สำหรับทุกการเดินทางย่อมต้องมีก้าวแรก ซึ่งการเดินทางของผมในเส้นทางการเป็น Blogger สาย IT ก็เริ่มมาจากมือถือที่ชื่อ Ericsson T29 เป็นโทรศัพท์มือถือเครื่องแรกในชีวิตของผม ซึ่งในตอนนั้นผมพึ่งจะเรียนจบมหาวิทยาลัยได้ไม่นาน พึ่งเริ่มทำงานครั้งแรก คุณพ่อผมท่านซื้อให้ตอนนั้นผมก็ไม่รู้เลยครับว่ามันมีราคาค่อนข้างแพงมาก ถ้ารู้ก็คงเลือกรุ่นที่ราคาถูกกว่านี้แน่นอน มาคิดๆไปถึงแม้ว่าผมกับคุณพ่อจะห่างๆกัน แต่จริงๆท่านก็รักผมมากเลยนะ แม้ตอนนี้ท่านจะไม่อยู่แล้วแต่ผมก็ยังคิดถึงอยู่บ่อยๆ
สมัยวัยรุ่นผมไม่ได้สนใจเทคโนโลยีเลยครับ ที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือผมชอบเล่นเกมมากๆ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังชอบอยู่ รวมทั้งชอบอ่านการ์ตูน และดูหนังมากๆ ต้องเรียกว่าผมรักการดูหนังเลยละ สมัยนั้นผมมักจะไปดูหนังกับเพื่อนอาทิตย์ละ 2-3 เรื่อง ละมานั่งคุยเรื่องหนังกัน พร้อมกับดื่มเหล้ากันไปด้วย เป็ยชีวิตมหาวิทยาลัยที่สนุกดีครับ ไม่ก็ออกไปถ่ายรูป หรือนั่งวาดรูปกันตามสถานที่ต่างๆ (และแน่นอนว่าไปนั่งดื่มกันต่อ5555) ผมมาเริ่มชอบเทคดนโลยีก็ตอนผมเริ่มทำงานแล้วนี่ละ (ทำงานครั้งแรกผมยังใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็นเลยนะ ตอนนั้นถอนเงินเก็บสมัยเรียนทั้งหมดไปซื้อคอมมานั่งจ้องตั้งหลายเดือนกว่าจะเริ่มเป็นบ้าง ลำบากตรงไม่มีคนสอนนี่ละแถมอินเตอร์เน็ตยุคนั้นก็สุดจะไม่เอื้อให้เรียนรู้ได้อย่างสะดวกอย่างทุกวันนี้เลย มาถนัดก็ตอนสมัครเข้าทำงานครั้งแรกจริงๆครับ)
สำหรับ Ericsson T29 เป็นโทรศัพท์มือถือที่ประสบความสำเร็จมากในตอนนั้น ด้วยรูปทรงฝาพับ (บริเวณแผงปุ่มกด) ซึ่งเท่มากๆครับ แถมรูปทรงยังสวยงาม หรูหรา เป็นอย่างยิ่ง หน้าจอเป็นแบบ Grayscale Graphic ความละเอียด 101 x 33 pixels, มีเกมในเครื่อง 5 เกม, รองรับ WAP Blowser 1.1, รองรับสัญญาณ GSM 900/1800 MHz, ขนาดตัวเครื่อง 101 x 49 x 20 มม. น้ำหนัก 95 กรัม, แบตเตอรี่แบบ NiMH (มี 2 แบบซึ่งจะมีแบบบางและแบบหนา ถอดเปลี่ยนเป็นฝาหลังตัวเครื่องไปในตัว), ฝาพับแบบ Active Flip, สามารถตั้งโทรด่วนได้ 10 หมายเลข และบันทึกเบอร์ได้ 200 เบอร์ เป็นโทรศัพท์มือถือที่เปิดตัวในปี 2001 นี่ก็ปาเข้าไป 16 ปีแล้วนะครับ
ความทนทานสุดยอดครับ ผมเคยทำตก (ใส่กระเป๋าหนัง….แหม ก็ตอนนั้นมันฮิตนะครับ แฟชั่นลุงมาก5555) โดยมันกระเด็นไปอยู่กลางถนนเลย แถมโดนรถยนต์วิ่งทับตั้ง 2 คัน ผมยืนมองด้วยความปวดใจ….แต่พอหยิบขึ้นมาดูกระเป๋าถลอกๆครับ แต่ตัวครื่องปกติ ไม่มีรอยและกระจกหรือวัสดุใดๆของตัวเครื่องก็ไม่มีแตกหักเลย ทนดีจริงๆ (ผมว่าเป็นเพราะความบังเอิญด้วยนะ) จากนั้นก็ใช้มาเรื่อยๆ 3 ปีกว่าๆครับมันจึงเริ่มเสีย ลองไปซ่อมดู 2 รอบก็ใช้ได้ไม่นานก็เสียอีก ก็เลยเก็บเอาใว้เป็นที่ระลึก แต่ตอนนี้ผมทิ้งไปแล้วนะเพราะเก็บลืมไปหน่อยมาดูอีกทีเยินมาก บางส่วนที่เป็นพลาสติกก็กรอบจนป่านเป็นผง แถมแบตเตอรี่ยังมีของเหลวไหลออกมา=__=
ซึ่งในตอนแรกผมเองก็ไม่ได้เริ่มบ้าโทรศัพท์มือถือเหมือนในตอนนี้ แต่ผมเริ่มสนุกกับมันหลังจากนั้นประมาณ 3-4 ปีครับ ผมถึงเริ่มเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือบ่อยมากๆ หมดเงินไปกับเรื่องนี่เยอะมากทีเดียว (ผมเปลี่ยนมือถือมาก่อนที่จะเริ่มเป็น Blogger ก็น่าจะเกิน 200 เครื่องแล้วละครับ เมื่อก่อนผมจดเอาใว้นะแต่หลังๆก็เลิกจดเลิกจำเพราะมันเยอะมากๆ ที่ผมเปลี่ยนบ่อยขนาดนี้ก็เพราะมีเพื่อนอีกคนที่ผมซี้มากๆ ชื่นชอบมือถือเหมือนกันเปลี่ยนบ่อยกว่าผมอีกนะ แต่เขาไม่ได้มาเป็น Blogger เขาเคยเขียนรีวิวอยู่เหมือนกันนะครับ แต่เขียนได้ไม่กี่บทความก็เบื่อซะก่อน แต่ทุกวันนี้ก็ยังชอบมือถือเหมือนเดิมและเปลี่ยนบ่อยมากเหมือนเดิมด้วย5555 ส่วนผมเองเดี๋ยวนี้เปลี่ยนไม่บ่อยครับ เพราะมีเครื่องผ่านมือเยอะมาก รีวิวไปก็หายอยากแล้วละ)
กว่าผมจะเริ่มมาเป็น Blogger (เริ่มเขียน Blog อย่างเป็นทางการ) ตอนนั้นผมก็อายุ 31 แล้วละครับ ก่อนหน้านั้นผมแค่ชื่นชอบ และอ่านๆตอบๆใน Pantip เท่านั้น จนเห็นหลายๆคนในตอนนั้นเริ่มเขียนกันอย่างจริงจัง ผมก็เลยเริ่มเขียนรีวิวบ้างตั้งแต่ตอนนั้นเอง และพอเขียนๆใน Pantip ไปมันไม่เก็บใว้นานครับ นานๆไปก็โดนลบหาย ด้วยความเสียดายผมจึงเริ่มเขียน Blog ในวัย 31 นี่ละ จุดเริ่มต้นเริ่มมาจากอยากเก็บบทความที่ตัวเองเขียนมาถึงตอนนี้ผมก็อายุ 38 แล้วเป็นวันเวลาที่ยาวนานน่าดูครับ จากงานอดิเรกสนุกๆกลายมาเป็นความมุ่งมั่นอย่างจริงจัง ผมว่ามันสนุกดีนะกับการได้เล่นและแบ่งปันในสิ่งที่ชอบ มาถึงตอนนี้ผมไม่ได้เป็น Blogger แล้วแต่ร่วมกับเพื่อนๆมาทำงานร่วมกันในนามเวบ AppDisqus เส้นทางที่พวกเราร่วมกันเดินทางมาตลอดระยะเวลาหลายปี หวังเหลือเกินว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะครับ และหลังจากนี้ต่อไปพวกเราทุกคนก็ขอเนื้อฝากตัวฝากตัวกันต่อไปด้วยนะ อีก 10 ปี 20 ปีก็หวังว่าพวกเรายังคงสนุกกันแบบนี้ต่อไป ในนวัตกรรมใหม่ๆที่น่าตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด