัยหลายๆส่วน ซึ่งส่วนสำคัญคือปัจจัยด้านข้อจำกัดขอฮาร์ดแวร์ (เพราะ Microsoft ออกแบบความต้องการขั้นต่ำของมือถือ Windows phone 7 เอาไว้ต่ำมาก)
Nokia 808 PureView ที่สุดของกล้องบนมือถือที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ระดับ 41 ล้านพิกเซล (2012)
Nokia 808 นี้เป็นมือถือที่กระตุ้นความสนใจของผู้คนให้มีต่อแบรนด์ Nokia ได้เป็นอย่างดี (จากพักหลังๆที่ความสนใจของผู้บริโภคนั้นจะไปทางฝั่ง Android และ iPhone กันซะหมด) ซึ่งเจ้า Nokia 808 PureView นั้นเป็นมือถือตัวแรกที่มาพร้อมกับกล้องความละเอียด 41 ล้านพิกเซลซึ่งละเอียดที่สุดสำหรับกล้องบนโทรศัพท์ และยังเป็นมือถือของ Nokia รุ่นแรกที่มาพร้อมเทคโนโลยี PureView Pro ที่เป็นการทำ over sampling หรือการบีบอัดพิกเซลจากรูปที่ความละเอียดสูงอย่างความละเอียด 41 ล้านพิกเซล ลงมาเป็นรูปที่มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และรองรับการซูมภาพ (Digital zoom) โดยที่ไม่เสียความละเอียด
ในส่วนของเลนส์กล้อง Nokia ก็ยังเลือกใช้เลนส์ Carl Zeiss คู่บุญเหมือนเดิม โดยเจ้า Nokia 808 นั้นมาพร้อมชิ้นเลนส์จำนวน 5 ชิ้น
ด้านการถ่ายวิดีโอ Nokia 808 PureView รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Full HD 1080p ที่ 30 fps ซึ่งสามารถซูมตอนถ่ายวิดีโอได้ถึง 4 เท่าโดยไม่เสียความละเอียด และอีกคุณสมบัติหนึ่งที่ Nokia นำมาใช้กับเจ้า Nokia 808 PureView ก็คือคุณสมบัติการบันทึกเสียงความละเอียดสูง (Nokia Rich Recording Technology) ด้วยไมค์โครโฟนคุณภาพสูง HAAC ของ Nokia ที่มีอยู่ในมือถือรุ่นนี้ถึง 2 ตัว
แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่เจ้า Nokia 808 PureView นี้ มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Symbian รุ่นสุดท้าย ซึ่งถึงแม้ตัวกล้องจะน่าสนใจ แต่ด้วยความที่ Nokia เริ่มหันมาทำมือถือระบบ Windows phone แล้วและอนาคตของระบบ Symbian ที่ไม่สดใสนัก ทำให้เจ้ามือถือรุ่นนี้ต้องพบกับชะตากรรมที่น่าเศร้า ขัดกับศักยภาพของมันมากทีเดียวครับ
Nokia Lumia 920 เริ่มต้นอีกครั้งกับระบบปฏิบัติการเดิมแต่เวอร์ชั่นใหม่ คราวนี้เปิดตัวได้สวยงามกว่าเดิม (2012)
เจ้า Nokia Lumia 920 เป็นมือถือระบบ Windows phone 8 รุ่นแรกของ Nokia (เปิดตัวพร้อม Nokia Lumia 820 แต่เอาเป็นว่าเลขรุ่นเยอะกว่าเราให้เป็นพี่ละกันนะครับ) เมื่อปลายปี 2012 ซึ่งนอกจากจะเป็นมือถือตัวแรกในระบบปฏิบัติการ Windows phone 8 แล้ว เจ้า Lumia 920 เองก็ยังเป็นมือถือรุ่นแรกอีกหลายๆทาง ได้แก่
เป็นมือถือของ Nokia เครื่องแรกที่มาพร้อมกับระบบ OIS (Optical Image Stabilization) หรือระบบกันสั่น พร้อม BSI Sensor และรูรับแสงขนาด f/2.0 พร้อมเลนส์แบบ 5 ชิ้นเลนส์จาก Carl Zeiss ที่ช่วยให้ภาพคมชัดแม้มือสั่น และช่วยให้เจ้า Lumia 920 สามารถถ่ายรูปในสภาวะแสงน้อยได้อย่างยอดเยี่ยม
ระบบกันสั่นยังช่วยให้การถ่ายวิดีโอทำได้นิ่งมากอีกด้วย และสามารถถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดแบบ Full HD 30 fps ได้
Nokia Lumia 920 เป็นมือถือที่เน้นเรื่องของการถ่ายภาพที่จนถึงทุกวันนี้ ความสามารถในการถ่ายภาพของเจ้า Nokia Lumia 920 เองก็ยังเป็นที่ยอมรับจากหลายๆฝ่ายอยู่ โดยเฉพาะการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย
และคราวนี้ดูเหมือน Nokia และ Microsoft จะแก้มือเรื่องการลอยแพผู้ใช้งานแบบตอนระบปฏิบัติการ Windows phone 7 แล้ว เพราะดูเหมือนว่าผู้ใช้ Windows phone 8 จะได้รับการอัพเดทกันยาวๆต่อเนื่องไปอีกนานพอสมควรครับ
Nokia Asha และ Nokia X (2011 และ 2013)
Nokia Asha เป็นระบบปฏิบัติการที่ Nokia สร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองตลาดมือถือสมาร์ทโฟนราคาถูกที่ Nokia ไม่สามารถใช้ระบบปฏิบัติการที่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์อย่าง Windows phone ลงไปสู้เรื่องราคาได้ เจ้า Nokia Asha จึงถือกำเนิดขึ้นมา
Nokia Asha เป็นมือถือที่เน้นสำหรับกลุ่มผู้ที่สนใจก้าวเข้าสู่ตลาด Smartphone เป็นครั้งแรกแต่ไม่อยากซื้อมือถือที่มีราคาสูงมากนัก ด้วยระบบปฏิบัติการและบริการต่างๆที่ Nokia มีให้และแอพจากพันธมิตรที่ “พอมี” บ้าง ทำให้เจ้า Asha ได้รับความสนใจในระดับหนึ่ง
แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องของแอพพลิเคชั่นและการผลักดันระบบปฏิบัติการใหม่ของตัวเองให้เป็นที่รู้จักทั้งกับนักพัฒนาและผู้ใช้งาน Nokia จึงเลือกใช้ทางที่สั้นกว่าการต้องสร้างระบบนิเวศน์ต่างๆใหม่ นั่นคือการใช้ประโยชน์จากระบบปฏิบัติการฟรีที่มีระบบนิเวศน์ด้านแอพอยู่แล้วอย่างแอนดรอยด์เข้ามาแทน และนั่นทำให้เกิดโครงการเป็ดเขียวน้อยโนเกียหรือ Nokia X นั่นเอง
Nokia X เป็นมือถือตระกูลล่าสุดของ Nokia ที่เป็นลูกผสมระหว่างหน้าจอการใช้งานของระบบปฏิบัติการ Windows phone เข้ากับหน้าจอ Fast Lane ของมือถือตระกูล Asha แต่อยู่บนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android ภายใต้โครงการ ASOP (Android Open Source Project)
[divider]
นี่คือประวัติคร่าวๆของการเดินทางของ Nokia บนถนนสายมือถือและสมาร์ทโฟนตลอดช่วง 22 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะเห็นว่ามีทั้งช่วงที่รุ่งโรจน์และช่วงที่เจอขวากหนามมากมายครับ
แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระดับองค์กรเอง การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของยักษ์ใหญ่ด้านไอทีอย่าง Microsoft นั้นจะทำให้ทิศทางของฝ่ายผลิตมือถือและบริการของ Nokia เป็นไปในทิศทางใด? อนาคตของแบรนด์ต่างๆอย่าง Lumia, Asha, Nokia X จะเป็นอย่างไร? เพราะถึงแม้ Microsoft และ Nokia จะยืนยันว่าเราจะยังได้เห็นชื่อมือถือ Nokia และชื่อแบรนด์เหล่านั้นอยู่ แต่ทั้ง 2 บริษัทก็ระบุตรงกันว่าจะเป็นแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
แล้วหลังจากนั้นแล้วจะเป็นอย่างไร? ข้อนี้ไม่มีใครตอบได้
แต่สิ่งที่แน่นอนคือ ตอนนี้ยุคของมือถือจาก Nokia แท้ๆหมดลงแล้วครับ เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ภายใต้ชื่อ Microsoft Mobile Oy กันแล้ว
ที่มา: The Verge, Wikipedia, Nokia Museum,