เอปสันขานรับกระแสดิจิทัลพรินติ้งบูมในอุตสาหกรรมสิ่งทอและแฟชั่น พร้อมตอกย้ำความแกร่งในฐานะผู้นำตลาดเครื่องพิมพ์ระบบ Dye Sublimation ด้วยการเปิดตัวเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่หน้ากว้างงานพิมพ์ขนาด 44 นิ้ว พร้อมกันถึง 2 รุ่น ได้แก่ Epson SureColor SC-F6430 ที่มาพร้อมหมึกพิมพ์ 4 สี และ Epson SureColor SC-F6430H ที่มาพร้อมหมึกพิมพ์ 6 สี เน้นรองรับธุรกิจงานพิมพ์สำหรับสิ่งทอ สินค้าแฟชั่น ของตกแต่งบ้าน ของที่ระลึก ป้ายโฆษณา และงานพิมพ์ภาพเกรดพรีเมี่ยมแบบออนดีมานด์
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การพิมพ์ระบบดิจิทัลกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายแวดวงอุตสาหกรรม จากการศึกษาของบริษัทวิจัยด้านการตลาดหลายแห่งพบว่าตลาดการพิมพ์สิ่งทอแบบดิจิทัลทั่วโลกมีมูลค่ามากกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2563 และคาดว่าจะสูงถึงราว 8 พันล้านเหรียญภายในปี 2573 ด้วยอัตราเติบโตประจำปี หรือ CAGR ราว 15% จากปี 2564 ถึง 2573 การระบาดของโควิดเป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งการเติบโตของเทคโนโลยีการพิมพ์สิ่งทอระบบดิจิทัล ไม่เพียงผู้ประกอบการที่เป็นโรงงานสิ่งทอ โรงงานรับพิมพ์ลายผ้า แต่ผู้บริการทำสื่อโฆษณาและงานพิมพ์อิงค์เจ็ท ไปจนถึงห้องเสื้อและดีไซเนอร์ ก็เริ่มหันมาลงทุนกับเทคโนโลยีด้านนี้กันมากขึ้น ด้วยเหตุผลในเรื่องความประหยัด ทั้งด้านการใช้น้ำและพลังงาน ลดวัสดุสิ้นเปลืองหลายรายการ ความรวดเร็วในขั้นตอนการออกแบบและการผลิตชิ้นงาน และคุณภาพของผลลัพธ์ที่ได้ หรือในเครื่องพิมพ์ขนาดเล็กและขนาดกลางก็ยังช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรับงานแบบออนดีมานด์ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ ยังตอบโจทย์ด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”
“ด้วยโอกาสทางการตลาดที่เปิดกว้าง ทั้งยังมีตลาดเกิดขึ้นใหม่อยู่ตลอด เอปสันจึงนำเครื่องพิมพ์สิ่งทอระบบดิจิทัลเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม SureColor F-Series เพื่อรองรับและตอบโจทย์งานพิมพ์สำหรับธุรกิจสิ่งทอถึง 10 รุ่น ครอบคลุมหน้ากว้างงานพิมพ์ขนาด A4, 24, 44, 64 และ 76 นิ้ว ซึ่งเมื่อรวมกับเครื่องในระบบ Direct-to-Garment และเครื่องขนาดใหญ่ ระบบ Direct-to-Fabric แล้ว เอปสันจะมีไลน์อัพสินค้าที่ครบครันที่สุดในท้องตลาด สามารถรองรับความต้องการของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งทอและแฟชั่น ที่ต้องการจะขยับมาใช้เครื่องพิมพ์ระบบดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสินค้าประเภทใดก็ตาม”
สินค้าใหม่ที่เปิดตัวในครั้งนี้ได้แก่ Epson SureColor SC-F6430 และ Epson SureColor SC-F6430H ซึ่งเป็นเครื่องระบบ Dye Sublimation หน้ากว้าง 44 นิ้ว มีจุดเด่นที่หัวพิมพ์ที่ใช้เป็นเทคโนโลยี Micro TFP PrecisionCore มีขนาดใหญ่ถึง 1.33 นิ้ว จำนวนหัวฉีดน้ำหมึก 3,200 หัว เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขึ้นอีก 20% เมื่อเทียบกับรุ่น SureColor SC-F6330 ที่ออกจำหน่ายก่อนหน้านี้ ให้ความละเอียดในการพิมพ์สูงสุดถึง 600×1,200 dpi และพิมพ์ได้เร็วสูงสุด 78.3 ตารางเมตรต่อชั่วโมง
สำหรับหมึกที่ใช้เป็น UltraChrome DS ของเอปสัน ที่ใช้สีดำที่มีความหนาแน่นสูงพิเศษ จึงให้ผลงานที่มีความเข้มคมชัด เส้นขอบชัดเจน และการไร่ระดับสีที่เนียนเรียบ ชุดหมึกมีขนาดใหญ่ถึง 1.6 ลิตรต่อสี เพิ่มขึ้นจากชุดหมึกรุ่นเดิมถึง 45% ช่วยให้พิมพ์งานต่อเนื่องได้นานและลดการเสียเวลาในการหยุดเติมหมึก ถุงหมึกแบบใหม่ยังป้องกันฝุ่นไม่ให้เข้าไปในหัวพิมพ์ จึงช่วยยืดอายุการใช้งานของหัวพิมพ์ อีกทั้งผู้ใช้ยังสามารถเปลี่ยนหมึกเองได้ง่ายดาย รวดเร็ว และไม่เลอะเทอะอีกด้วย นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังติดตั้งซอฟต์แวร์ Epson Edge Print Pro มากับเครื่อง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานพิมพ์งานได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
SureColor SC-F6430 เป็นเครื่องระบบหมึกชนิดแพ็ค 4 สล็อต แบบติดตั้งในตัวเครื่อง ใช้ 4 สีหลัก CMYK ขณะที่ SureColor SC-F6430H เป็นแบบ 6 สล็อต ประกอบด้วย 4 สีหลัก และ 2 สีพิเศษ ที่ลูกค้าสามารถเลือกติดตั้งได้ตั้งแต่ตอนแรกซื้อให้ตรงกับความต้องการใช้งานและประเภทธุรกิจ ได้แก่
- คู่หมึกพิมพ์สีชมพูสะท้อนแสงและสีเหลืองสะท้อนแสง เหมาะสำหรับเครื่องแต่งกายและชุดกีฬา หรือป้ายผ้าโฆษณา ที่ต้องการการมองเห็นได้ชัดเจนและดึงดูดความสนใจจากระยะไกล
- คู่หมึกพิมพ์สีฟ้าอ่อนและสีม่วงแดงอ่อน เหมาะสำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการไล่ระดับโทนสี แสดงรายละเอียดและคุณภาพของงานพิมพ์ได้ดียิ่งขึ้น เช่น ภาพถ่าย วอลล์เปเปอร์ ผ้าม่าน หรือผ้าปูที่นอน
- และสุดท้ายที่เป็นไฮไลท์ของการเปิดตัวครั้งนี้คือคู่หมึกพิมพ์สีม่วงและสีส้ม ที่ช่วยขยายขอบเขตสีงานพิมพ์ให้ก้าวข้ามข้อจำกัดการพิมพ์ในอดีต ด้วยหมึกพิมพ์สีม่วงและสีส้มนี้ช่วยให้การพิมพ์มีความเสมือนจริงสดใส ตอบสนองตามจินตาการผู้ออกแบบได้เป็นอย่างดี เหมาะกับเครื่องแต่งกายแฟชั่น ของพรีเมี่ยม และของขวัญ
นายยรรยง กล่าวเสริมว่า “เครื่องทั้ง 2 รุ่นยังสะท้อนถึงจุดยืนของเอปสันในด้านความยั่งยืนได้เป็นอย่างดี โดยได้รับการออกแบบให้ใช้ชุดหมึกที่มีความจุที่สูงขึ้น ทำให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องพร้อมช่วยลดปริมาณขยะบรรจุภัณฑ์หมึกพิมพ์ที่ใช้แล้ว และด้วยหมึกพิมพ์แบบ UltraChrome DS ซึ่งเป็นหมึกที่ไร้สารอันตราย โดยได้รับการรับรองมาตรฐานสากล Oeko-Tex® และ ECO PASSPORT ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและทารก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งได้รับ bluesign® มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่กำหนดขึ้นในสหภาพยุโรป
ด้านการจำหน่ายสินค้าทั้งสองรุ่นนี้ เอปสันจะมุ่งทำการตลาดไปที่กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม ธุรกิจรับทำของพรีเมี่ยม ร้านโฟโต้ และร้านรับทำสื่อประเภทธงหรือป้ายโฆษณา นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มสตาร์ทอัพแฟชั่นที่เป็นธุรกิจของคนรุ่นใหม่ โดยบริษัทฯ จะนำเสนอในรูปแบบโซลูชั่น ที่สามารถนำไปติดตั้งและเริ่มทำธุรกิจได้ในทันที ซึ่งรวมทั้งตัวเครื่อง ซอฟต์แวร์ ชุดหมึก และชุดม้วนเก็บกระดาษ (เฉพาะรุ่น SC-F6430H) และพิเศษในช่วงเปิดตัวมาพร้อมกับการรับประกันนาน 2 ปี
“ปัจจุบัน ผู้ประกอบการธุรกิจไม่ถูกจำกัดอยู่ที่ช่วงอายุอีกต่อไป มีกลุ่มคน Gen Z จำนวนมาก ที่เริ่มเปิดกิจการของตัวเอง มีดีไซเนอร์อายุน้อยเกิดขึ้นมากมาย มีธุรกิจทำเสื้อยืดและของพรีเมี่ยมเกิดขึ้นทุกวัน สิ่งที่เอปสันให้ความสำคัญคือพฤติกรรมและความสนใจของผู้ประกอบการ กลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้ง Gen Y และ Z ให้น้ำหนักกับความยั่งยืนเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากเอปสันสามารถนำเสนอโซลูชั่นที่ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ แต่ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงานและทรัพยากรต่างๆ ลดจำนวนขยะที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต ก็คาดว่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้ เหมือนอย่างเครื่องพิมพ์สิ่งทอระบบดิจิทัลทั้งสองรุ่นที่เปิดตัวในวันนี้” นายยรรยง กล่าว
สำหรับผู้สนใจทดลองใช้เครื่องพิมพ์ Epson SureColor SC-F6430 และ Epson SureColor SC-F6430H สามารถติดต่อได้ที่ Epson Contact Center 02-460-9699 หรือ www.facebook.com/EpsonThailand