เฟิร์มแวร์ตัวล่าสุดจากทาง Apple ที่เปิดให้นักพัฒนาได้ดาวน์โหลดไปทดสอบเบต้ากันแล้วอย่าง 6.1.3 นั้นได้จบอนาคตเครื่องมือเจลเบรคตัวล่าสุดอย่าง evasi0n ไปเป็นที่เรียบร้อย
Forbes รายงานว่าหนึ่งในทีมงานของ evad3rs ชื่อ David Wang (หรือที่รู้จักกันบนทวิตเตอร์ภายใต้ชื่อ planetbeing) ได้ทดสอบเจ้าเฟิร์มแวร์ตัวล่าสุดที่ปล่อยออกมานี้ร่วมกับแพชเจลเบรค evasi0n แล้วพบว่าหนึ่งในห้าช่องโหว่ที่ใช้สำหรับการเจลเบรคได้ถูกปิดกั้นสนิทแล้วโดย Apple
Wang บอกว่าหลังจากที่เขาได้ตรวจสอบเฟิร์มแวร์ 6.1.3 เบต้า 2 อย่างละเอียดแล้วเขาพบว่าอย่างน้อยหนึ่งในห้าช่องโหว่ของการเจลเบรคที่เรียกว่าช่องโหว่ด้านการตั้งค่าไทม์โซนได้รับการอุดแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเจ้าตัวอัพเกรดเบต้าที่ปล่อยออกมานี้จึงเหมือนเป็นสัญญาณว่าอนาคตของเจ้า evasi0n สิ้นสุดลงแล้วเช่นเดียวกัน นั่นหมายถึงอนาคตของอุปกรณ์ใหม่ๆ จาก Apple ที่ออกมาพร้อม 6.1.3 และอุปกรณ์ที่ออกมาก่อนหน้านี้แต่เตรียมพร้อมจะอัพขึ้น 6.1.3 เองก็ไม่สามารถเจลเบรคด้วย evasi0n ในเวอร์ชั่นปัจจุบันได้แล้วเช่นเดียวกัน หวังยังเสริมอีกว่าขณะนี้เขากำลังทดสอบเพิ่มเติมว่าช่องโหว่อื่นๆ ที่ใช่นั้นได้รับการแก้ไขแล้วเช่นเดียวกันหรือไม่
หากเปรียบเทียบจากสถิติของยอดดาวน์โหลด evasi0n ที่ถูกดาวน์โหลดไปถึง 7 ล้านครั้งภายใน 1 – 2 วันที่เปิดตัวออกมา ต้องถือว่าในครั้งนี้ Apple ค่อนข้างช้าในการออกแพชแก้ไขช่องโหว่ที่เปิดช่องให้ evasi0n สามารถเข้าไปเจลเบรคเครื่องได้มากพอควรทีเดียวหากเทียบกับโปรแกรมเจลเบรคในเวอร์ชั่นที่ผ่านมา
Apple ปล่อยเฟิร์มแวร์ล่าสุดอย่าง 6.1.2 ออกมาเมื่อหกวันก่อน แต่เฟิร์มแวร์ดังกล่าวก็ยังไม่สามารถอุดช่องโหว่ที่ส่งผลให้ evasi0n สามารถเข้าไปเจลเบรคได้สำเร็จ นั่นทำให้ evasi0n อายุยืนได้ถึง 3 สัปดาห์นับจากวันแรกที่เปิดให้ดาวน์โหลด และหากดูจากสถิติที่ Forbes รายงานแล้ว Apple เคยอุดรูรั่วของ Jailbreakme 3.0 ที่ใช้เจลเบรค iPhone 4 ได้ในเวลาเพียง 9 วันเท่านั้น
Wang คาดการณ์ว่า iOS 6.1.3 นั้นอาจต้องรออีกกว่าหนึ่งเดือนกว่าที่จะเปิดออกมาให้คนทั่วไปได้อัพเดต และเขาได้เสริมต่อว่าทีม evad3rs เองก็ค้นพบช่องโหว่ในระบบเพิ่มเติมรอไว้ได้สำเร็จแล้ว ซึ่งช่องโหว่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาเหล่านี้อาจทำให้เกิดโปรแกรมเจลเบรคตัวใหม่ในอนาคตได้ในเวลาอันรวดเร็ว
iOS 6.1.3 จะว่าด้วยเรื่องของการพัฒนาแผนที่ในญี่ปุ่นและแก้ไขบั๊กพาสโค๊ดล๊อกที่มีการค้นพบหลังจากเฟิร์มแวร 6.1 เป็นต้นมา
ที่มา – Forbes