ดูเหมือนว่าแม้ Apple จะใช้เวลาในการเตรียมจำหน่าย iPhone X อยู่นาน ก่อนเปิดจำหน่ายจริงในอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ดูเหมือนว่าระบบ Face ID จะยังมีปัญหาอยู่จริงครับ
แน่นอนเมื่อเครื่องได้ถูกส่งถึงมือเหล่าผู้ทดสอบและรีวิวในเว็บไซด์ต่างๆ ก็ได้มีการทดลองใช้งาน Face ID กันอย่างมากมายหลากหลายวิธี เพราะจริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ซีเรียสมากนะครับ เพราะ Face ID กลายเป็นระบบไบโอเมตริกหลักเพียงอย่างเดียว สำหรับใช้ในการปลดล็อคเครื่องและทำธุรกรรมชำระเงินต่างๆ ซึ่ง Apple ได้กล้าตัดสินใจใช้ระบบใหม่ของเขาในการทำงานโดยไม่มีการสแกนลายนิ้วมือหรือการสแกนม่านตามาคอยซัพพอร์ต
บวกกับความกังขาว่า ระบบสแกนใบหน้าจะแม่นยำหรือเชื่อใจได้มากแค่ไหน จะเป็นจริงอย่างที่ Apple อ้างมั้ยว่ามีความผิดพลาดเพียงหนึ่งในล้าน จนเป็นที่มาของการทดสอบหลายๆ ทาง และล่าสุดก็มีคลิปทดสอบจากสื่อใหญ่อีกหนึ่งเจ้า ที่ค้นพบความผิดปกติของระบบ Face ID อีกแล้วครับ
Alex Cranz แห่ง Gizmodo ได้ทำการทดสอบระบบ ‘Attention check’ ของ iPhone X ซึ่งจะเป็นฟังก์ชั่นที่ใช้ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ในขณะนั้นคุณต้องการปลดล็อกโทรศัพท์จริงๆ และดวงตาของคุณมองมาที่โทรศัพท์อยู่ครับ เพื่อป้องกันการแอบสแกนใบหน้าของผู้ใช้ยามหลับ หรือสแกนใบหน้าทุกครั้งที่มีการสัมผัสเครื่องแบบไม่มีเป้าหมาย
แต่ผลปรากฏว่า ผู้ช่วยทดสอบของเธอดันสามารถปลดล็อกโทรศัพท์ได้ ในขณะที่เธอพยายามแกล้งทำเป็นนอน – – ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นในกรณีที่เปิดฟังก์ชั่น Attention check เอาไว้ครับ
Cranz เธอคาดเดาว่ามีสองปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้การทำงานของ Face ID เกิดความผิดพลาดขึ้นในการใช้งาน สิ่งแรกที่เธอคาดเดาคือทฤษฎีทางพันธุศาสตร์ของเธอเอง Face ID อาจจะเข้าใจว่าการที่ฉันหลับ คือดวงตาของฉันในขณะกำลังยิ้ม ^^ (สมมติฐานน่ารัก ก็คนมันตาเล็ก 555)
อีกองค์ประกอบที่ทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้ คือการแต่งหน้าที่ฉันจะใช้ในช่วงทำ Facebook Live มีการลงรองพื้นไว้หนักมาก เพื่อทำให้ใบหน้าของเธอดูเรียบเนียนเมื่อปรากฏในกล้อง แต่ในรองพื้นที่เธอใช้มีไททาเนียมไดออกไซด์เป็นส่วนผสม ซึ่งไททาเนียมไดออกไซด์เป็นส่วนประกอบสำคัญในสารกันแดดและมีคุณสมบัติสะท้อนแสงอินฟราเรดได้ ซึ่งหมายความว่าการแต่งหน้าอาจจะเป็นการป้องกันแสงเลเซอร์อินฟราเรดจากตัววัดความลึกที่สำคัญต่อการสแกนบนหน้าของฉัน จนไม่สามารถใช้อัลกอริทึ่มในการคำนวนได้
Cranz ยังประสบกับความล้มเหลวหลายครั้งที่ Face ID ไม่อาจจะจำแนกว่าเป็นเธอได้จากการใส่แว่นตาที่มีเลนส์แบบป้องกันรังสียูวี ซึ่งในจุดนี้ Apple เคยบอกเอาไว้แล้วว่า Face ID จะทำงานร่วมกับแว่นตาส่วนใหญ่ได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แถมก่อนหน้านี้ยังมีคลิปผู้ทดสอบที่ได้พยายามหลอกระบบ Face ID ด้วยฝาแฝดที่คล้ายกันมากๆ จนสำเร็จ
นี่เป็นสถานการณ์ที่ต้องบอกว่า Face ID อาจไม่สามารถรับมือกับการใช้งานจริงได้ในขณะนี้ครับ ซึ่งทาง Apple ก็เหมือนจะรับรู้และได้กล่าวว่ากำลังตรวจสอบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้อยู่ครับ
สามารถดูการทดสอบการแอบสแกนใบหน้าขณะนอนหลับได้ในนาทีที่ 16 ของคลิปด้านล่างครับ