หลังจากเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาทาง Facebook ได้ออกมาประกาศว่าจะมีการยกเลิกจำนวนไลค์ที่เกิดจากบัญชี Facebook ที่ไม่มีการใช้งานนั้น ก็ทำเอาเหล่าแฟนเพจทั้งหลายแหล่เกิดอาการร้อนๆหนาวๆกันไป แต่ดูแล้วว่าผลกระทบกับไม่ได้เกิดเฉพาะกับเหล่าพ่อค้าแม่ขายเท่านั้นนะครับ เพราะว่ามันเกิดผลกระทบกับเหล่าเซเลปรวมทั้งแบรนด์ชื่อดังต่างๆด้วย เรียกว่าลดไปเยอะกันทีเดียวครับไม่รู้ว่าเค้าไปจ้างไลค์กันมาบ้างหรือเปล่าถึงได้ลดไปเยอะขนาดนี้เอิ๊กๆ ไปดูกันดีกว่าว่าใครลดไปเท่าไรบ้าง
เหล่าเซเลปที่จำนวนไลค์ลดเยอะที่สุด
1. Rihanna: -7,986,973 (9.8% of likes)
2. Shakira: -6,855,640 (6.8% of likes)
3. Katy Perry: -5,632,634 (7.8% of likes)
4. Lady Gaga: -5,470,021 (8.9% of likes)
5. Michael Jackson: -5,063,200 (6.7% of likes)
6. Beyoncé: -4,937,853 (7.9% of likes)
7. Lil Wayne: -4,817,374 (9.3% of likes)
8. AKON: -4,615,180 (8.7% of likes)
9. Selena Gomez: -4,540,000 (8.0% of likes)
10. Avril Lavigne: -4,417,463 (8.3% of likes)
แบรนด์ชื่อดังที่จำนวนไลค์ลดเยอะที่สุด
1. YouTube: -5,796,122 (7.2% of likes)
2. Coca-Cola: -5,000,475 (5.6% of likes)
3. MTV: -4,064,977 (8.5% of likes)
4. Texas HoldEm Poker: -3,719,075 (5.5% of likes)
5. Disney: -3,467,508 (7.4% of likes)
6. Converse: -3,207,291 (8.5% of likes)
7. Red Bull: -3,197,328 (7.5% of likes)
8. Oreo: -2,621,539 (6.6% of likes)
9. Starbucks: -2,489,603 (7.0% of likes)
10. Skype: -2,430,956 (8.0% of likes)
รายการทีวีและภาพยนตร์ที่เสียจำนวนไลค์เยอะที่สุด
1. The Simpsons: -5,220,767 (7.5% of likes)
2. Harry Potter (the movies): -4,772,742 (6.7% of likes)
3. Family Guy: -4,474,455 (8.6% of fans)
4. SpongeBob SquarePants: -4,348,905 (8.0% of likes)
5. South Park: -3,952,825 (8.4% of likes)
6. The Twilight Saga: -3,773,484 (8.4% of likes)
7. Titanic: -3,493,285 (6.2% of likes)
8. Avatar: -3,445,217 (6.9% of likes)
9. Toy Story: -2,623,388 (8.0% of likes)
10. House: -2,478,546 (6.0% of likes)
จะเห็นได้เลยว่าหายกันไปเยอะมากๆครับ เป็นล้านๆไลค์เลย ถึงแม้ว่าจะถึงไม่ถึง 10% ของจำนวนทั้งหมดแต่ก็ถือว่าเยอะอยู่ดีครับ ตรงนี้ถ้าผมมองในแง่ดีก็อาจจะเป็นคนที่มากดไลค์แล้วเลิกใช้ Facebook ไปแล้ว แต่ถ้าผมมองอีกแง่หนึ่งก็คงเป็นฝ่ายการตลาดของตัวศิลปินหรือตัวแบรนด์นั้นแหละครับ ที่ทำให้เกิดไลค์ผีพวกนี้ขึ้นเอิ๊กๆ เรียกได้ว่า Facebook ทำให้จำนวนการกดไลค์มีความหมายมากขึ้นจริงๆครับ